ถึงเอ็ดจะเป็นคนที่ดีลผู้เล่นไม่เก่ง แต่ต้องยอมรับเลยว่าเรื่องการบริหารการเงินเอ็ดไม่เป็นรองใครเลย


พี่แกบริหารเก่งมากๆอะ

หักค่าตัวอินเตอร์ สคริเนียร์ ได้คนแรก (คิดว่าสคริเนียร์ถึง 50 ล้านไหมครับ)
ขายหมาก, โจนส์, ดาโลท์, เปเรร่า ซื้อ อันเดร ซิลวา ได้คนที่ 2 (4 คนนั้น ใครเขาจะซื้อ)
ลินการ์ด + 20-30 ล้าน แลก ไรซ์ คนที่ 3
งบซื้อตัวประจำปี ซื้อ ซานโช่ คนที่ 4
จบการมโน


อย่าลืมต่อสัญญาป็อกบาด้วย

ผมว่าเต็มที่หลัง 1 ตัว กับ ปีกขวาหรือกองหน้า 1 ตัว รวม 2 ตัวปิดตลาด

ได้ 2 คนตามตำแหน่งขาด ผมว่า OK ถือว่าเป็นการเสริมผู้เล่นตัวจริง ไม่ใช่ squad depth

แต่ถ้าได้แค่ 1คน ไม่โอเค เพราะซัมเมอร์ที่แล้วก็ไม่ได้เสริมผู้เล่นตัวจริงเลยสักตำแหน่งเสริมแต่ squad depth แล้วยังจะได้แค่ 1คน อีก

น่าจะ 2 แหละครับ เพราะมีแววว่าอินเตอร์แม่งเบี้ยวหนี้จริงคงส่งผู้เล่นมาโปะหนี้คนนึง (The Athetic) รายงานย้ำเหมือนกับว่ารีแอคชั่นของทางอินเตอร์จะยอมรับกลายๆว่าข่าวจากทาง คอริเอเร่ เดลโล่ สปอร์ต น่าจะเป็นเรื่องจริง

Inter Milan’s reaction to the story this week, from Corriere dello Sport, about an alleged missed bonus payment on Romelu Lukaku’s transfer from Manchester United is to insist they will respect all agreements.

แล้วเราจะได้เงิน 50ลย. ที่อินเตอร์เป็นหนี้ทีมเราตอนไหนอะครับ หรือว่าทางเรากะจะเอาไปแลก ตัวของอินเตอร์แทน?

เออแฮะ

ผมเพิ่งนึกได้ว่าปกติลิเวอร์พูลต้องประกาศผลประกอบการฤดูกาล 19/20 (สิ้นสุด พ.ค. 20) แล้วนี่หว่า

ทำไมยังไม่ออกมาสักที

แต่ทีมงานบริหารยูไนเต็ดนี่เหลือกินเหลือใช้จริงๆเรื่องงบ เรื่องบัญชี เรื่องเงิน

ต้องรอความชัดเจนครับคือตามเนื้อข่าวจริงๆเหมือนอินเตอร์ต้องจ่ายเป็นงวดๆ จนกว่าจะครบ แต่ข้อตกลงสัญญามีระบุกันไว้ถ้าเกิดอินเตอร์ไม่จ่ายโบนัสแอดออนตามที่ระบุ ซึ่งล่าสุดเหมือนพึ่งครบเรื่องจำนวนประตู ทางยูไนเต็ดมีสิทธิเรียกเงินค้างชำระทั้งหมดที่ต้องจ่ายเป็นงวดๆ ได้เลย และ อินเตอร์ไม่จ่ายแอดออนนี่แหละเลยทำเกิดข่าวนี้ขึ้นว่ายูไนเต็ดจะเรียกยอดจ่ายยอดที่ค้าง แต่อินเตอร์ตอนนี้ซูหนิงมีปัญหาการเงิน เลยมีข่าวต่อว่างั้นจ่ายมาเป็นนักเตะตามมูลค่าที่ค้าง ซึ่งสุดท้ายไม่รู้จะคุยกันจบยังไงนะครับ เพราะมีข่าวว่าซูหนิงพยายามขายหุ้นเอาเงินมาพยุงสถานะการเงินอยู่ครับ

