Preview: Tuscan Grand Prix 2020 - Ferrari 1000

ชื่อสนาม: ออโตโดรโมอินเตอร์นาซิโอนาเล่เดลมูเจลโล่ (สนามถาวร)
ทิศทางการวิ่ง: ตามเข็มนาฬิกา
จำนวนรอบแข่งขัน: 59 รอบ
จำนวนโค้ง: 15 โค้ง
ปีที่สนามเปิดใช้: ค.ศ. 1974
ปีที่เริ่มจัดการแข่งขันกรังด์ปรีซ์: ยังไม่เคยใช้จัดการแข่งขันกรังด์ปรีซ์
ความยาวของสนาม: 5.245 กม.
ระยะทางของการแข่งขันทั้งหมด: 309.497 กม.
สถิติสนามต่อรอบในการแข่งขัน: -
*จากปี 2012 ที่ใช้สนามแห่งนี้เป็นสนามทดสอบ เวลาเร็วที่สุดคือ 1:21.035 โดยโรแมง โกรส์ฌอง ในรถโลตัส-เรโนลต์ (เครื่องยนต์ V8) ส่วนสถิติของรถ F1 ในสนามนี้คือ 1:18.704 โดยรูเบนส์ บาร์ริเคลโล่ ในรถเฟอร์รารี่ F2004 (เครื่องยนต์ V10)

การเลือกยางของปิเรลลี่:
ฮาร์ด - C1 (สีขาว)
มีเดียม - C2 (สีเหลือง)
ซอฟต์ - C3 (สีแดง)

DRS Zone: ทางตรงหน้าพิต ระหว่างโค้ง 15 ถึงโค้ง 1 เริ่มที่ระยะ 175 เมตรหลังเส้นเซฟตี้คาร์ 1 โดยมีจุดตรวจจับเวลาที่จุดเข้าโค้ง 15
จำกัดความเร็วในพิตเลน: 80 กม./ชม. ตลอดสุดสัปดาห์การแข่งขัน

พยากรณ์อากาศสุดสัปดาห์ของการแข่งขัน
วันศุกร์ - มีเมฆเป็นบางส่วน อุณหภูมิสูงสุด 29 องศาเซลเซียส / ต่ำสุด 17 องศาเซลเซียส / โอกาสเกิดฝน 10%
วันเสาร์ - ท้องฟ้าสดใส อุณหภูมิสูงสุด 30 องศาเซลเซียส / ต่ำสุด 17 องศาเซลเซียส / โอกาสเกิดฝน 0%
วันอาทิตย์ - มีแดดเป็นส่วนมาก อุณหภูมิสูงสุด 30 องศาเซลเซียส / ต่ำสุด 16 องศาเซลเซียส / โอกาสเกิดฝน 0%

รู้หรือไม่?
- มูเจลโล่เป็นสนามที่ 72 ที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน และเป็นสนามที่ 4 ในอิตาลี ต่อจากมอนซ่า เปสคาร่า และอิโมล่า
- ทัสกัน กรังด์ปรีซ์ 2020 ทำให้เป็นครั้งแรกที่มีการจัดการแข่งขันในอิตาลี 2 สนามในฤดูกาลเดียวกันนับจากปี 2006 และเป็นครั้งแรกที่มีการจัดแข่งในอิตาลี 2 สนามติดต่อกันนับจากปี 1957 ซึ่งปีนั้น เปสคาร่า กรังด์ปรีซ์ และอิตาเลียน กรังด์ปรีซ์ ได้จัดติดต่อกัน
- สัปดาห์นี้เฟอร์รารี่จะฉลองกรังด์ปรีซ์ที่ 1000 ในสนามของตนเอง ซึ่งพวกเขาซื้อสนามแห่งนี้มาเป็นกรรมสิทธิ์เมื่อปี 1988 ตั้งอยู่ห่างจากโรงงานที่มาราเนลโล่ 120 กม.
- ขณะนี้ ลูอิส แฮมิลตัน เป็นเจ้าของสถิติแข่งจบแบบมีคะแนนจำนวนมากที่สุดใน F1 ร่วมกับมิชาเอล ชูมัคเกอร์ ด้วยจำนวน 221 ครั้ง หากสัปดาห์นี้เขาจบในท็อป 10 เขาจะทำสถิติใหม่แซงขึ้นไป
- ถ้าเซอร์จิโอ เปเรซ ไม่สามารถชนะในสุดสัปดาห์นี้ได้ เขาจะทำสถิติลงแข่งขันมากที่สุดโดยไม่เคยชนะเป็นอันดับ 2 เท่ากับที่นิก ไฮด์เฟลด์ ทำไว้ ซึ่งนักขับเยอรมันลงแข่งทั้งหมด 183 สนาม จบอันดับดีที่สุดบนโพเดี้ยมอันดับที่ 2 ขณะที่เปเรซแข่งขันมาแล้ว 182 สนาม ทำได้ดีที่สุดในอันดับที่ 2 เช่นกัน

