[RE: *** CK Fastwork Top สุดยัง ***]
1_H!t-K0 พิมพ์ว่า:
K_Sejeong พิมพ์ว่า:
1_H!t-K0 พิมพ์ว่า:
heavendrive พิมพ์ว่า:
SensatiOn* พิมพ์ว่า:
มาถามใน ss ก็แพ้ดิ
ที่นี่เกลียดคนดี คนเด่น เกินไป
ปัญหาคือตรรกะหลายอันบ้งไปหน่อยนี่แหละครับ
ผมรอคอมเม้นแบบนี้มาตั้งแต่หน้าแรกละอยากจะถามเหลือเกินพอจะยกตัวอย่างได้ไหมว่าอันไหนที่ว่าบ้ง
เปิดดูคลิปจากเว็บเฟสบุค
บ้งตรงไหนขอขยายให้ผมเข้าใจที
ขออนุญาตเผือกพึ่งเคยฟังเหมือนกัน เห็นละคันมือ เอาเฉพาะคลิปนี้นะ
1.ตรรกะวิบัติแบบเหมารวม เป็นการจับแพะชนแกะ ลากโยงทุกเรื่อง เข้าไปในชุดความคิดๆความคิดเดียว และเป็นชุดความคิดหรือความเชื่อส่วนตัว (ที่สร้างขึ้นมาเอง) กรณีพรี่ CK คือ การเอาชุดความคิดหนึ่ง (เช่น ไม่ต้องมีปริญญาก็สำเร็จ) ไปตีความว่า ต้องใช้ได้กับทุกคนและทุกกรณี เป็นการเหมารวม โดยไม่พิจารณาความแตกต่างในบริบท เช่น โอกาส ฐานะ ต้นทุนทางสังคม หรือทักษะเฉพาะตัว ยังไม่รวมถึงความชอบลักษณะปัจเจกอีกนะ รวมถึงรสนิยมส่วนตัวอื่นๆ (รสนิยมคือตัวแบ่งแยกว่าคนๆนั้นคือใครและคนอื่นคือใคร มันไม่ใช่เรื่องไลฟ์สไตล์นะ ต้องแยกกัน คนไทยชอบเอามารวมกัน ว่า รสนิยมคือไลฟ์สไตล์คนละเรื่องกัน)
2.ตรรกะวิบัติผมไม่รู้ภาษาไทยใช้คำว่าไร แต่ว่าเป็นการตรรกะในเชิง การให้เหตุผลที่ผิดพลาด คนที่ไม่มีปริญญาหลายคนประสบความสำเร็จ แปลว่า การไม่มีปริญญาทำให้ประสบความสำเร็จ ก็เป็นการสรุปความสัมพันธ์แบบผิดๆ โดยตรรกะนี้จะเกิดทีหลังจากตรรกะด้านบน เนื่องจากเค้าโยงไปเข้าชุดความคิดๆ เดียวที่กล่าวไว้ตอนต้น
3.ตรรกะวิบัติแบบจับแพะชนแกะ การเอาแนวคิดบางอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องมาปะติดปะต่อกัน เช่น เอา ความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจ ไปสนับสนุนแนวคิดเรื่อง ระบบการศึกษาล้มเหลว โดยไม่มีหลักฐานรองรับตรง ๆ ถือเป็นการเบี่ยงเบนประเด็น
และถ้ามองลึกลงไปในตรรกะของเค้า สิ่งที่จะบอกว่าพี่เค้าบ้ง มองได้หลายแง่มุม โดยเวลาดูไรพวกนี้ อย่าไปให้ควาหมายของภาษามาก ให้ดูโลจิคเป็นหลัก อันนั้นคือความหมายที่แท้จริง ที่เค้าจะสื่อ อันข้างบนเป็นเหมือน คอนเซ็ปโดยรวมของโครงสร้างทางโลจิคเค้า ถ้ามองลึกลงไปในการให้เหตุผล ก็บ้งเข้าไปอีก โดยการให้เหตุและผลของเค้า
1.การให้เหตุผลลักษณะด่วนสรุปต่อชุดความคิดใดความคิดนึง
พรี่เค้าจะ อ้างกรณีเฉพาะ เช่น ช่างทำผมบางคน หรือคนขับรถบางคนที่มีรายได้ดี แล้วสรุปเหมารวมว่า ใคร ๆ ที่ทำอาชีพนี้ก็จะมีรายได้ดีกว่าคนจบปริญญา
ตัวอย่าง: ดูสิ ช่างทำผมคนนั้นมีรายได้หลักแสนต่อเดือน แปลว่าการเรียนมหาลัยไม่จำเป็น
ความจริง: มีทั้งช่างผมรวยและจน มีทั้งคนจบปริญญาที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลว ช่างทำผมอาจจะจบปริญญาก็ได้ หรือไม่ก็จบด๊อกเตอร์ยังได้ อ้นนี้เริ่มเหยียด สังเกตได้เค้ายกตัวอย่าง อาชีพ งานบริการ ที่คนในสังคมมองว่าเป็นอาชีพต่ำต้อย เข้าใจว่าสิ่งนี้เกิดจากมุมมองในชีวิต ต่อการมองคนอื่น
