บ้างทีไม่พร้อมก็อย่ามีลูกเลย เฮ้อ

ผมเชื่ออย่างนึงว่า การเรียนรู้ การศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

ต่อให้สภาพแวดล้อมจะแย่ยังไง แต่ถ้าตัวคุณเลือกที่จะใฝ่รู้ มารยาท กาลเทศะพวกนี้มันสอนได้

เอาง่ายๆ บางคนจบสูงมา แต่กาลเทศะยังไม่มีเลย

แต่ในรูปผมว่า น่าจะแย่ทั้งทางบ้าน และ ตัวเด็กเองด้วย

ถ้าผมเป็นครู ผมปล่อยเลย แบบนี้ดัดไม่ได้แล้วเสียเวลาเปล่าๆ

เกลียดคู่กรณีที่ชอบพูดแบบนี้ประจำ

"แล้ว...จะต้องทำยังไงบ้างล่ะวะ???"

แล้วโรงเรียนนี่ไม่ใช่สังคมที่สอนเรื่องพวกนี้หรอครับ ?? ผมว่าในสิ่งแวดล้อม/สังคมแบบโรงเรียนเนี่ย มันควรจะเห็นเรื่องแบบนี้ได้ชัดที่สุดแล้วนะครับ เพราะมันคือที่สอนเรื่องพวกนี้เลยนะ คือถ้าเด็กมัน pick up ได้ มันต้องได้ตั้งแต่ในโรงเรียนแล้วนะ

เด็กมันก็เก็บมาหมดนั่นแหละ เวลาพูดกับเพื่อนมันก็แบบนึง กับครูก็แบบนึง
ที่บ้านก็แบบนึง ทีนี้ตอนจะเอาไปใช้เด็กมันมองช่องว่างของครูกับตัวเองยังไงนี่ดิ

อาทิตย์ก่อนผมไปเจอลูกร้านขายข้าว ก็พูดกู-มึง กันตั้งแต่อนุบาลแล้ว
การอบรมสั่งสอน สมัยนี้มันไม่เหมือนยุคเราๆแล้วอ่ะ เด็กไม่รู้จักการเข้าหาผู้ใหญ่ ไม่มีมารยาททางสังคม ความเกรงใจ สัมมาคารวะต่ำลงทุกวันๆ

ไม่เกี่ยวเด็กสมัยนี้หรือเด็กสมัยก่อนครับ เด็กสมัยก่อนมันไม่มี line ให้ใช้ ถ้ามันมีให้ใช้มันก็มีพวกที่สื่อสารแบบนี้เหมือนกัน เหตุผลที่มันเป็นแบบนี้เพราะมันเป็นเด็กเราก็ต้องสอนเค้าให้เข้าสังคมให้ถูก

แล้วก็เลิกใช้ไลน์ทำงานนะจ๊ะท่านผู้ใหญ่ทั้งหลาย แค่ใช้ line มันก็บ่งบอกถึงความไม่ official แล้วเด็กมันก็พิมแบบนี้แหละเพราะเวลามันคุย line กับคนอื่นก็คือเรื่องที่ไม่ใช่งานทั้งนั้นไม่แปลกใจว่าเด็กมันพิมแบบนี้เพราะมันคือความเคยชินที่เค้าใช้ line กับเพื่อนเค้า ไปใช้พวก Slack Teams GGChat พวกนี้เด็กมันจะมี awareness มากขึ้นผมคิดว่างี้นะ

ลิงค์บินไปแล้ว ยังไม่ทันได้อ่านเลย

ดูไม่ได้

ผมเห็นด้วยเรื่องต้องแยกระหว่างแอพที่ใช้ทำงาน/ทางการกับแอพไม่ทางการนะ อย่างผมนี่เวลาตามงานจะตามใน Teams แต่ LINE เอาไว้คุยเล่นๆ จะมีตามงานบ้างเวลาทีมไม่อ่าน Teams เฉยๆ

อย่างไรก็ดี เท่าที่ผมเข้าใจ Slack กับ Teams ไม่ได้ฟรี เพราะ Slack free version หา history ย้อนหลังได้แค่ 90 วัน ส่วน Teams ก็ต้องมี MS license ซึ่งตรงนี้เป็นการสร้าง limitation เรื่องเงินแล้วส่วนนึง ต่อมา เด็กๆเอง “อาจจะ” ไม่ได้สะดวกในการใช้แอพอื่น คือการสื่อสาร มันต้องปรับเพื่อให้สอดคล้องกับทั้งสองฝั่ง เพราะถ้าใช้ไม่เป็น ก็เกิดปัญหาอีก

ตัวอย่างง่ายๆก็องค์กรผมเลยละกัน ว่าเราบล็อค LINE บน network ของออฟฟิศ แต่เนื่องจากพวก Sales/KAM ต้องคุยกับลูกค้าเยอะ แล้วลูกค้าก็ถนัดใช้ LINE มากกว่า รวมถึง business values ที่ให้ใช้/ไม่ให้ใช้ ฝั่งให้ใช้มันมีมากกว่า สุดท้ายทาง IT ก็อนุญาตให้ใช้ได้

Context ตรงนี้ก็เหมือนกัน คือถ้ามันเป็นความเคยชินและมันสร้าง value ได้มากกว่า ผมว่ามันก็ไม่ผิดที่ครูหรือองค์กรใดๆจะใช้ LINE ในการสื่อสาร (ต่อให้ผมไม่เห็นด้วยก็ตาม) เพราะสุดท้ายแล้วเป้าหมายของการสื่อสารคือ send message across ที่ทำให้อีกฝ่ายเข้าถึงข้อมูล รวมถึงเข้าใจด้วยเช่นกันน่ะครับ

