สอบถามนะครับรถผมMG3 2017 รถผมสัญญาเหลืออีก3ปี ผมปรับโครงสร้าง1ปี(ลดค่างวดลงครึ่งนึง)
แล้วผมเหลือยอด อีก300K ถ้าผมผ่อนไม่ไหว อยากคืนรถ(ไม่ค้างค่างวด) จะโดนฟ้องส่วนต่างไหมครับ
รบกวนชี้แนะหน่อยครับ

หาคนไปเปลี่ยนสัญญาง่ายกว่า ถ้าขายเป็นรถบ้าน 265,000 -280,000 บาท

ขายเต๊นท์หักไปอีก 3 หมื่น

เท่าที่เข้าใจ ถ้าคืนรถนี่ขาดทุนค่อนข้างเยอะนะ เพราะธนาคารจะเอาไปขายทอดตลาดในราคากลางมั้งซึ่งมันจะถูกกว่าขายต่อให้คนซื้อโดยตรง เงินขายได้เท่าไหร่ก็เอามาหักลบกับหนี้ที่คุณติดอยู่จากนั้นคุณก็ต้องจ่ายหนี้ส่วนต่างที่เหลืออยู่ดีครับ

ดีสุดน่าจะเป็นการหาคนมาซื้อแล้วเปลี่ยนสัญญาให้เขาไปผ่อนต่อครับ คิดว่าน่าจะใช่นะ

ถ้าเป็นtisco มีโครงการคืนรถแล้วจบเลยไม่เสียส่วนต่างด้วย

โดนฟ้องแน่นอนครับ แต่ต้องจ่ายเท่าไรหรืออาจจะไม่จ่ายเลยสักบาทก็ได้ อันนี้อยู่ความสามารถของคนที่ไปแก้ต่างสู้คดีให้ครับ

ผ่อนไปแล้วกี่ปี งวดละเท่าไหร่

ถ้าคืนรถ ขายทอดตลาดแล้วส่วนต่างไม่พอยอดปิดเขาก็มีสิทธิส่งจดหมายมาเรียกค่าส่วนต่างได้ครับ

อย่าไปหาอ่านพวกนักกฏหมายโซเชี่ยลมากครับ

ผมเห็นแนะนำแต่ละอย่าง ผ่อนปกติตรงตลอด ขับเบื่อแล้ว เอารถคืนไฟแนนซ์ ไม่ต้องจ่ายส่วนต่าง คืนแล้วจบเลย ถุยเถอะ

แนะนำหาคนมาเปลี่ยนสัญญา ผ่อนต่อครับ

ศาลฎีกาเคยตัดสินอยู่นะครับ ถ้าเรานำรถไปคืนโดยที่เราไม่เคยค้างค่างวดเลย และจ่ายค่าดำเนินการส่งคืนรถยนต์ครบถ้วน จะถือเป็นการใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามกฎหมายว่าด้วยการเช่าซื้อ ไฟแนนซ์จะมาฟ้องเรียกค่าส่วนต่างไมไ่ด้ครับ

https://vt.tiktok.com/ZSRUGfeJF/
ลองดูคับ
ไม่ก้บองเสิจในติ๊กตอกว่า
"คืนรถไฟแนนซ์ไม่ต้องรับผิดชอบส่วนต่าง"

เอาฎีกามาแปะด้วยดีกว่าครับ เคสที่คุณบอกมันน่าจะค่อนข้างเฉพาะเจาะจงและมีเหตุที่ทำให้ไม่ต้องคืนเงินส่วนต่าง จขกท จะได้มีแนวทาง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๕๒๓๙/๒๕๖๑

