55555 แต่เออจริงนะ Sir Alex ทำไม่ได้แชมป์ปีไหน โดนไล่ไปเลี้ยงหลานยับๆเหมือนกัน ดีว่ายุคนั้นไม่ค่อยมี social
มันมีมานานแล้วกะการที่แฟนบอลคิดเอาเองว่าผจกทีมคนนั้นดีกว่าคนนี้ เช่น

รูปเกมผจกคนนั้นดีกว่าผจกทีมเรา ดูมีทรงกว่า ของ Sir ดูเน้นฉาบฉวย
- จริงๆแล้วดูไม่ออกเองว่า Sir Alex ตั้งใจเล่นบอลเร็วในพื้นที่สุดท้าย อะไรก็ได้ให้บอลไปถึงแนวรุกไวที่สุด แล้วให้อิสระแดนหน้า create play คู่ต่อสู้จะได้เดายาก แต่กลายเป็นแฟนบอลไม่เข้าใจจะบอกรูปเกมไม่ดี ทั้งที่จริงๆแล้วมันแค่วิธีการเล่นบอลมันมีเยอะ แล้วการที่แกเลือกใช้แนวนี้มันก็เหมาะกับทีมที่สุด แชมป์หลายสิบถ้วยพิสูจน์ได้


tactic มูริญโย่สุดยอด Sir Alex แพ้ทางสู้ไม่ได้แทบไม่เคยชนะ อยากให้ retire ไปเลี้ยงหลานได้แล้ว
- อันนี้จริงนะ มูโคดเก่ง tactic เรียกได้ว่า master เลยล่ะ แล้วมันจะเป็นเรื่องปกติที่ผจกทีมคนไหนๆ ไม่ว่าจะเก่งไม่เก่ง มันเหมือนจะมีคนที่แพ้ทางกันอยู่ แล้วก็เป็นเรื่องจริง Sir แพ้ทางมูมาก
***แต่ประเด็นสำคัญอยู่ตรงนี้ คือการเป็นผจกทีมเนี่ย เรื่อง tactic ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดนะ มันต้องมีการบริหารห้องแต่งตัว มีการแจกจ่ายงานให้ทีม staff ที่เชื่อถือได้ แล้วคุมภาพรวม สังเกตุความเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เอาตัวไปคลุกกับทุกงานเองหมด ถ้าคุณเข้าใจว่างาน manager จริงๆคืออะไร คุณจะเข้าใจว่าการ delegate งานให้ดี สำคัญที่สุด

Sir Alex อาจจะ tactic สู้บางคนไม่ได้ แต่ด้วยการบริหารห้องแต่งตัว ลูกทีมเชื่อมั่นกลายเป็นนักเตะให้ใจเกินร้อย พอไปเจอทีมที่อาจจะดูเก่งกว่าทีมนั้นอาจจะเล่นไปตาม tactic ที่ดี แต่นักเตะเค้าไม่ได้วิ่งลืมตาย ใส่สุดทุกจังหวะเหมือนนักเตะแมนยูทำเพื่อ Sir Alex กลายเป็นทีมเราก็เอาชนะได้นะครับ ผมถึงบอกว่าทีม spirit สำคัญไม่แพ้ tactic แน่นอน มันเอามาบวกกันเป็นทีมๆนึง ไม่งั้นตอนมูมาคุมเราคงครองได้เกือบทุกแชมป์ถ้าเอาแค่ tactic (แต่เรื่องนี้ก็ยาว เพราะบอร์ดบริหารแมนยูเริ่มไม่เชื่อมั่นแกหลังมีข่าวทะเลาะกับนักเตะออกสื่อและกลายเป็นเปลี่ยนทิศทางไม่หนุนหลังแกต่อ)


ทีมเราถ้า Sir ออก ใครก็อยากมาคุมทีม ทีมระดับแมนยูนะเว้ย
- สรุปทั้ง Pep, Klopp, Ancelotti ไม่มาครับ จีบแล้วจีบอีกส่งป๋าไปกล่อมก็ไม่มา เพราะอย่างที่ผมเคยบอกไปแล้วว่า ทีมเรามีปัญหาเรื่องบอร์ดบริหารทิศทางเละเทะแผนงานกีฬาไม่มีเน้นเงินมากกว่าเน้นแข่งขัน และผจกทีมทั้งสามคนพูดคล้ายๆกันหมดถึงเรื่องนี้ อันนี้ลองไปหาคำพูดที่เจ้าตัวพูดถึงแมนยูดูเองก็ได้ ทีมเราไม่มีทิศทางการบริหารจริงๆหลัง Sir Alex ไป แทบไม่มีคนด้านกีฬาในระดับผบหเลย เค้าก็ไม่อยากมากันครับ

