ตามหลักแล้ว รัฐไม่มีทางถังแตกครับ เพราะรัฐบาลสามารถผลิตเงินออกมาได้ไม่จำกัด

แต่ถ้าบ้าจี้ผลิตเงินไม่จำกัดจริงๆ มันก็อาจจะเป็นแบบซิมบับเวย์ มันก็ต้องมีบาลานซ์ที่ดีหน่อย

ตอนนี้รัฐบาลยังไม่ถังแตกหรอก แต่ที่พูดถึงถังแตกนี่กลัวเรื่องอะไร ถ้ากลัวเรื่องไม่มีเงินจ่ายข้าราชการก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วเพราะกู้มาได้เรื่อยๆ เพราะ weight เงินเดือนข้าราชการมันไม่ได้เยอะมาก แต่ถ้าไม่มีเงินพอกระตุ้นเศรษฐกิจอันนี้อาจจะจริง เพราะเป็นงบส่วนที่ชลอได้ และอาจจะไม่กล้ากู้เพราะเดี๋ยวเต็มเพดาน

แตกไม่แตกไม่รู้รู้แต่ว่าถดถอยอะถ้ายังบริหารแบบส้นติงขนาดนี้

จากที่ตามข่าวมาเรื่อยๆผมมองว่ามีปัญหาแน่นอนครับ

1 เรามีปัญหามาก่อนโควิดระบาดละครับ​ แต่ตอนนั้น​ รัฐบาลก็ต้องพยายามสร้างความเชื่อมั่นเพราะเพิ่งออกโครงการ​ ชิม​ ช็อป ใช้

2 โครงการนี้ผมมองว่าเอื้อเจ้าสัวพอสมควร​ และการใช้ก็ไม่ได้ง่าย​ แถมต้อง​ "แย่ง" กันสมัคร​เพื่อให้ได้สิทธิ์

3 เมื่อโครงการที่หวังมากระตุ้นเศรษฐกิจ​ไม่ปัง​ ก็มีข่าวว่าจะแจกต่อ​ แต่​ โควิดดันระบาดก่อน

4 ช้างตายเอาใบบัวมาปิดก็ไม่มิด​ รัฐบาล​บอกจะเยียวยา​ 3ล้านคน​ แต่พบว่ายอดจริงๆเป็น10กว่าล้าน​ ก็ไม่ทราบว่า​ ตัวเลข​ 3ล้านมาจากไหน​ แต่พลาดมากครับ

จุดเริ่มต้นนี้ทำให้ความเชื่อมั่นหมดไปเรื่อยๆ​ เงินที่ควรจะเป็นระบบ​ หมุนเวียน​ ก็ขาด​ ก็เป็นอย่างที่เห็นละครับ​ สุดท้ายถังแตก​ กู้เงินมาก็เหมือนเอามาละลายน้ำ

คนจน​ -​ ไม่มีจะกิน
คนปานกลาง​ -​ ไม่กล้าใช้เงิน
คนรวย​ -​ อันนี้ตอบยาก​ แต่คิดว่ายังไม่กระทบพวกเขามากเท่าไหร่

คงยังไม่ถึงขั้นนั้น

เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ธนาคารกลาง (แบงค์ชาติ) เป็นคนดูแลรักษา ซึ่งนโยบายความมั่งคงการเงินของแบงค์ชาติค่อนข้างรัดกุม
บางอย่างรัฐบาลก็หยิบจากเงินก้อนนี้ไม่ได้ เลยต้องไปหาช่องทางอื่นเช่นกู้เอามาทดแทน

ได้ข่าวว่างบ 64 อนุมัติไม่ทัน 1 ตค.ทั้งที่ผ่านสภาแล้ว

ไอ้ลดเงินเดือนข้าราชการอะมันไม่มีทางแน่นอน เพื่อนท่านเป็นข้าราชการประสานไรไม่รู้เรื่องนี้

