มีบทความเรื่อง ทริ้ปเปิ้ลแชมป์ ของยูไนเต็ดเมื่อปี 1999 ที่ผมได้รวบข้อมูลเก็บไว้สักพักแล้ววันนี้เลยเอามาฝากกันครับ
เนื่องด้วยเป็นปีที่ผมทันดูทั้งปี
ในปี 1998-99 ถือเป็นปีที่ประสบความสำเร็จที่สุดของประวัติศาสตร์ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด
โดยที่ทุกคนคงจำได้ดีว่าสโมสรสามารถกวาดแชมป์ พรีเมียร์ลีค ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีค และ เอฟเอคัพ ได้พร้อมกันในปีเดียว โดยตลอดทั้งซีซั่น แมนฯยูไนเต็ดพ่ายแพ้ไปเพียง5นัดเท่านั้นจากทุกรายการโดยรวมการแพ้ในแชริตี้ชิล และ ลีคคัพ และ สามารถทำสถิติไม่แพ้เลย 33 นัดต่อเนื่องในทุกรายการ โดยการแพ้ครั้งสุดท้ายคือการแพ้ให้กับเดอะโบโร่ มิดเดิ้ลสโบรท์ ในวันที่ 19 ธันวาคม 1998 หรือก็คือหลังจากนั้นเป็นเวลาเกือบ 6 เดือนตั้งแต่เดือน มกราคม 1999 แมนฯยูไนเต็ดลงสนามทั้งพรีเมียร์ลีค เอฟเอคัพ ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีค โดยครึ่งฤดูกาลหลังในปีปฏิทิน 1999 ทีมไม่แพ้ใครเลยสักนัดซึ่งถือว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากครับ
![](https://sv1.picz.in.th/images/2020/03/03/xpppSn.jpg)
ช่วงเริ่มต้นของปีนั้น ขุนพลคู่กายเซอร์อเล็กซ์ที่รับใช้สโมสรมาอย่างยาวนานที่เป็นตัวสำคัญช่วงเริ่มยุค Alex Ferguson Era อย่าง ช็อคชี่ และ พัลลี่(ไบรอัน แมคแคลร์ และ แกรี่ พัลลิสเตอร์) ถึงวัยโรยลาและจากทีมไป และเป็นการเข้ามาของ กองหลังที่แพงที่สุดในโลกตอนนั้น อย่าง ยาป สตัม จากพีเอสวี และ ดไวท ยอร์ค ที่มาจับคู่เป็นคู่หู่นิลกาฬสะท้านโลกจากแอสตันวิลล่า รวมถึงเจสเปอร์บรอมควิสต์ ที่มาคอยแบ็คอัพ ไรอัน กิกซ์ที่มีอาการบาดเจ็บบ่อย นอกจากนั้น ปีเตอร์ เดอะเกรท ชไมเคิ่ล ก็ประกาศล่วงหน้าว่าจบซีซั่นนี้จะอำลาจากโอลด์แทรฟฟอร์ดหลังจากอยู่ช่วยทีมมา8ปี
ทั้งสตัมและยอร์ค เข้ามายกระดับทีมได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เกมส์รับของยูไนเต็ดกลับมามั่นคงมากเมื่อสตัมมาผนึกกำลังกับ รอนนี่ ยอนเซ่น เดนิส เออร์วิน แกรี่ เนวิลล์ และมี ปีเตอร์ ชไมเคิ่ลยืนอยู่ข้างหลังแบ็คโฟร์ ส่วนด้านหน้ามีรอยคีน ที่คอยยืนคุ้มกันเป็นด้านหน้าให้
ส่วน ดไวท ยอร์ค มาจับคู่กับแอนดี้ โคล เข้าขาลงตัวอย่างสุดๆ โดยคู่หูนิลกาฬสะท้านโลกยิงรวมกันได้ถึง 53 ประตูเมื่อรวมทุกรายการ
สำหรับโมเม้นต์สำคัญในแต่ละรายการมีดังนี้ครับ
ในลีคปีนั้นแมนฯยูไนเต็ดต้องคั่วแชมป์กับแชมป์เก่าที่เป็นอริตัวฉกาจแห่งยุคของขงเบ้งลูกหนังอย่าง อาแซน แวนเกอร์ ที่ปั้นทีมปืนโต ได้อย่างโหดมาก ทั้งแข็งแกร่ง และ สไตลการเล่นบอลที่สวยงามมีประสิทธิภาพสูง
