ทำแค่ลีคเดียว สุดท้ายสมองไหลออก มันไม่เหมือนอเมริกันเกมส์

ในแง่ของความสนุกของฟุตบอลแบบเดิมก็ดี แต่ในแง่อื่น ทำไมดาราตัวหลัก กับตัวประกอบ ถึงต้องได้เงินใกล้เคียงกัน ไม่ว่ากี่ฬาแบบไหน ตัวหลัก คนที่มืชื่อเสียงมากกว่าา เขาก็ต้องได้เงินมากกว่า ทีมฟุตบอลคือเอกชน ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ เขามาลงทุนเอากำไร ไม่ได้เป็นสถานสงเคราะห์ที่ต้องคอยบริจากให้ทีมเล็ก ๆ แถมต้องจ่ายส่วยให้ผู้มีอำนาจ

ค่าเหนื่อยไม่เท่าไหร่ ค่านายหน้านักเตะแหละตัวปัญหา ค่าเหนื่อยอาจจะแปรผันตามจำนวนที่นักเตะลงเล่นได้

แต่ค่านายหน้านี่ตัวทำลายวงการของจริง ทำให้ทีมใหญ่ๆต้องมาเสียค่านายหน้าเกินความจำเป็น แล้วไอนายหน้า

ก็เป็นตัวเสี้ยมให้นักเตะไม่เคารพสัญญาที่มีกับสโมสร ชอบยุให้ย้ายทีมบ่อยๆเพื่ออยากได้ค่านายหน้า

พยายามจำกัดอิทธิพลของนายหน้าให้ได้ แต่เจอโควิทไปเรื่องนี้ก็คลี่คลายแล้ว ตอนนี้ไม่มีทีมไหนบ้าจ่ายตามแน่ๆ

เอาอเมริกันเกมส์เป็นตัวตั้งก็ดี อเมริกาคือ 1 ประเทศ แต่ฟุตบอลเอาแค่ยุโรปกี่ประเทศ แล้วเอาเงินชาติไหนเป็นตัวตั้ง แล้วประเทศอื่นเอาตามด้วยมั้ย ภาษีอีก อังกฤษสเปนแด๊กไป 50 เปอ อิตาลีน้อยกว่าเยอะ ถ้าให้เงินเท่ากันนักเตะจะไปที่ไหน เอาเรื่องง่าย ๆ อย่างปิดตลาดนักเตะก่อนเปิดฤดูกาลนี้ง่ายโคตรแฟร์ ยังทำไม่ได้เลย

ถ้าติดเพดาน ทีมใหญ่น่าจะชอบ
รายได้หาได้ unlimit
แต่มีเพดานค่าจ้าง เพราะงั้นก็ไม่ต้องจ่ายแพง จ่ายเท่ากับทีมเล็ก นักเตะก็ย่อมอยากอยู่ทีมใหญ่แน่นอน อนาคตเกมส์เพิ่มด้วย มีตัวเยอะๆในทีมยังไงก็ได้ลง

ของอเมริกันเกมส์ ระบบแฟรนไชส์ เค้าไม่ได้แค่มีเพดานค่าจ้าง คือเพดานค่าจ้างเค้าไปคำนวณจากรายรับรวมของทีมของลีก แล้วตกลงกับสมาคมผู้เล่นด้วยว่าผู้เล่นต้องได้กี่ % เพราะงั้น ถ้ารายรับทีมรายรับลีคเพิ่ม ผู้เล่นก็จะขอขึ้นเพดานแน่นอน แล้วนอกจากเพดาน เค้ามีขั้นต่ำด้วยว่าทีมต้องใช้ไม่ต่ำกว่าเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าอยากได้กำไรเยอะๆ จ้างแต่ตัวถูกๆ ไม่ยอมใช้เงิน

สิ่งที่คิดว่าเหมาะกับฟุตบอลคือ FFP หาเท่าไหร่ใช้เท่านั้น แต่มันต้องเป็น FFP ที่ใช้ได้จริง

ผมไม่รู้ๆ คุ้นๆประโยคชอบกล

เพดานค่าจ้าง มันทำไม่ได้จริงๆแฮะ คือ ในลีคๆนึงอ่ะพอทำได้ แต่ทำทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้

ลำพังทำลีคเดียวก็แย่ละครับ อเมริกันมัน ทีมนึงแทบเป็นตัวแทนของรัฐ มีผลต่อเศรษฐกิจรัฐเลยด้วยซ้ำ