เอ็ด ดีกรีเจพีมอร์แกนไม่ได้มาเล่นๆนะครับ

ได้นักเตะมาแทนก็อาจจะดีนะ ถ้าเป็นตัวที่ทีมต้องการ
ดีกว่าได้เงินแล้วหมกแบบบางเคสที่ผ่านมา

เช่นถ้าทีมมองว่า สคริเนียร์ คือตัวที่ใช่ ก็เอาเลย ราคาคงราวๆ 50m หรือ บวกลบส่วนต่างกันไป

บริหารธุรกิจเก่ง แต่สอบตกเรื่องการบริหารทีมฟุตบอล

ดีที่ช่วง น้าโอเล่เข้ามา เริ่มกลับมามีแนวทางด้านฟุตบอลขึ้นมาบ้าง เริ่มนำเข้าพวกทีมวิเคราะห์ข้อมูลนักเตะ วิเคราห์นักเตะที่จะซื้อ การซื้อในยุคน้าโอเล่เลยไม่ค่อยแป็กเท่าไหร่ เทียบกับหลังยุคป๋านี่ นักเตะที่ใช้ไม่ได้เป็นขบวน

ผมว่าไอ้พวกเมกันแม่งห่วยว่ะ ไม่ได้รู้เรื่องฟุตบอล5เหวอะไรเลย

จะไม่ก้าวล่วงเรื่องยูไนเต็ดนะครับ เอา fsg อันเป็นที่รักของแฟนบอลลิเวอร์พูลนี่แหละ

กองหลังตัวกลางเจ็บหนักไปสอง ปิดฤดูกาลตั้งแต่กลาง พ.ย. พวกไม่ยอมให้ซื้อเฉยเลย จนคลอปป์ออกมาพูดว่าตนไม่ใช่เด็ก 5 ขวบที่จะมางอแง จนนั่นแหละครับ มาติปปิดเทอมตามไปช่วงปลายๆม.ค.

ถึงมาเร่งซื้อกัน 72-96 ชม.สุดท้ายก่อนตลาดปิด

คือถ้า "เป็น" สักหน่อยเนี่ย มันต้องรู้อยู่แล้วครับ ว่าเจ็บขนาดนี้คือวิกฤติฟุตบอลแล้ว ถอยกองกลางไปเล่นเซนเตอร์นี่เป็นคนป่วยก็โคม่าละฮะ

มีเวลา 6 สัปดาห์ก่อนตลาดเปิด มันต้องหามาแล้วครับ มาเลอะเทอะไม่ยอมจ่าย จ่ายน้อยๆ

ตอนนี้เป็นไงฮะ 70% ได้แล้วที่จะไม่ได้เล่นชปล.ฤดูกาลหน้า เงินหายไปชัวร์ๆ 30-40 ล้านยูโร ไม่นับว่าเอาสโมสรไปหาขายสปอนเซอร์ยากกว่าเดิมอีก ตรงนี้หายไปอีกเท่าไร

เจริญพรจริงๆครับ ไอ้พวกเมกันเนี่ย

ของเค้าดีจริงๆฮะ

ไม่ใช่ดีนะครับ กำไรลดลง ที่สำคัญต้องกู้เงินเพิ่ม มาหมุนเวียนธุรกิจ

https://brandinside.asia/manu-q2-business-result/

แมนยูควรบริหารเงินลงทุนอย่างระวังครับ ไม่ควรทุ่มซื้อนักเตะมากในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ตระกูลเกลเซอร์ไม่เหมือนพวกชีคนะครับ

ใช่ครับตัวเลขนี้ถ้าในสภาวะปกติต้องบอกว่าไม่ดีเลย แต่ถ้าใครบริหารธุรกิจอยู่จะรู้ครับว่าปี 2020 มันยากขนาดไหนกับสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก การที่ไม่ขาดทุนยับหลายสิบล้านหรือเป็นร้อยล้านปอนด์ใน สถานการณ์นี่คือ ถือว่าเก่งมากแล้วครับผมยิ่งถ้าดูในตารางที่ผมเอามาดูเฉพาะไตรมาส 3 เดือนล่าสุดสามารถทำตัวเลขได้ขนาดนั้นหลังจากไตรมาส 3 เดือนก่อนหน้าที่ขาดทุนเยอะมาก นี่คือถือว่าแนวโน้มกำลังแสดงให้เห็นว่าเริ่มจับทางยุคโควิทและปรับทิศทางธุรกิจไปได้ถูกทางละครับ