โดยช่วงครึ่งฤดูกาลแรกแมนฯยูไนเต็ดฟอร์มลุ่มๆ ดอนๆ เข้าช่วงคริสต์มาสโดยอยู่อันดับ 3 และแพ้ไปถึง 3 นัด ก่อนที่จะติดเครื่องโกยแต้มรัวยาว ไม่แพ้ในลีคตลอดครึ่งฤดูกาลหลัง
![](https://sv1.picz.in.th/images/2020/03/03/xpv3VI.jpg)
เรียกได้ว่าเบียดกันยันนัดสุดท้ายเลย โดยช่วงโค้งสุดท้ายต้นเดือนพฤษภาคมที่เป็นเดือนสุดท้าย
อาร์เซนอลที่แข็งแกร่งเบียดเราตกไปเป็นอันดับ 2
สถานการณ์ตอนนั้นเป็นรองแล้วแต่โค้งสุดท้ายในช่วง 3นัดก่อนปิดฤดูกาล
เราสามารถแซงกลับมาได้หวุดหวิดทีเดียว
มาต่อกันที่เอฟเอคัพ ก็มีโมเม้นต์ที่สำคัญคือ การเฉือนชนะอริตลอดกาจลิเวอร์พูล2-1ในรอบ4
โดยเป็นการยิงในนาทีที่ 88 และ 90 และ
จับมาเจอเชลซีทีมแกร่งที่จบฤดูกาลเป็นอันดับ 3 ในซีซั่นนี้
แต่สุดท้ายแม้จะต้องเล่นถึงนัดรีเพลย์แต่ก็ยังสามารถผ่านไปได้
และการชนะอาเซน่อล คู่แข่งตัวฉกาจที่กำลังเบียดแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีคกันอยู่
ในรอบเซมิไฟน่อลแบบดราม่าสุดๆ ซึ่งทั้ง2ทีม ต้องสู้กันถึงนัดรีเพลย์
ในช่วงต่อเวลาที่เสมอกันอยู่ 1-1 แมนฯยูไนเต็ดสถานการณ์ตกเป็นรองอย่างหนักเหลือ 10 คน
เมื่อรอย คีนกัปตันทีมโดนใบแดง หลังจากนั้นมาเสียจุดโทษ แต่ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล
โชว์การซุปเปอร์เซฟจุดโทษของเดนิส เบิร์กแคมป์ ก่อนที่ ไรอัน กิกซ์จะลากเลื้อยหลบ
ผู้เล่นอาเซน่อล 5 คนไปยิงแสกหน้าเดวิด ซีแมน
เสยคานเข้าประตูโดยเป็นประตูสุดยอดตลอดกาลใน FA Cup จนทุกวันนี้
ส่งให้ทีมเข้าชิงก่อนไปชนะนิวคาสเซิ่ล 2-0 คว้าโทรฟี่เป็นรายการที่ 2 ของปี
![](https://sv1.picz.in.th/images/2020/03/03/xpeRsg.jpg)
ทางด้านเส้นทาง UCL ตั้งแต่รอบแรกที่จับสลากอยู่นกรุ๊ปออฟเดธ
ร่วมกับบาร์เซโลน่าในยุคที่มีนักเตะระดับบัลลงดอร์ ริวัลโด้ และ
บาเยิร์นมิวนิคยุครวมสตาร์ทีมชาติเยอรมันอย่าง โลธาร์ มัธเทอุส โอลิเวอร์ คาห์น
สเตฟาน เอฟเฟนแบค เมเม็ต โชล และ มาริโอ บาสเลอร์
ซึ่งเราก็เอาตัวรอดเข้ารอบไปได้อย่างหวุดหวิดโดยเข้าไปได้เป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม
![](https://sv1.picz.in.th/images/2020/03/03/xpeXcP.jpg)
ส่วนรอบน็อกเอาท์เราต้องเจอ 2 ยักษ์ใหญ่แห่งอิตาลีลีคที่รวมซุปตาร์ไว้อย่างมากมาย
โดย อินเตอร์ยุคนั้นมี โรนัลโด้ สุดยอดกองหน้าปีศาจ
ที่สำหรับผมแล้วขอยกให้เป็น Perfect Striker หรือกองหน้าที่ดีที่สุดที่ผมเคยเห็นมาและเกิดทัน
(ผมไม่นับเมสซี่ กับ คริสเตียโน่นะ พวกนี้ผมนับเป็นปีกตัดยิง)
รวมถึงยูเว่ ที่มี Classic Playmaker no.10 ที่ดีที่สุดในยุคที่ผมเกิดทันเช่นกัน
(ผมเชียร์ฝรั่งเศสก็เลยจะมีความเห็นส่วนตัวว่าซีดานคือสุดยอดที่สุดครับ)
แต่เราก็สามารถผ่านทั้ง 2ทีมไปได้อย่างหวุดหวิดที่สุด