สรุปว่าจขกทต้องทำใจครับ ระดับ Sir Alex ที่คือที่สุดในยุคนั้นแล้ว แกยังโดนแฟนบอลที่ไม่เข้าใจฟุตบอลด่ายับๆเลย นับประสาอะไรกับโอเล่ที่ยังไม่เคยทำทีมได้แชมป์จะโดน คุณจะต้องทนเห็นประเภทคำด่าประเภทว่าถ้าเป็นคนนั้นคนนี้นะทำทีมได้แชมป์ไปแล้วทั้งๆที่เออ คนที่ว่าทำได้แชมป์ได้น่ะเค้าไม่อยากมาไง ลืมไปรึป่าว 555
แต่ไม่แน่นะถ้าโอเล่ออก รอบนี้ผมว่าหลายคนเรียงคิวอยากมาเลยล่ะ เพราะแกได้แก้ปัญหาหลังบ้านให้หมดแล้วตอนนี้ทีมบริหารดูดีมีทิศทางเลยล่ะ ผมล่ะรักแกตรงนี้ ถ้าสุดท้ายไม่ได้แชมป์ต้องออกไปผมก็ขอบคุณแกอยู่ดี แกคือคนที่มากู้ซากตอนทีมใกล้แตกให้

ปอลอ ผมคิดว่าแฟนบอลแมนยูไม่รู้ตัวหรอก ว่าหลังมูออก ทีมเราเข้าใกล้การเป็นแบบ Arsenal ในตอนนี้แค่ไหน เราจะเป็นแบบน่อลตอนนี้แหละถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงระดับบริหาร ปัญหามันใหญ่เกินกว่าได้แชมป์รึป่าวไปแล้ว มันแย่กว่านั้นเยอะมันมองไม่เห็นทิศทางจะกลับมาได้แชมป์เมเจอร์ในระยะอันใกล้ อันนี้แหละน่ากลัวมากกับความรู้สึกแฟนบอลทีมใหญ่  

วันก่อนดูช่อง ฟุตบอลจีเนียส
เขาเอาบทความวิเคราะห์ของ Eric Laurie(กูรูระดับโค้ชไลเซ่นท์)มาอ่านให้ฟัง
แบบทีละบรรทัด เพื่ออธิบายว่า แมนยูมีการBuild-upขึ้นมายังไง

ในไลฟ์มันก็จะมีแฟนบอลบางประเภท ไปด่าว่าคุณอั้มว่า อวยโซลชาร์
คือเข้าใจป่ะ เขาไม่ได้จะปกป้องโซลชาร์ แต่เขาอธิบายให้มึงเข้าใจว่าแมนยูกำลังเล่นแบบไหน

เอาจริงๆนะ ผมว่าผมเริ่มเข้าใจคำว่า"ดูบอลไม่เป็น"ขึ้นทุกวัน
บางคนดูบอล เอาแค่ผลลัพท์ สายตามองตามลูกบอลไปเรื่อยๆ มีแค่ยิงได้กับเสียประตู
ซึ่งเมื่อก่อนตอนเริ่มดูบอลใหม่ๆใครก็เป็นแบบนั้นกันหมด พอจะเข้าใจได้

แต่เดี๋ยวนี้เราเข้าถึงบรรดากูรู เข้าถึงนักวิเคราะห์ต่างประเทศมากขึ้น
มันควรทำให้เราเป็นคนที่ดูบอลเป็นมากขึ้นสิ
ควรดูในมุมที่พยายามเข้าใจเหตุผลต่างๆนานาในการตัดสินใจมากขึ้นสิ
ดูตัวที่ไม่มีบอล ดูการยืนตำแหน่ง ดูการทรานซิชั่นระหว่าเกม

แต่มันยังมีความคิดแบบแฟนบอลเอาแต่ใจอยู่เลย
ตามจขกท.เลย แค่เห็น11ตัวจริง แค่เห็นเฟรดลงก่อนฟานเดอเบคก็ด่ากันแล้ว