2.การสร้างความสัมพันธ์แบบ เหตุ – ผล ที่ไม่มีข้อมูล หรือไม่มีอยู่จริง
ตัวอย่าง: เพราะเขาไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัย เขาถึงรวย
ความจริง: ปัจจัยที่ทำให้เขารวยอาจเป็น ฝีมือ ทักษะการตลาด ความขยัน เครือข่าย ฯลฯ
ไม่ใช่เพียงแค่ ไม่เรียนมหาวิทยาลัย กณณีที่แกยก คนขับรถ ก็เพราะเป็นคนขับรถแกไง ถึงได้เงินเดือนขนาดนี้ (แถมเป็นการอวดโดยนัย 1กรุบหล่อๆ)
3.การใช้ใช้ประสบการณ์ส่วนตัว มาเป็นข้อตัดสินว่าอะไรคืออะไร โดยอาศัยบริบทเพียงเล็กน้อยจากมุมมองส่วนตัวของชีวิตตัวเอง โดยไม่อ้างอิง บริบทแบบภาพรวม เช่น สถิติการจ้างงาน รายได้เฉลี่ย หรือ career path ในการเติบโตในหน้าที่การงาน
คำพูดทั้งหมดของพรี่ CK ไม่ผิดทั้งหมดในตัวมันเอง แต่ กลายเป็นตรรกะวิบัติเมื่อถูกใช้เพื่อสนับสนุนข้อสรุปใหญ่ (ของตัวเอง) เพราะการเชื่อมโยงมันแฉลบไปแฉลบมา ก็คือจะโยงให้เข้ากับความเชื่อส่วนตัวให้ได้ โดยให้ผมสรุปแบบความคิดส่วนตัวบ้าง คือ ไม่มีไรเลยพรี่ ถ้าสมมุติบอก เอไอ ไหนลองเจน มนุษย์ทุนนิยม ยุค ศตวรรษที่ 21 คือผมว่าแม่งออกมาเป็นรูป CK เป็นตัว prototype แห่งยุคสมัย โดยรวมความคิดและตรรกะของ CK ทั้งหมดคือ
เงินคือความสำเร็จเดียว และเป็นการชี้วัดระดับคุณภาพของมนุษย์อื่นๆ ซึ่งไม่ใช่ ชีวิตคนเรามันมีหลากหลายมิติกว่านั้นอีกหลายร้อยเท่า และยังเป็น การลดทอนคุณค่าชีวิตเหลือแค่เรื่องเงิน จริงอยู่ที่เงินนั้นสำคัญ แต่ทุกคนก็คงรู้ดีว่าเรื่องอื่นก็สำคัญไม่แพ้กัน
ส่วนตรรกะหรือความ Influencer อันนี้ส่งผลต่อสังคมแค่ไหน ก็บอกได้ว่าระดับนึง เป็นการชี้นำทางความคิดโดยทำให้ เข้าใจผิดว่าความพยายามไม่จำเป็น แค่ คิดต่าง ก็สำเร็จได้ อีกทั้งยัง ผลักให้คน เกลียดระบบ/ครู/พ่อแม่(บริบทตามในคลิป) โดยไม่เข้าใจโครงสร้างปัญหาที่แท้จริง (นี่พี่เค้าพยายามบอกว่าให้ออกมาจากระบบนะแต่ดูพี่แกร อยู่ในระบบ100เปอรเซน อันนี้โคตรฮา) แต่ท่านไม่ต้องตกใจไป อันนี้ไม่ใช่รายแรก น่าจะเป็นรายที่ล้าน แต่ผมมั่นใจอย่างมาก ว่าคนดูออก กันหมด อยู่ที่ว่าจะยอม ละทิ้งความเชื่อได้ไหม
คือผมไม่เคยฟังเค้าเยอะ ผมฟังเวลามา feed ขึ้นมาแต่ผมขำแบบหลุดทุกที แบบโอ๊ะแกรอีกแล้วรึเนี่ย ผมสังเกตดูเวลามี Q&A คุณลองสังเกตดูก็ได้ คนถาม(ประชาชนทั่วไปถ้าไม่ใช่นักธรุกิจ)จะมีลักษณะ หงิมๆ ซึมๆ เวลาถามพี่แกร และจะเกิดความขัดแย้ง เพราะ CK จะตอกกลับมาแบบพลังล้นเหลือ เหตุเพราะเค้าต้องการครอบงำ ทั้งความคิดของคุณ และความเชื่อของคุณ ถ้าคนถามตั้งคำถามได้ถูกใจเค้า ก็รอดไป นี่ยังไม่พูดถึง Body language ที่มีความล้นและดูไม่เป็นธรรมชาติ ถ้าพิมพ์อีกเดี๋ยวจะยาวมาก ผมไม่ได้พิมพ์เพื่อจะหักล้างความคิดใครนะ แต่ตรงกันข้าม มันเป็นส่วนประกอบ ที่ทำให้คุณเข้าใจ สิ่งที่คุณรู้ให้ดียิ่งขึ้น