ทำไมรู้สึกว่ามันอาจจะจำกัดการเติบโตของทีมกลางๆกับเล็กมากกว่า สิ่งที่จะล่อตาล่อใจให้นักเตะฝีเท้าดีๆมาค้าแข้งกับทีมเหล่านั้นได้ ปัจจัยหลักก็ค่าเหนื่อยนี่แหละ

อย่าไปพูดเรื่องที่ทำไม่ได้ดีกว่า แค่ให้ลดค่าเหนื่อยในช่วงโควิด พวกยังไม่ยอมเลย ต่อให้ตั้งกฏมาจริงเงินส่วนเกินมันก็จะแปลงเป็นรูปแบบอื่น ๆ ลิขสิทธิภาพลักษณ์ โบนัสลงเกมส์ ค่าเซ็นสัญญา ค่าภักดี เอเย่นนักเตะจะหาวิธีเลี่ยงให้คุณมากมาย แล้วมันจะต่างไปจากเดิมได้ยังไง

มันจะสูสีแต่ในลีคตัวเองนะสิ ออกนอกลีคไปโดนเขาตบเหมือนเดิม มีเพดานค่าจ้าง นักเตะสตาร์คนใหนจะอยากย้ายมา

ก็นั่นแหละครับ หมายถึงต้องยอมรับ...นักเตะที่มีชื่อเสียงเก่าจะไม่มา..แต่ก็จะสร้างนักเตะใหม่ๆมาแทนที่ โอกาสเยาวชนที่จะดันขึ้นมา มุมมองแฟนบอลชาวไทยหรือต่างถิ่นที่ไม่ใช่แฟนบอลท้องถิ่นจะคิดแตกต่างกัน...ถ้าจะทำ อาจเริ่มต้นสำหรับการเตรียมการล่วงหน้าที่ไม่ใช่ปัจจุบัน ทุกวันนี้เงินค่าแรงเว่อมากในตลาดนักเตะ..

อืมมม ยังไม่ค่อยเข้าใจคอนเซ็ปต์
แบบกำหนดเพดานมันดีต่อทีมเล็กยังไง
ทีมเล็กกับทีมใหญ่แย่งนักเตะคนเดียวกัน
ให้แสนปอนด์ต่อสัปดาห์เหมือนกัน นักเตะจะเลือกทีมเล็กงี้เหรอ นักเตะคงอยากไปทีมที่ลุ้นแชมป์มากกว่านะ

สเปนก็มีนะเพดานค่าเหนื่อยไม่รุกี่เปอร์เซ็นของรายได้ ตอนมีแฟนบอลเข้าสนามมันก็ไม่มีปัญหา แต่พอไม่มีแฟนบอลหนี้มันก็เริ่มพอก ดอกเบี้ยก็ต้องจ่าย ถ้าจะแก้ปัญหาคงต้องโล๊ะนักเตะทั้งทีม แล้วดันดาวรุ่งค่าเหนื่อยต่ำ ๆ มาใช้ แฟนบอลยอมได้หรือเปล่า

บางทีมมีสปอนเซอร์ใหญ่ เสกเงินมาให้ได้อยู่ดี

salary cap นี่เขาจำกัดรวมของทีมนะ ไม่ได้จำกัดรายบุคคล ไม่ใช่นักเตะจะถูกจำกัดค่าเหนื่อยสูงสุดนะ อย่างเมสซี่หรือโรนัลโด้ยังคงสามารถมีค่าเหนื่อยสูงลิ่วได้ แต่ salary cap จะบีบให้ทีมต้องไปหานักเตะค่าเหนื่อยน้อย ๆ มาร่วมทีมแทน (ไม่สามารถเอาคนเก่ง ๆ แพง ๆ มารวมกันเยอะ ๆ ได้เพราะ cap จะเกิน)

ถ้าท่านท่าใครจะยอมถูกลดค่าเหนื่อย ? ใช่เลย เขาก็จะทำการขอย้ายทีมไปหาทีมที่ salary cap ยังเหลือพอที่เขาจะได้ค่าเหนื่อยเยอะเท่าเดิม ก็กลาย ๆ ว่าต้องย้ายไปหาทีมเล็กมากขึ้น ทีมเล็กก็จะแกร่งขึ้นมา