ถ้าเทียบเมื่อก่อนผมเล่นบอร์ด readarmyfc.com มันก็จะมีคนจำพวกนี้แหละ
เห็นเฟรทเชอร์ในรายชื่อ11ตัวจริงเมื่อไหร จะต้องด่าเซอร์ไล่ให้รีไทร์ทุกครั้ง
ยิ่งเซอร์ชอบเลือก11ตัวจริงแบบผสมตัวrotationแทบทุกเกม โดนด่าแทบทุกเกม


แต่ตอนนี้การดูบอลมันน่าจะไปอีกระดับนึงแล้วนะ
มันเป็นการดูเพื่อวิเคราะห์มากขึ้น
ยกตัวอย่าง ผมเจอเว็บของเวียดนาม
เขาก็เอาบทความจากTheAthelticก็อปไปแปลเป็นภาษาของเขาให้คนเวียดนามอ่าน
หรือในทวีตเตอร์ก็มีสายวิเคราะห์เยอะแยะไปหมด จนผมแทบตามไม่ทัน
หรือแม้กระทั่งผมเอง จะแปลบทความอะไรมาลงในss
ยังต้องเช็คก่อนว่า มีช่องไหนเคยแปลไปแล้วบ้าง กลัวซ้ำ เดี๋ยวจะหาว่าก็อป
คือมันมีหลายช่องทางมากมาย ที่จะทำให้เรากลายเป็นแฟนบอลที่"ดูบอลเป้น"ขึ้นมา

การดูบอลมันถูกบูรณาการไปเยอะมาก และssก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มันพัฒนาขึ้น
แต่แฟนบอลบางคน ทำไมยังดูบอลเอามันส์ ดูบอลเอาแต่ใจกันอยู่เลย อันนี้คือสิ่งที่ผมไม่เข้าใจจริงๆ  

มันก็มีกันทุกทีมป่าว ต่างคนต่างความเห็น จะให้มาคิดเหมือนกันหมดคงไม่ได้มั้งครับ

1. เรื่องเดอเบค ปีที่แล้วก็ส่วนปีที่แล้วสิ พึ่งย้ายมาปีแรก กากจริงไม่เถียง
แต่ปีนี้คุณให้โอกาสเค้ารึยังหละ ขนาดกลางเละๆยังไม่ให้เค้าพิสูจน์ตัวเองเลย
ถ้าใช้ตรรกะแบบนี้ ตอนลุค ชอว์กากๆ โค้ชไม่ต้องส่งลง ขายทิ้งเลยงี้หรอครับ
ถ้าโค้ชคิดงี้ คงไม่มีชอว์อย่างทุกวันนี้

2. เรื่องบรรยากาศทีมดีสุด อันนี้ไม่เถียงเห็นด้วย มู มอยา์ กัล ทำทีมแตก เห็นด้วย
แต่ระดับโลกพิสุจน์ตัวเองมาแล้ว แต่มาตกต่ำใช่ แต่เค้ามีถ้วยไง
ฟุตบอลสุดท้าย KPI คือแชมป์ คุณทำทีมได้แชมป์ = ชนะรายการนึงเลย คุณก้โม้ต่อได้

ส่วนโอเล่ เข้าปีที่ 3.5 ว่าตามตรงก็โอกาสสุดท้ายสุดๆ ถ้ายังไม่ได้อีกก็บ้ายบาย
แต่ที่คนอื่นยกมาเปรียบเทียบ เพราะคนอื่นคุม มีแชมป์ใน2ปีแรกหมดไง
แต่โอเล่มันไม่ใช่ มันเลยต้องโดนแซะเรื่อยๆ ถ้าไม่อยากโดนก็ต้องให้แกคว้าแชมป์  