จากการที่ยิงประตูตัดสินได้ในช่วงท้ายเกมส์ในนัดที่ 2 ของทั้งรอบควอเตอร์ และ เซมิไฟน่อล
และสุดท้ายในรอบชิงที่จนทุกวันนี้ยังเป็นหนึ่งในรอบชิงยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีคที่คลาสิคที่สุดนัดนึง
เมื่อสามารถพลิกจากการตามหลังบาเยิร์นมิวนิคที่เคยเจอกันในรอบแบ่งกลุ่ม
ก่อนจะมาเจอกันรอบชิงอีกครั้ง ซึ่งบาเยิร์นเล่นได้อย่างเหนือกว่า
และนำเราอยู่ 0-1 จนถึงนาที90 แต่เรื่องที่ไม่มีใครเชื่อก็เกิดขึ้น
เมื่อจบเกมส์ด้วยชัยชนะ 2-1 ของแมนฯยูไนเต็ด
ที่ทำประตูได้2ลูกพลิกแซงในช่วงทดเวลา
![](https://sv1.picz.in.th/images/2020/03/03/xpFKU0.jpg)
ซึ่งถึงแม้แมนฯยูไนเต็ด จะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมได้
ในครึ่งฤดูกาลหลังที่ไม่แพ้ใครเลยอย่างที่กล่าวมาข้างต้น
แต่คะแนนที่ทำให้คว้าแชมป์คือการเบียดกับอาเซน่อลไปแค่ 1 คะแนนเท่านั้น
และ จากความสูสีนี้เองทำให้พวกตัวหลักของขุมกำลังชุดนี้แทบไม่ได้พักเลย
นอกจากความแข็งแกร่งทางร่างกายที่ต้องลงเล่นเกือบทุกรายการ
ยังต้องชื่นชมความแข็งแกร่งทางจิตใจด้วยที่มีบ่อยครั้งที่โดนนำ
หรือ โดนยันเสมอไว้ได้จนถึงท้ายเกมส์ แต่ทีมก็จะสู้และกลับมาทำประตูได้ในช่วงท้าย
หรือไปถึงทดเวลาบาดเจ็บหลายต่อหลายครั้งจนมีการบัญญัติคำว่า Firgie Time ขึ้นมาหลังจากนั้น
ทั้งประตูสำคัญที่ตีเสมอยูเว่ในนาที 90+2 ของไรอัน กิกส์ ใน UCL รอบรองชนะเลิศนัดแรก
ประตูชัยในนาที90ของโอเล่ กุนนาร์ โซลชาที่ยิงลิเวอร์พูล ในเอฟเอคัพรอบ4
และ 2ประตูในนัดชิงที่พลิกแซงบาเยิร์นในนาที 90+1 และ 90+3
![](https://sv1.picz.in.th/images/2020/03/03/xpFZru.jpg)
นี่คือจำนวนแมทช์ที่ขุมกำลังชุดนั้นต้องลงเล่นเรียกได้ว่า
การต้องต่อสู้เพื่อจะคว้าให้ได้ถึง 3รายการนักเตะตัวหลักต้องทำงานหนักแบบสุดชีวิตเลยทีเดียว
นักเตะอย่าง ชไมเคิ่ล แกรี่ สตัม คีน เบคแฮม ต้องลงเล่นถึง 50นัดขึ้นไป
เรียกได้ว่าหนักหน่วงกับร่างกายนักเตะมากจริงๆ
และนี่คือเรื่องราวการเกิดตำนานที่ขับขานกัน
ว่าเป็นหนึ่งในปีที่เข้มข้นดุเดือด ดราม่า และ ประสบความสำเร็จมากที่สุด
ในประวัติศาสตร์ลูกหนังของสโมสรแห่งเกาะอังกฤษครับ
![](https://sv1.picz.in.th/images/2020/03/03/xpFRsP.jpg)
มีเกร็ดน่าสนใจอีกเรื่องคือ แมนฯยูไนเต็ดในซีซั่นนั้น
ได้มีการออกชุดแข่งถึง 2แบบ สำหรับ
ใส่ลงแข่งในประเทศ และ อีกแบบคือออกแบบย้อนยุคเพื่อสำหรับลงเล่นในยุโรป
โดยเฉพาะทำให้ในปีนั้นจะใส่เสื้อไม่เหมือนกันครับ
ซึ่งเมื่อปีที่แล้วสโมสรได้ผลิตเสื้อ ucl เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี
ผมเองก็ไปสอยมาใส่ตอนดูยูไนเต็ดเกือบทุกนัดเลยครับ
ข้อมูลประกอบจาก
https://en.wikipedia.org/wiki/1998–99_Manchester_United_F.C._season#FA_Cup