ผู้จัดการทีมชุดเยาวชน
Status: Red Devil & Nerazzurri & The Yellow Wall

: 0 ใบ

: 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 18405
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Oct 15, 2023 14:03
สรุปรายละเอียดดีล 25% เซอร์จิม
#NEWSUPDATE : David Ornstein (Tier 1 , The Athletic) นำทัพยืนยัน เซอร์ จิม เรทคลิฟฟ์ จาก INEOS ใกล้ปิดดีลซื้อหุ้น 25% ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากชีค ยาสซิม บิน ฮาหมัด อัล ธานี จากกาตาร์ ยืนยันการถอนข้อเสนอ
● Ben Jacobs (CBS Sports) ระบุว่า เซอร์จิมฯ ยื่นตัวเลขราว 1.5 พันล้านปอนด์ (1,498 ล้านปอนด์) สำหรับการซื้อหุ้นจำนวนดังกล่าว
● ตระกูลเกลเซอร์ จะเป็นผู้ตัดสินใจหลักในการ 'ให้ไฟเขียว' กับดีลนี้ของเซอร์จิมฯ โดยมีสมาชิกบอร์ดอาทิ จอห์น ฮุคส์ , โรเบิร์ต เลเตา , มานู ซอห์นี่ย์ รวมถึง ริชาร์ด อาร์โนลด์ ซีอีโอสโมสร , คลิฟฟ์ เบตี้ ประธานบริหารฝ่ายการเงิน และ พาทริค สจ๊วร์ต ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย เข้าร่วมประชุมด้วย
● ประเด็นสำคัญคือแม้ เซอร์จิมฯ จะมาซื้อหุ้นแค่ 25% (ในเวลานี้) แต่พวกเขาต้องการกุมอำนาจด้านการบริหารด้านกีฬา โดยจะนำ เซอร์ เดฟ เบรลส์ฟอร์ด ที่เคยบริหารทีมจักรยาน และทีมนีซ เข้ามามีส่วนกับการดูแล
● ไม่มีใครทราบเกี่ยวกับอนาคตของจอห์น เมอร์เท่อห์ ผอ. กีฬา แต่เบื้องต้นตำแหน่งของเอริค เทน ฮากนั้นปลอดภัย รวมถึงตำแหน่งซีอีโอ ของอาร์โนลด์
ส่วนอนาคตถ้าเซอร์จิมฯ ซื้อหุ้นเพิ่ม อันนั้นก็ไม่แน่ว่า อาร์โนลด์ จะหลุดจากตำแหน่งหรือไม่
● เกลเซอร์ ที่ยังถือหุ้นอยู่ จะยังมองแมนฯ ยูไนเต็ดเป็นแบรนด์ระดับโลก ที่เป็นหนึ่งในศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมความบันเทิง , สถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ
ส่วนเรื่องปลดโค้ช , ตั้งโค้ช บริหารด้านกีฬา ก็ให้ทีมงานของเซอร์จิมฯ ดูแลไป
● ข้อมูลจาก Ornstein ระบุว่า ความมั่งคั่งสุทธิ (Net Worth) ของเซอร์จิมฯ อยู่ที่ 29,600 พันล้านปอนด์ เขาคือบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของสหราชอาณาจักร
ส่วน INEOS บริษัทของเขา คือบริษัทเคมีภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก
#ทำไมทีมงานชีคยาสซิมถึงล้มเหลว?