ภายหลังจากจำเลยที่ ๑ ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์ จำเลยที่ ๑ ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์ ๒ งวด โดยยังไม่ผิดนัด จำเลยที่ ๑ นำรถยนต์ที่เช่าซื้อไปส่งมอบคืนให้แก่โจทก์ อันเป็นเวลาก่อนถึงกำหนดชำระค่าเช่าซื้องวดที่ ๓ หนึ่งวัน แสดงว่าในขณะส่งคืนทรัพย์สินที่ให้เช่าซื้อ จำเลยที่ ๑ ยังหาได้ตกเป็นผู้ผิดนัดไม่ กรณีมิใช่เรื่องที่จำเลยที่ ๑ ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อแล้วนำรถยนต์ที่เช่าซื้อไปส่งมอบคืนให้แก่โจทก์ แต่เป็นเรื่องที่จำเลยที่ ๑ ใช้สิทธิเลิกสัญญาเช่าซื้อ ในขณะที่ตนเองยังมิได้ตกเป็นผู้ผิดนัด ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๕๗๓ ซึ่งบัญญัติว่า ผู้เช่าซื้อจะบอกเลิกสัญญาในเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ ด้วยการส่งมอบทรัพย์สินกลับคืนให้แก่เจ้าของโดยเสียค่าใช้จ่ายของตนเอง อันเป็นบทบัญญัติให้สิทธิผู้เช่าซื้อเลิกสัญญาได้ และส่งผลให้สัญญาเช่าซื้อเป็นอันเลิกกัน เมื่อสัญญาเช่าซื้อเลิกกันโดยจำเลยที่ ๑ มิได้ประพฤติผิดสัญญา แม้ในสัญญาเช่าซื้อจะมีข้อความว่ากรณีที่เจ้าของได้รถกลับคืนมา ไม่ว่าจะด้วยเหตุที่เจ้าของเป็นฝ่ายบอกเลิกสัญญาหรือผู้เช่าซื้อเป็นฝ่ายบอกเลิกสัญญาโดยการส่งมอบรถที่เช่าซื้อคืนเจ้าของ หากเจ้าของนำรถออกขายได้ราคาน้อยกว่ามูลหนี้ส่วนที่ขาดอยู่ตามสัญญา ผู้เช่าซื้อตกลงรับผิดส่วนที่ขาดก็ตาม แต่การที่จำเลยที่ ๑ มิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา และไม่ปรากฏว่าขณะที่สัญญาเลิกกันจำเลยที่ ๑ มีหนี้ที่จะต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ เพียงใด โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดราคาจากจำเลยที่ ๑ ได้ เมื่อจำเลยที่ ๑ ผู้เช่าซื้อไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าขาดราคาให้แก่โจทก์ จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ผู้ค้ำประกันย่อมไม่ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ด้วย

แนะนำว่าให้ไปหาข้อมูลต้นขั้วฏีกา มาศึกษาอีกรอบครับ
อย่าไปชื่อในเนต ติ๊กต๊อกเยอะ ถึงมีฏีกานี้
คนที่โดนฟ้องหลังฏีกานี้ได้เสียส่วนต่างให้ไฟแนนซ์เพรียบเลย

**ผมสรุปฏีกานี้ให้ง่ายๆละกัน ไฟแนนซ์พลาดแพ้คดีทางเอกสารเพราะไปเซนต์รับรถคืน และระบุว่าจะไม่เอาความ+เรียกร้องส่วนต่าง ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น
หลังจากนั้นมาไม่มีอีกแล้วครับ

แนะนำ จขกท. กัดฟันผ่อนต่อ หรือขายเองโดยหาผู้เปลี่ยนสัญญาครับ ถึงจะไม่ได้อะไรคืนก็อาจไม่ต้องเสียส่วนต่าง

ราคาในตลาด mg ตกมากๆ ยิ่งแนนซ์ไปขายเอง ราคายิ่งไม่น่าเหลือเท่ายอดที่จะต้องปิด น่าจะได้จ่ายค่าส่วนต่างเพิ่ม

วิธีคืนรถให้เป็นวิธีสุดท้าย

ผมจำได้เหมือนท่านเลยว่ามีแค่เคสนี้เคสเดียวนี่แหละที่ไฟแนนซ์พลาด

หลังจากนั้นแทบทุกไฟแนนซ์อัพเดทสัญญาให้รัดกุมขึ้นทุกเจ้า ไม่มีพลาดแบบนี้อีกแล้ว