1. เรื่องเดอเบค คำนวณตามที่ว่าถ้าถือว่าให้เวลาเค้าแล้วตามที่บอกคือสรุปว่่าฟอร์มไม่ดี ไม่เข้าระบบ ก็ขายซะจะได้นำเงินมาหมุนซื้อมิดฟิลด์ตัวรับที่ต้องการ และเปิดทางให้สล๊อตทีมว่าง
2. เลิกอ้างถึงผจก.ทีมคนก่อนๆทั้ง กัลหรือมู มาเปรียบเถอะ บทสรุป2คนนั้นเวลาน้อยกว่าแต่มีแชมป์ติดมือ โอเล่ทำทีมมาปีนี้เข้าปีที่3ครึ่งแล้วเห็นยังจะโทษคนก่อนๆอยู่เลยมาทำพัง เหมือนคล้ายรัฐบาลบางประเทศเลย555 และส่วนตัวมองว่า 2 คนนั้นก่อนมาผีไม่ได้อยู่ในช่วงพีคของอาชีพผจก.ทีมแล้ว จะว่าตกยุคก็เกินไปเอาเป็นว่าอยู่ในช่วงขาลงไม่ใช่ช่วงขาขึ้นของผจก.ทีมในยุคนี้แล้ว มันควรต้องนำเข้าผจก.ทีมที่อยู่ในช่วงพีคกำลังประสบความสำเร็จยุคปัจจุบัน ตัวอย่างระดับท็อปโลกตอนนี้ที่ว่างก็พวก ซีดาน คอนเต้ พวกที่ไม่ว่างก็ เป๊ป คล๊อป ฟลิค ทูเคิ่ล มันชินี่ ซิโมเอเน่ แบบนั้นถ้ามาคุมแล้วไม่มีแชมป์จึงควรยกมาเปรียบหน่อย  

ความเห็นผมนะครับ เดอเบค ถ้ามองตรงๆไม่เหมาะกับทีม ถ้าตำแหน่งดีสุดแกคือหลังกองหน้า ซึ่งบรูโน่จองตรงนี้อยู่ และแมนยูเล่นจังหวะฉาบฉวย ส่วนเดอเบคเป็นบอลชิ่งเจาะเข้าทำเลยทำให้เข้าจังหวะกับนักเตะคนอื่นยากเหมือนพอเปลี่ยนบรูโน่ออกจังหวะการเข้าทำต้องปรับด้วยเพราะแนวการเล่นไม่เหมือนกัน ก็ต้องหวังให้น้องมันโชว์ของในมุมอื่นๆตอนซ้อมครับ

ส่วนเรื่องข้อ 2 อันนี้ผมเห็นต่างนิดนึง โดยส่วนตัวผมเชียร์แมนยูมาแต่ปี 1991 ผ่านการเห็นแมนยูได้แชมป์มาเยอะ จนผมไม่ได้รู้สึกจะต้องเอาไปพูดกับใครถ้าไม่ได้แชมป์ ผมชอบดูบอลแบบสนุกให้ติดตามมากกว่า สมัย ฟานกัล กับ มู ได้แชมป์จริงครับ แต่ผมจำรู้เกมส์ความรู้สึกในเกมส์นั้นๆไม่ได้เลย และเป็นช่วงที่ผมนอนดีกว่าต้องตื่นมาดูตอนดึกๆ

ผมเข้าใจว่าเรามองแมนยูเป็นทีมใหญ่ ต้องการความสำเร็จ บอกลงทุนเยอะ แต่มันไม่ใช่เงินผมลงทุนนะ ผมมีหน้าที่เชียร์ให้กำลังใจเท่านั้น เงินที่ลงไปมันไม่ได้เชื่อมกับความรู้สึก ผมคาดหวังความสนุกตอนดู นักบอลตั้งใจเล่น มีอารมณ์ร่วมมากกว่า

ส่วนถ้าไม่สำเร็จควรปลดไหม สำหรับผมยัง ถ้าเจ้าของทีมเรายังไม่พร้อมในการ support ให้โค้ชระดับโลกเข้ามา เปลี่ยนตอนนี้ไป ก็เสียของนับจากศูนย์ใหม่อยู่ดี

คือถ้าฟุตบอลตัดสินที่แชมป์อย่างเดียว ผมว่าเราไม่ต้องดูซักเกมส์ก็ได้แล้วมาดูตอนปิดฤดูกาลว่าได้แชมป์ ไหม ซึ่งผมมองว่าไม่เมคเซ้น ของคนรักฟุตบอล อย่างพวกเรา  

พอซ หายไปไหนครับสงสัยจริงๆเมื่อก่อนทีมเราเรียกพอซมสอันดับ1เลยนะ  

วันก่อนดูช่อง ฟุตบอลจีเนียส
เขาเอาบทความวิเคราะห์ของ Eric Laurie(กูรูระดับโค้ชไลเซ่นท์)มาอ่านให้ฟัง
แบบทีละบรรทัด เพื่ออธิบายว่า แมนยูมีการBuild-upขึ้นมายังไง

