บิ๊กตู่ ลั่นหากภายใน 2 สัปดาห์คุมโควิดไม่อยู่ ต้องใช้มาตรการที่แรงขึ้น
วันที่ 21 เม.ย.64 เมื่อเวลา 14.30 น. ที่โรงพยาบาลสนาม เอราวัณ 2 ศูนย์กีฬาบางกอกอารีนา เขตหนองจอก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ตรวจความพร้อมโรงพยาบาลสนาม เอราวัณ 2 ได้ตอบข้อถามผู้สื่อข่าวถึง สาเหตุการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ทองหล่อ เนื่องจากมีไฮโซ 6 คนไปวงการพนันที่ประเทศกัมพูชาและนำเชื้อแพร่ ตรงนี้ได้รับรายงานหรือยัง ว่า เรื่องนี้ตรวจสอบอยู่แล้ว ส่วนมาตรการการลงโทษตนก็รับทราบตามที่มีบางฝ่ายเสนอ ซึ่งตนเห็นด้วย เรื่องนี้ตนขอไม่ตอบแล้ว แต่ยอมรับว่าเรื่องที่ถามมานั้นเป็นเรื่องสำคัญ ขณะนี้ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอยู่ ไม่ใช่ประเด็นวันนี้ที่ตนเดินทางมาโรงพยาบาลสนามจึงไม่ขอพูด
เมื่อถามว่าหากสถานการณ์รุนแรงมากขึ้นจะมีการประกาศเคอร์ฟิวหรือไม่นายกฯกล่าวว่า ตนบอกแล้วว่า ถ้าสามารถควบคุมได้ภายในสองสัปดาห์นี้ หากตัวเลขดีขึ้นถือว่าควบคุมได้ก็ไม่ต้องมีมาตรการที่หนักขึ้นกว่านี้ ใครอยากจะทำ เพราะถ้าทำไประยะแรกก็ดี แต่ต้องถามว่าวันนี้มันสมควรหรือยัง ทุกอย่างจะต้องพิจารณาเป็นระยะไป
เมื่อถามว่า กรมควบคุมโรคได้รายงานถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในสิ้นเดือนนี้จะแนวโน้มจะดีขึ้นหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ขณะนี้มีการประเมินอยู่และมีการรายงานให้ทราบทุกวัน รวมทั้งการฉีดวัคซีนตลอด 24 ชั่วโมง รับข่าวสารตลอดซึ่งตนบริหารงานผ่าน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. และประสานกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ขอความร่วมมือจากทุกคนเพราะไม่มีอะไรสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ อย่างน้อยทำได้ 70-90 เปอร์เซ็นต์ก็ยังดีกว่าทำไม่ ถึงวันนี้จะมีปัญหาอยู่ในหลายๆ ส่วน
เมื่อถามว่า กรณีปัญหาของสายด่วนได้มีการกำชับให้เพิ่มสายด่วน 1669 และสายด่วน 1668 ในการติดต่อสื่อสารใช่หรือไม่นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้เขากำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งตนได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมเข้ามาช่วยด้วย โดยบูรณาการงานร่วมกันในส่วนคนรับสาย และจะมีการเพิ่มคู่สายให้มากขึ้น ซึ่งตนยอมรับว่าได้ลองโทรเข้าไปที่สายด่วนแล้วก็มีปัญหาเหมือนกัน แต่ก็ต้องมาดูว่าที่ไม่รับสายนั้น มีสาเหตุอะไรโรงพยาบาลเต็มหรือเปล่า วันนี้เรามีทั้งโรงพยาบาลเอกชนและโรงพยาบาลรัฐ วันนี้ยังถือว่ารับไว้ เพราะได้ขอความร่วมมือจากโรงพยาบาลเอกชนแล้ว ในส่วนรถพยาบาลก็ต้องรวมศูนย์รวมรถกันไว้ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการบริหารความเข้าใจและความรู้สึกของคนไทย และร่วมมือกันอะไรที่มีปัญหาเราพร้อมที่จะแก้
ที่มา
https://www.thaipost.net/main/detail/100221