ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3 ... 15, 16
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักเตะตำบล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 18 Oct 2010
ตอบ: 940
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Jul 14, 2020 18:17
[RE: ตกลงที่มาของรายได้เรือใบมาจากไหนนะ? เจ้าของอัดฉีดหมดเลย?]
juhookkruboyz พิมพ์ว่า:
Batao พิมพ์ว่า:
MidFieldz- พิมพ์ว่า:
Batao พิมพ์ว่า:
MidFieldz- พิมพ์ว่า:
Batao พิมพ์ว่า:
juhookkruboyz พิมพ์ว่า:
Spoil
Spoil
Batao พิมพ์ว่า:
juhookkruboyz พิมพ์ว่า:
Batao พิมพ์ว่า:
vit_bank พิมพ์ว่า:
Batao พิมพ์ว่า:
KingKeanoSS พิมพ์ว่า:
Macor พิมพ์ว่า:
เห็นออกมาโวยวายหลายคน เลยขอออกมาอธิบายเท่าที่ทราบให้เห็นภาพคร่าวๆละกัน

————————————————————-—————-

ก่อนอื่นลองดูข้อมูลที่มาของรายได้ของเรือใบก่อนว่ามาจาก



ปีล่าสุด จะสังเกตได้ว่าราว 60% มาจาก broadcast และ matchday
ในขณะที่ 40% ที่เหลือมาจากค่าโฆษณา

ซึ่ง 1 ในข้อที่ทางยูฟ่ากล่าวหาคือ สโมสรมีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางผิดกฎ FFP ..ในที่นี้คือ การใช้เงิน sponsor อัดฉีดจากบริษัทที่เว่อร์กว่าความเป็นจริง ในที่นี้คือ Etihad group ที่ดูจ่ายให้เรือ “มากกว่า” ที่บริษัทจะทำได้ นั่นจึงทำให้เป็นข้อสังเกตว่าเรือใบใช้เงินชีคอัดส่วนต่างที่เหลือแทน (ไม่เกี่ยวกับที่ sponsor เป็นเจ้าของนะ ไม่งั้น king power ของเจ้าสัวก็คงโดนเหมือนกัน)

และหนึ่งในดีลที่เรียกว่า โครตเตะตา คือ ดีลที่จ่ายให้เรือใบมูลค่า 400 ลป ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่รวมทั้ง sponsor บนอกเสื้อ + ชื่อสนาม เป็นระยะเวลา 10 ปี ....ซึ่งเฉลี่ยจะจ่ายให้เรือใบปีละ 40 ลป. ซึ่งถ้าคิดเป็นสัดส่วนรายได้ มันแค่ราว 10% เท่านั้น (หลังๆน้อยกว่า 10% อีก แต่ก็อาจมีมูลค่าอื่นๆอีก แต่ก็ไม่น่าเกิน 20%)

ในขณะที่ดีลใหญ่ๆอื่นๆ เช่น ขายให้กลุ่มทุนจีน 265 ลป หรือ พูม่าดีล 650 ลป กลับถูกมองข้ามซะงั้น

https://www.theguardian.com/football/2015/dec/01/manchester-city-265m-deal-chinese-investment-group

————————————————————————

พูดง่ายๆก็ คือ เรือใบ มีรายได้ 100% ...ราว 10% ถูกกล่าวหาว่าเงินมีที่มาที่ขัดต่อ FFP (คือมูลค่ารวมไม่ผิด แต่ บ. Sponsor ดูจ่ายเยอะเกิน) แต่ในขณะที่ 90% ที่เหลือของรายได้มีที่มาที่โปร่งใส ถูกตรวจสอบด้วย บ ตรวจบัญชีตลอด (อันนี้เรือใบอ้างตอนอุทธรณ์ CAS) ด้วยแถม 60% ก็มาจาก match day และ broadcast ที่มันเห็นชัดเจนว่าใครได้เท่าไหร่