*ข้อมูลจาก f1starfanclub

การแข่งขันทัสกัน เฟอร์รารี่ 1000 กรังด์ปรีซ์ 2020 (ตามเวลาประเทศไทย)
สนามที่ 9: 11-13 ก.ย. 63 สนามมูเจลโล่ ประเทศอิตาลี
ซ้อม 1 - ศุกร์ที่ 11 ก.ย. เวลา 16.00-17.30 น.
ซ้อม 2 - ศุกร์ที่ 11 ก.ย. เวลา 20.00-21.30 น.
ซ้อม 3 - เสาร์ที่ 12 ก.ย. เวลา 17.00-18.00 น.
รอบควอลิฟาย - เสาร์ที่ 12 ก.ย. เวลา 20.00-21.00 น.
แข่งขัน - อาทิตย์ที่ 13 ก.ย. เวลา 20.10 น.

สนามนี้ต้องเชียร์อล็กซ์หน่อยละ ฟอร์มไม่ค่อยดีเลย

อีกไม่กี่สนามน่าจะประเมินเก้าอี้ RB มือสองกันแล้วมั้ง

ยังไงก็เชียร์บ้อนกันต่อไป

บ้อนดวงแย่ บักแกซลี่ก็ดวงดีจั๊ง

อย่างชอบแฟน f1 ในเพจ บอกแกสลี่ฟลุกบ้าง ทีมพิทวางแผนดีบ้าง ดวงดีบ้าง กดไลค์กันเพียบ เหลือเชื่อจริงๆ

สนามที่แล้วสตาร์ทใหม่เหลือ 25 รอบ คาลอสไซน์ อยู่ทีม 3 ผมยังคิดเลย ยังไงมันก็โดนแซง 55555555
เข้าใจนะว่าเชียร์คนไทยกัน แต่ก็อย่าหน้ามืดตามัวเกินไปเลย

สนามที่แล้วรอบควอลิฟลาย ครั้งแรกได้ที่ 15 ครั้งที่สองได้ที่ 10 (เส้นยาแดงทั้งสองรอบ)รอบสุดท้ายได้ที่ 9 ออกสตาร์ทนั่นแหล่ะ

ไม่รู้มีปัญหาอะไร ไม่พูดถึงตอนแข่งนะ โดนชนแต่หัววันเลยช้าทั้งเรซอันนั้นไม่นับนะ 555

แก้สลี่รถด้อยกว่าอัลบอนพอสมควร ควอลิฟายก็ทำได้ดีกว่าหลายๆครั้งคือทำ hotlap ได้เด็ดขาดกว่าจริงๆยิ่งถ้าเทียบกับทีมเมทตัวเองอีก แต่แฟนๆชาวไทยไม่ยอมรับกันดวงบ้างไรบ้าง คือตั้งแต่เปิดฤดูกาลมาต้องคอยมาคิดข้ออ้างให้กันตลอด คนไทยใครก็เชียร์ แต่ช่วยอยู่บนความเป็นจริงบ้าง หลายๆครั้งที่อัลบอนจบอันดับTop 6 ก็เพราะเซฟตี้คาร์ทั้งนั้นอะ

เราต้องยอมรับแล้วแหละว่าบอนได้แค่นี้
ไปอยู่ทีมเดิมเถอะ จะได้ไม่กดดันมาก

ช่วงหลังบ้อนฟอร์มไม่ดีจริงแหละ แต่จะโทษบ้อนอย่างเดียวไม่โทษรถก็ไม่ถูก ก็ต้องดูปัจจัยประกอบด้วย จะดูแต่อันดับอย่างเดียวไม่ได้

ปีก่อนไม่ใช่แบบนี้ รถเร้ดบูลโอเค สนามไหนโค้งเยอะๆสู้ต่างดาวกับม้าที่ยังไม่โดนเรื่องหัวฉีดได้ไม่เป็นรอง เกือนจะได้ขึ้นโพเดียมถ้าไม่+กับบักแฮมซะก่อน

ปีนี้รถเร้ดบูลกากทั้งสองคัน แล้วทางวิศวกรผู้ผลิตแก้ปัญหาชิ้นส่วนพร้อมกันสองคันไม่ได้ จึงต้องเน้นเทการผลิตการแก้ปัญหารถไปทางแม็กซ์มากกว่า

อันนี้ทาง ดร.เฮมุท มาร์โค บอกเองเลย บอกต่อให้มือดีแค่ไหนมาขับรถบ้อนตอนนี้ก็คงยากลำบาก แต่บ้อนเองก็ต้องทำให้ดีกว่านี้ด้วย

อย่าลืมว่า F1 คือกีฬาประเภททีม

สนามนี้ RB ดูน่าจะขับดีนะ เน้น downforce

สนามนี้อาจจะมาก็ได้คนดูถูกเยอะมาก

สู้ต่อไป

ก่อนหน้านั้นสนามอย่างกับแข่ง Nas car เน้นเร็วอย่างเดียว
ช่วงความเร็วจาก 200-300 RB สู้ไม่ได้ตรงระบบไฮบริดช่วยเร่ง