ดูบ่ดั้ย

ไม่เห็นด้วยเลยครับ
แม้กระทั้งผมที่เกลียดการใช้ไลน์ที่สุด ยังมองว่าการใช้ไลน์ในการทำงานนั้นสำคัญมาก
ถ้าผมไม่ได้ทำงาน ผมบอกเลยผมจะลบไลน์ทิ้ง ผมไม่ใช่ไลน์คุยกับเพื่อนหรือกับใครเลย เป็นโรคจิตรำคาน ข้อความพวกนี้


แต่ พอถึงคราวต้องทำงาน ไลน์มันประสานงานง่ายที่สุดเร็วที่สุด ตรวจสอบหรือเข้าใจง่าย
สมัยที่ผมต้องย้ายงาน ทำงาน ที่ต้องร่วมกันทำงาน โคตรฝืนใจตัวเองเลยที่ต้องสมัครไลน์ แต่ก็ต้องสมัคร เก็บความรู้สึกส่วนตัวไว้

ผมใช้ไลน์ แจ้งข่าวเรียกประชุม รับทราบปัญหา อย่างเกินปัญหากับเครื่องจักรคุยโทรศัพท์มันไม่เห็นภาพหรอก ก้ได้ไลน์นี้แหละส่งรูปให้ดู ว่าตรงไหนที่มีปัญหา พนักงานทุกคนเข้าถึงไลน์ได้ง่ายมากกว่าอีเมล์

ผมไม่ได้ต้องการความ official จากไลน์เลย แต่ต้องการ คุณภาพการทำงานจากไลน์ ถ้าอยาก official ผมก็ เรียกประชุมเอา แต่ที่ผมได้จากไลน์คือ
- พนักงานทุกระดับ สามารถเข้าถึงได้
- รายงานปัญหาได้อย่างรวดเร็วเห็นภาพ
- มีหลักฐานใช้ในการอ้างอิง
- ประสานงาน แต่ละแผนกได้อย่างรวดเร็ว ครบถ้วน ยกตัวอย่าง มีคำสั่ง ที่ต้องสังลูกน้องระดับล่างพร้อมกัน 20 คน คุณว่าวิธีไหน คือวิธีที่เร็วที่สุด และทำให้รู้ทั่วถึงได้ครบทุกคน ไม่ต้องมานั่งบอกทีละคน

เทคโนโลยีอุส่าพัฒนาขึ้นมาให้เราใช้สะดวกขึ้นแต่กลับไม่เอามาใช้ประโยชน์ก็ไร้ค่าครับ ใช้มันให้อย่างเหมาะสม
เมื่อก่อน ผมต้องไปจ่าย ค่าขยะที่เทศบาลทุกเดือนโคตเสียเวลาเลย ผมยังชม เทศบาลเลย เดี๋ยวนี้มีบริการ โอนชำระ ส่งหลักฐานการชำระผ่านทางไลน์ เทศบาล อำนวยความสะดวกประชาชนได้ดีขึ้น


ครูอุส่าประยุก เอามาใช้กับนักเรียนให้ตามงานได้สะดวกขึ้น หรือบางท่านมีแม้กระทั้งไลน์กลุ่มผู้ปกครอง ผู้ปกครองก็วางใจ ว่าส่งลูกตัวเองไปถึงโรงเรียนหรือเปล่าก็เช็คได้ หรือเด็กขาดลามาสาย ครูก็ถามผู้ปกครองได้โดยตรงเลย ว่า มีสาเหตุอะไร

จริง มรรยาทในการใช้ไลน์นี้โคตรเรื่องสำคัญเลยนะ มีช่วงนึงผมใช้ไลน์ได้ ไร้มรรยาทมาก เคย โมโหลูกค้าที่เป็นถึงเจ้าของโรงแรมแล้ว ออกกลุ่มลูกค้าใส่หน้า เจ้าของโรงแรมเลย โคตรเสียมรรยาทเลย ดีผมไม่ทำโรงงานเสียลูกค้ารายใหญ่ไปเพราะนิสัยแย่ๆ ของผมเอง

วางตัวให้เข้าถึงง่าย เฟรนลี่ ไม่เกี่ยวกับมารยาทที่ควรปฏิบัติต่อกันครับ

OK ผมเก็ตประเด็ฯเรื่องเครื่องมือสื่อสารที่ใช้นะ แต่เรื่องให้เปลี่ยนเครื่องมือระดับองค์กรนี่น่าจะยากนะ
รพ.เอกชนที่ผมไปรับ parttime เค้าก็ใช้ line คุยกันประสานงานกัน ผมจะไปเปลี่ยนองค์กรเค้าก็ไม่ได้
แต่ผมคิดว่า คำสุภาพ สามารถใช้ได้ทุกโอกาสนะ ผมคิดแบบนี้ แล้วน้องก็รู้ว่า ปลายทางไม่ใช่เพื่อนเค้า
ไม่ใช่การพิมพ์ผิดด้วย แต่เป็นความเคยชินเหมือนที่คุณบอก ซึ่งถ้าปรับได้ก็จะดีขึ้นกับตัวเค้าเยอะ
เวลาติดต่องานอะไรหลายๆอย่างด้วย

ส่วนนึงมองว่า อยู่ที่การวางตัวของ อาจารย์ด้วยนะครับ
บางทีเด็กมันได้ใจ ต้องดุๆ บ้างครับ