ในไลฟ์มันก็จะมีแฟนบอลบางประเภท ไปด่าว่าคุณอั้มว่า อวยโซลชาร์
คือเข้าใจป่ะ เขาไม่ได้จะปกป้องโซลชาร์ แต่เขาอธิบายให้มึงเข้าใจว่าแมนยูกำลังเล่นแบบไหน

เอาจริงๆนะ ผมว่าผมเริ่มเข้าใจคำว่า"ดูบอลไม่เป็น"ขึ้นทุกวัน
บางคนดูบอล เอาแค่ผลลัพท์ สายตามองตามลูกบอลไปเรื่อยๆ มีแค่ยิงได้กับเสียประตู
ซึ่งเมื่อก่อนตอนเริ่มดูบอลใหม่ๆใครก็เป็นแบบนั้นกันหมด พอจะเข้าใจได้

แต่เดี๋ยวนี้เราเข้าถึงบรรดากูรู เข้าถึงนักวิเคราะห์ต่างประเทศมากขึ้น
มันควรทำให้เราเป็นคนที่ดูบอลเป็นมากขึ้นสิ
ควรดูในมุมที่พยายามเข้าใจเหตุผลต่างๆนานาในการตัดสินใจมากขึ้นสิ
ดูตัวที่ไม่มีบอล ดูการยืนตำแหน่ง ดูการทรานซิชั่นระหว่าเกม

แต่มันยังมีความคิดแบบแฟนบอลเอาแต่ใจอยู่เลย
ตามจขกท.เลย แค่เห็น11ตัวจริง แค่เห็นเฟรดลงก่อนฟานเดอเบคก็ด่ากันแล้ว

ถ้าเทียบเมื่อก่อนผมเล่นบอร์ด readarmyfc.com มันก็จะมีคนจำพวกนี้แหละ
เห็นเฟรทเชอร์ในรายชื่อ11ตัวจริงเมื่อไหร จะต้องด่าเซอร์ไล่ให้รีไทร์ทุกครั้ง
ยิ่งเซอร์ชอบเลือก11ตัวจริงแบบผสมตัวrotationแทบทุกเกม โดนด่าแทบทุกเกม


แต่ตอนนี้การดูบอลมันน่าจะไปอีกระดับนึงแล้วนะ
มันเป็นการดูเพื่อวิเคราะห์มากขึ้น
ยกตัวอย่าง ผมเจอเว็บของเวียดนาม
เขาก็เอาบทความจากTheAthelticก็อปไปแปลเป็นภาษาของเขาให้คนเวียดนามอ่าน
หรือในทวีตเตอร์ก็มีสายวิเคราะห์เยอะแยะไปหมด จนผมแทบตามไม่ทัน
หรือแม้กระทั่งผมเอง จะแปลบทความอะไรมาลงในss
ยังต้องเช็คก่อนว่า มีช่องไหนเคยแปลไปแล้วบ้าง กลัวซ้ำ เดี๋ยวจะหาว่าก็อป
คือมันมีหลายช่องทางมากมาย ที่จะทำให้เรากลายเป็นแฟนบอลที่"ดูบอลเป้น"ขึ้นมา

การดูบอลมันถูกบูรณาการไปเยอะมาก และssก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มันพัฒนาขึ้น
แต่แฟนบอลบางคน ทำไมยังดูบอลเอามันส์ ดูบอลเอาแต่ใจกันอยู่เลย อันนี้คือสิ่งที่ผมไม่เข้าใจจริงๆ  

ความเห็นผมนะครับ เดอเบค ถ้ามองตรงๆไม่เหมาะกับทีม ถ้าตำแหน่งดีสุดแกคือหลังกองหน้า ซึ่งบรูโน่จองตรงนี้อยู่ และแมนยูเล่นจังหวะฉาบฉวย ส่วนเดอเบคเป็นบอลชิ่งเจาะเข้าทำเลยทำให้เข้าจังหวะกับนักเตะคนอื่นยากเหมือนพอเปลี่ยนบรูโน่ออกจังหวะการเข้าทำต้องปรับด้วยเพราะแนวการเล่นไม่เหมือนกัน ก็ต้องหวังให้น้องมันโชว์ของในมุมอื่นๆตอนซ้อมครับ