แต่ตอนนี้หลายๆยูสกำลังจะตีคลุมว่ารายได้ 100% ของเรือใบอัดฉีดมาจากเจ้าของล้วนๆ เอาเปรียบชาวบ้าน
ทั้งที่เรือใบยังไม่เคยทำลายตลาดเลยด้วยซ้ำ (top5 แพงสุด epl ยังไม่ติดเลย และไม่ได้ซื้อนักเตะราคา 200m+ แบบ psg)
ในขณะที่โครงสร้างค่าเหนื่อย เพดานสูงสุดยังมีทีม top ที่จ่ายให้มากกว่าเรืออีกหลายทีม

เพราะฉะนั้นการที่มารุม 10% ของรายได้ต้องสงสัย เเล้วบอกว่าเงินซื้อแชมป์ สำหรับผมเป็นการดิสเดรดิตนักเตะและโค้ช

สุดท้ายนี้แค่อยากออกมาพูดอีกมุมบ้าง สำหรับบางคนที่เข้าใจว่าชีคเอาเงินจ่ายหมดเลย
ส่วนใครที่ตั้งธงไว้แล้วก็แล้วแต่ท่านๆเลย
 


ตอบทอปเม้นไห้ได้ก่อน  


ผมว่าที่ เจ้าของกระทู้เค้ายกมาแค่ช่วงหลังเพราะ แสดงให้เห้นว่าตอนนี้ ซิตี้มาไกลจากคำว่ากดสุตรเงินไม่อั้นมานานมากแล้วไง

ส่วนที่ท็อปคอมเม้นเอามาแย้งก็คือ ใช่ช่วงแรกๆการเงินซิตี้เป้นตัวแดง เจ้าของทีมเลยใช้การอัดฉีดผ่านบริษัทในเครื่อ เอติฮัท แต่!!!! ทั้งนี้ทั้งนั้นการอัดฉีดแบบนี้มันก้มีข้อกำจัด(เยอะเกินไปไม่ได้)และต้องสมเหตุสมผล และคุณอย่างลืมว่าทั้งหมดทั้งมวลอยู่ในกรอบของกฏการเงินที่ ยูฟ่าตั้งมา มาสกัดไม่ให้ ซิตี้ ใช้เงินเกินไป พอขอยํ้าอีกครั้งนะว่าทั้งหมดทั้งมวล อยู่ในกรอบการเงินทั้งสิ้น เพราะเหตุนี้ ศาลกีฬาถึงตัดสินให้ ซิตี้พ้นผิดจากข้อกล่าวหาว่าตกแต่งบัญชี แต่ยังให้ถูกปรับเพราะไม่ให้ความร่วมมือในการสืบสวน จบไหม  
ยอมรับว่าโกงทีมอื่นแบบแมนๆมันยากมากเลยเหรอ ถามจริง  


แทนที่จะคุยกันด้วยเหตุด้วยผลดีดี ผมก็พร้อมจะคุยแบบสุภาพชนด้วยนะ แต่ถ้ามาแบบนี้ก็กดเรื้อนและปล่อยผ่านไป  
 


รบกวนท่านไปอ่านคำตัดสินของศาลกีฬาโลกใหม่ครับ ศาลไม่ได้บอกว่าซิตี้ไม่ผิดนะครับ แต่แค่เอาผิดไม่ได้เพราะหลักฐานยังไม่มีน้ำหนักพอจึงยกประโยชน์ให้ ต่างกันนะครับระหว่างไม่ผิดกับไม่สามารถเอาผิดได้  


"ผลการตัดสินของซีเอเอส เน้นย้ำว่าข้อกล่าวหาของคณะผู้พิพากษาของซีเอฟซีบีที่ระบุว่ามีการละเมิดส่วนใหญ่นั้น ไม่เป็นที่ยอมรับและไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของเวลา" <---------------------ตรงนี้ตัดสินว่าไม่ผิด