● Simon Stone (Tier 1 , BBC) ระบุว่า จริงๆ แล้ว ตัวเลขที่ชีค ยาสซิมฯ ต้องการยื่นซื้อแมนฯ ยูไนเต็ดทั้งหมดอยู่ที่ 6.6 พันล้านปอนด์
จริงอยู่ ที่เราทราบกันก่อนหน้านี้ว่า ตระกูลเกลเซอร์ต้องการเบื้องต้น 6 พันล้านปอนด์ แต่นั่นน่าจะหมายถึงตัวเลขที่ 'เข้ากระเป๋า' ของพวกเขาจริงๆ
เพราะข้อเสนอของชีค ยาสซิมนั้น ได้รวมตัวเลขราว 1.4 พันล้านปอนด์ ในส่วนของการพัฒนาสนามแข่ง-สนามซ้อม , งบซื้อตัวนักเตะ , พัฒนาชุมชน ฯลฯ ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตัวเลขในส่วนนี้ทางเกลเซอร์ไม่สนใจ
นั่นทำให้ตัวเลขในการยื่นซื้อหุ้นทั้งหมดของสโมสรจริงๆ (ตัดส่วนพัฒนาสโมสรทิ้ง) จะอยู่ที่ราว 5.2 พันล้านปอนด์
และหมายถึงถ้าคิดแค่เปอร์เซนต์หุ้นที่เกลเซอร์ถือ 69% ตัวเลขที่กลุ่มผู้บริหารอเมริกันจะได้ อยู่ที่ 3.5 พันล้านปอนด์เท่านั้น ซึ่งทางชีค ยาสซิมฯ ก็เต็มที่แล้ว แต่ตัวเลขดังกล่าวไม่ตรงตามที่เกลเซอร์ ต้องการ
เพราะ Ornstein เองให้ข้อมูลที่เจาะไปอีกว่า จริงๆ แล้วตระกูลเกลเซอร์ตั้งมูลค่าสโมสรไว้ที่ 6.4 พันล้านปอนด์ (ไม่ใช่ 6 พันล้านปอนด์) - ย้ำว่ามูลค่าสโมสรเพียวๆ ไม่เกี่ยวกับเงินเสริมส่วนจะไปพัฒนาสโมสร
ซึ่งไม่มีใครพร้อมจ่ายในจำนวนนี้ (เซอร์จิมฯ ก็พร้อมซื้อหุ้นแค่ 25% ในเบื้องต้น) และทางจิมเอง ก็ตีมูลค่าสโมสรไว้แค่ 6.1 พันล้านปอนด์เท่านั้นเช่นกัน
Ornstein ระบุว่า สาเหตุที่ท่านชีคฯ ต้องถอนตัวออกไป เพราะพวกเขาไม่สามารถ 'ปราบ' เซอร์จิมฯ ให้ออกไปจากเกมได้
'เรทคลิฟฟ์เป็นผู้ยื่นซื้อที่มีความระแวดระวัง และควบคุมตัวเองให้อยู่ในเกมได้มากกว่าท่านชีคและทีมงาน ที่ยืนยันว่าจะไม่จ่ายเกินจริงกับองค์กรที่ติดหนี้และมีโอกาสจะก่อตัวเลขขาดทุนมากมายนับจากนี้'
'สั้นๆ ก็คือ ทีมงานของชีค ยาสซิม พิจารณาทุกอย่าง 'ด้วยเหตุผล' มากเกินไป พวกเขาจึงแพ้' Ornstein กล่าว
David ระบุต่อว่า แน่นอนว่าชีค ยาสซิม ยังมีแผนที่จะเทคโอเวอร์สโมสรอื่นต่อไป ล่าสุดชื่อของพวกเขาโยงกับอินเตอร์ มิลาน
#เกี่ยวกับตัวเลขFFP
● เพดานของ FFP และกฎการเงินของพรีเมียร์ลีก ระบุว่า 'การให้ทุน' จากเจ้าของสโมสร จะสามารถช่วยผ่อนภาระตัวเลขที่ขาดทุนได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ตระกูลเกลเซอร์ไม่เคยช่วยเหลือสโมสรเลยในจุดนี้
● ถ้าเกิดว่าเปลี่ยนเจ้าของสโมสรเป็น ชีค ยาสซิมฯ ... เงินของชีคฯ (ที่เบื้องต้นอาจใช้เคลียร์เรื่องดอกเบี้ยให้ เพื่อไม่ให้หนี้บานปลาย) อาจทำให้ตัวเลข FFP ไม่ชิดติดเพดานมากจนเกินไปสำหรับตลาดซื้อขายเดือนมกราคม และก่อนหน้านี้ทีมงานของชีคฯ ยืนยันว่าพวกเขาจะลงทุนกับการซื้อนักเตะเข้ามาเสริมทีม
● สำหรับทีมงานของเซอร์จิมฯ ณ เวลานี้ การซื้อหุ้น 25% ไม่ได้การันตีการช่วยเหลือในส่วนนั้น ยูไนเต็ดจะยังจำเป็นต้องประคองตัวเลขให้เป็นไปตามกฎ FFP ต่อไป
และเช่นเดียวกันกับการปรับปรุงสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ที่ยังคงต้องค้างเติ่งต่อไป เพราะเบื้องต้นการใช้เงินในส่วนนี้อาจมากกว่า 2 พันล้านปอนด์ และข้อเสนอซื้อหุ้น 25% ของเซอร์จิมฯ อยู่ที่ 1.4 พันล้านปอนด์เท่านั้น
เซอร์จิมฯ อาจจำเป็นต้องลงทุนเพิ่ม (หรือหาทุนเพิ่ม) เพื่ออัพเกรดสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดในอนาคต
#ดูบอลกับแนท
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