ส่วนเรื่องข้อ 2 อันนี้ผมเห็นต่างนิดนึง โดยส่วนตัวผมเชียร์แมนยูมาแต่ปี 1991 ผ่านการเห็นแมนยูได้แชมป์มาเยอะ จนผมไม่ได้รู้สึกจะต้องเอาไปพูดกับใครถ้าไม่ได้แชมป์ ผมชอบดูบอลแบบสนุกให้ติดตามมากกว่า สมัย ฟานกัล กับ มู ได้แชมป์จริงครับ แต่ผมจำรู้เกมส์ความรู้สึกในเกมส์นั้นๆไม่ได้เลย และเป็นช่วงที่ผมนอนดีกว่าต้องตื่นมาดูตอนดึกๆ

ผมเข้าใจว่าเรามองแมนยูเป็นทีมใหญ่ ต้องการความสำเร็จ บอกลงทุนเยอะ แต่มันไม่ใช่เงินผมลงทุนนะ ผมมีหน้าที่เชียร์ให้กำลังใจเท่านั้น เงินที่ลงไปมันไม่ได้เชื่อมกับความรู้สึก ผมคาดหวังความสนุกตอนดู นักบอลตั้งใจเล่น มีอารมณ์ร่วมมากกว่า

ส่วนถ้าไม่สำเร็จควรปลดไหม สำหรับผมยัง ถ้าเจ้าของทีมเรายังไม่พร้อมในการ support ให้โค้ชระดับโลกเข้ามา เปลี่ยนตอนนี้ไป ก็เสียของนับจากศูนย์ใหม่อยู่ดี

คือถ้าฟุตบอลตัดสินที่แชมป์อย่างเดียว ผมว่าเราไม่ต้องดูซักเกมส์ก็ได้แล้วมาดูตอนปิดฤดูกาลว่าได้แชมป์ ไหม ซึ่งผมมองว่าไม่เมคเซ้น ของคนรักฟุตบอล อย่างพวกเรา  

เชลซี เปลี่ยนทูเคิล เสียของจริงๆครับ เลยได้แชมป์ UCL มาซะงั้น (แซวเล่นๆนะครับ แต่อิจฉาจริง)

อย่าคิดว่าการเปลี่ยนแปลงมันไม่ดีครับ จริงๆท่านก็ดูบอลมานานพอๆกับผม ควรจะรับได้ทุกการเปลี่ยนแปลงมากกว่านะ

เพราะโลกฟุตบอลเค้าวัดความสำเร็จจากถ้วยแชมป์น่ะสิครับ ไม่ได้วัดจากเล่นสนุกหรือดูสนุกซะหน่อย  

ผมว่าเชลชี เป็นทีมที่แบคอัพดีอยู่แล้ว เจ้าของเข้าใจฟุตบอล และทุ่มเยอะ อย่างฉลาดครับ เทียบกับ เจ้าของผีไม่ได้ ซื้อเยอะจริงแต่หลายๆครั้งซื้อแพง และซื้อมั่วไปหมด ให้ค่าเหนื่อยสูง มันทำโครงสร้างทีมปรับยาก คือผมเปลี่ยนได้ครับ แต่มันต้องมีคนที่มีฝีมือที่ว่างอยู่ด้วยครับ คือทูเคิลจริงๆผมชอบอยู่แล้ว แต่มันไม่มีข่าวครับ

ผมว่าโลกฟุตบอลวัดที่ความสำเร็จใช่ครับแต่ผมมองว่ามันสำหรับทีมใหญ่ลุ้นแชมป์ แต่ที่ผมพิมพ์ไปหมายถึง พอเรามองกลับมาที่ตัวเองเราพอใจที่จุดไหนมากกว่า อย่างผมไม่ได้คุยบอลอะไรกับเพื่อนมากแล้ว เวลาดูบอลก็ enjoy คนเดียวพอ เรื่องแชมป์ ได้มันดีแน่นอน แต่ถ้าได้แบบยุคมู หรือฟาลกัล ผมบอกตรงๆว่า จำไม่ได้ว่ารู้สึกดีใจหรือเปล่า เพราะแทบไม่ได้ดูเลยครับ และผมว่าแฟนบอลทีมเล็กเขาก็ดูบอลเพราะ enjoy ไปกับทีม ซึ่งก็ไม่ได้วัดทีมความสำเร็จครับ สิ่งที่วัดความสำเร็จผมว่าเป็นทีมใหญ่เท่านั้นแหละครับ ทีมอื่นๆรองๆมาเขาก็ไม่ได้คิดถึงแชมป์กัน เขาน่าจะมองที่การเล่นสนุกมากกว่าครับ