เอาจริงๆมันไม่น่าจะวิกฤติแบบที่เราๆรู้สึกกันนะ เรื่องบัญชีรายรับ รายจ่าย และเรื่องหนี้สิน มันเป็นเรื่องปกติ ตราบใดที่สโมสรยังมีความสามารถในการชำระหนี้ และมี cash flow ต่อเนื่อง ผมว่ามันยังพอประคองไปต่อได้นะ

ระดับเอ็ดซึ่งบริหารการเงินมาก่อน น่าจะเข้าใจความเสี่ยงนี้ดี อย่างน้อยความเสี่ยงนี้เป็นที่รับรู้ก่อนลงตลาดนีกเตะที่ผ่านมาอยู่แล้ว

สัญญานเตือนเรื่องการเงินมันจะชัดเมื่อปีไหนที่สโมสรมีการลงทุนในตลาดนักเตะน้อยหรือมีมาตรการรัดเข็มขัดมากกว่านะ ตอนนี้ผมว่ายังโอเคอยู่

หลังจากงบการเงินประจำปี2020ออกมา
คงทำให้ปีหน้า แต่ละสโมสรลดรายจ่าย

ตลาดปีหน้าอาจได้เห็นนักเตะย้ายทีม ด้วยราคาครึ่งเดียว จากมูลค่าตลาด

ยังคิดเล่นๆว่าแมนยูน่ากำเงิน รอลงตลาดปีหน้า ซื้อนักเตะฝีเท้าดี มูลค่าตลาด50-60ล้าน
อยากรู้ว่าจะต่อราคาได้เท่าไร
(อเล็กซ์ เตลเลส มูลค่าตลาด40ล้านยูโรเท่าฟานเดอเบค แต่แมนยูซื้อมา15ล้านยูโร)



เรื่องข่าวการเงินของแมนยู ผมว่าแมนยูสายป่านยาว
ด้วยการที่อยู่ในตลาดหุ้น
เพิ่มทุนเพื่อเอาเงินมาซื้อนักเตะยังได้เลย อยู่ที่จะทำรึเปล่า

พูดถึงเกลเซอร์?

ก็สโมสรแจงรายได้ต่อตลาดหุ้นเองหนืครับ มันต้องทำเพราะต้องแจงไปถึงผู้ถือหุ้น เป็นปกติของทุกสโมสร

เอาจริงๆในแง่ธุรกิจ เกลเซอร์กู้เงินมาทำธุรกิจ ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับฟุตบอล มีรายได้ ก็แบ่งไปชำระต้นพร้อมดอกเบี้ยทุกปี อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ในธุรกิจมันไม่มีใครเอาเงินไปโป๊ะยอดหนี้ทั้งหมดหรอกครับ

คงต้องรอเกลเซอ ยอมแพ้ ยอมขายให้นายทุนอื่น ที่พร้อมปิดบัญชีหนี้ของตัวเอง และทำกำไรให้กับเกลเซอร์ได้อีก
แต่ใครจะขายอู่ข้าวอู่น้ำ ที่ทำเงินให้กับตระกูลไได้หละ ถ้าเงินไม่มากจริงๆ

ถ้าเป็นปกติ ทีมเจ้าของไม่ได้กู้เงินมาซื้อทีม ทีมไม่มีหนี้เลย งบต่อปีในการทำทีม มหาศาลแน่นอนครับ

เสี่ยอาหรับ ไม่สนเอาเงินฟาดเกลเซอร์บ้างหรอพี่ 555

มันเจ็บปวดตรงที่ผู้ถือหุ้นรายใหญหรือเจ้าของเก่าดันไปขายให้กับคนที่ไม่ได้มีพื้นฐานรักในกีฬาฟุตบอลน่ะสิ

ไม่มีการกลั่นกรองก่อนเลย แค่เห็นว่าได้เงินก็ยอมขายซะงั้น

ว่าแล้วทำไม ไม่มีเงินซื้อ ซานโช่ 555

ครับบบ

เรามันจน

งั้นผมตีความไม่ผิด