ไม่ได้ถังแตกแค่หมุนเงินไม่ทันครับ

ผมว่าสภาพตอนนี้คล้ายๆคนที่ใช้จ่ายเกินตัวแล้วเสร้างหนี้สนองความต้องการส่วนตัวอ่ะ

แต่คนบริหารอาจไม่สนก็ได้นะเพราะชอบทำตัวเหนือปัญหาอยู่แล้ว ถึงเวลาต้องไปก็แค่ทิ้งขี้ให้คนอื่นมาเก็บกวาดต่อ

เงินเดือน ข้าราชการ กระทบหลังสุด ตอนช่วงปี40 ที่มีนโยบายรัดเข็ดขัด อันนั้นชัดเจนมาก

แต่ที่ปัญหา คือ งบลงทุนต่างๆ เริ่มบีบเข้ามา จะเริ่มชัด

ท้องถิ่น มีปัญหาหนักกว่า งบหรือโครงการ ที่เคยคิดว่าจะทำ คงไม่ได้ทำง่ายๆ

ถ้ารัฐบาลพูดเรื่อง นโยบายรัดเข็มขัดเมื่อไร ก็นั้นหล่ะ .... วิกฤตเท่าปี40แล้ว

ลดเงินเดือนข้าราชการ คงไม่เกิดในระยะนี้

แต่เลิกจ้าง ลูกจ้างในหน่วยงานราชการอาจเกิดขึ้นได้

ผมคิดว่ามีมูล เพราะ รมต คลัง คนนี้ลาออกเร็วมาก มันมีปัญหาแน่ๆ แล้วไม่มีใครกล้ารับไม้ต่อแล้ว เพราะโคตรวิกฤต หาเงินไม่เป็น แต่ใช้เงินเท่าเดิม มา 4-5 ปีแล้ว เป็นคนธรรมดา อาจจะต้องเริ่มขายของในบ้านกินแล้วครับ

เรื่องถังแตกอะคงไม่ถึงกับแตกหลอก แต่น่าจะมีปัญหาที่ถือว่าใหญ่พอตัวละ

หลังๆให้ข่าวเรื่องถังแตกเริ่มมีการอ้างถึงจำนวนเงินทุนสำรองละ ไม่รู้ว่าลุงแกไม่รู้เรื่องอ้างไปเรื่อยหรือว่ามันจำเป็นต้องอ้างเรื่องนี้จริงๆแล้วก็ไม่รู้

จริงๆน่ะหลังต้มยำกุ้งมาการเงินของเราปรับปรุงหลายอย่างเลยเพืีอไม่ให้เกิดซ้ำรอยเดิมถือว่าแข็งแกร่งมาก แต่มายุคนี้ละลายเงินกันยังกะเผากงเต๊ก ป้องกันสู้กันอย่างดีมาแทบตายสุดท้ายก็มาหมดแต้มบุญกันที่ยุคนายกทหารนี่แหละ ไม่มีสมองยังสะเออะจะมาบริหารประเทศ

งงเเล้วที่กู้ๆมาเอาไปไหนหมด

ถ้าถามว่าถังแตก ผมว่าถังแตกจริงครับ ยอดหนี้จะ = 60% ของ GDP แล้ว แถมยอดภาษีที่เก็บได้ก็น้อยกว่าที่ประมาณการเยอะ

ในที่นี้ไม่ได้แปลว่าไม่มีเงินเลย มันก็โยกนู่นมานี่ได้แหละ การโกงกินตามโครงการต่างๆก็ยังอยู่

ขึ้นอยู่กับว่างบส่วนไหนด้วย เช่นถ้าเป็นงบพัฒนาก็อาจจะโดนตัด โดนหั่นไป แต่ถ้าเป็นงบที่จำเป็นก็เอาจากส่วนอื่นมาจนได้อยู่ดีครับ

เงินสำรองระหว่างประเทศไม่เกี่ยวนะครับ มันเอาไว้ดูแลเสถียรภาพของค่าเงินบาท ส่วนนี้เอามาใช้ไม่ได้

ที่ใช้งบปี 63 นี่ ปีที่แล้วก็ใช้ปี 62 นะครับ มันน่าจะเปลี่ยนมาประจำละมั้ง