"ขณะที่ข้อกล่าวหาเรื่องความไม่ตรงไปตรงมาในการปกปิดการระดมทุนมีความชัดเจนว่าผิดกฎหมายมากกว่าการขัดขวางการสืบสวนของซีเอฟซีบีนั้น การลงโทษแบนไม่ให้เข้าร่วมการแข่งขันระดับสโมสรของยูฟ่า เนื่องจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ให้ความร่วมมือกับการสืบสวนของซีเอฟซีบีนั้น ไม่สมเหตุสมผล" <--------------------อันนี้ตัดสินว่า ไม่ตรงไปตรงมาในการนำสืบข้อมูล(การระเมิดการเงิน) มีความพยายามขัดขวางการสืบสวนข้อมูล

มันมีตรงไหนที่ ศาลบอกว่า ซิตี้ละเมิดกฏการเงิน ถ้าซิตี้ละเมิดจริงศาลก้ต้องตัดสินยืนตามคำสั่งยูฟ่าไปแล้ว ผมว่าคนที่ไม่เข้าใจน่าจะเป็นคุณมากกว่านะครับ  

 

“UEFA notes that the CAS panel found that there was insufficient conclusive evidence to uphold all of the CFCB’s conclusions in this specific case and that many of the alleged breaches were time-barred due to the five-year time period foreseen in the UEFA regulations.

เอาตามอันที่ท่านยกมาเลยนะครับ (อันที่แปลมาจากที่ผมเอามาให้ดู)

"ผลการตัดสินของซีเอเอส เน้นย้ำว่าข้อกล่าวหาของคณะผู้พิพากษาของซีเอฟซีบีที่ระบุว่ามีการละเมิดส่วนใหญ่นั้น ไม่เป็นที่ยอมรับและไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของเวลา" <---------------------ตรงนี้ตัดสินว่าไม่ผิด

ตรงนี้คือที่ผมบอกว่าหลักฐานไม่มีนำหนักพอครับ ไม่ใช่ว่าซิตี้ไม่ผิดแต่หลักฐานที่จะเอาผิดไม่มีน้ำหนักพอ  


ใช่ครับหลักฐานมีนํ้าหนักไม่เพียงพอก็เป็นอันยกฟ้อง คนที่ถูกกล่าวหาก็พ้นผิดไปกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ เหมือนคดีอาญาบ้านเราพอคนถูกกล่าวหาว่าฆ่าคนตาย แล้วศาลบอลหลักฐานไม่เพียงพอคนๆก็กลายมาเป็นผู้บริสุทธิ์ใช้ชีวติเหมือนคนสุจริตทั่วๆไป ผมเข้าใจถูกไหม  


คดีขาดอายุความ เลยพ้นผิด ไม่ได้หมายความว่า คุณไม่ได้ทำผิดนะครับ คุณแค่รอดตัวเพราะกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เค้าเลยไม่ไปพิจารณาในเนื้อหาแห่งคดี

คุณบอกได้ว่า ศาลยกฟ้องเพราะขาดอายุความ แต่คุณจะบอกว่าศาลยกฟ้องเพราะคุณไม่ได้ฆ่าคนไม่ได้ มันคนละประเด็นกัน

ผมถึงได้บอกว่า เหตุผลในคำตัดสินตัวเต็มยังไม่ออก เอาอะไรมามั่นใจว่าทำผิด หรือ ไม่ได้ทำผิดจริง อีกทั้งคำตัดสินยังไม่ได้ลงถึงประเด็นในคดีว่า ประเด็นใดที่หลักฐานไม่เพียงพอ และ ประเด็นใดที่เอาผิดไม่ได้เพราะขาดอายุความ เพียงแต่พูดรวมๆว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอและขาดอายุความ  


ศาลไม่ได้บอกว่าคดีขาดอายุความนะครับ ศาลบอกหลักฐานไม่น่าเชื่อถือ  


ท่านแปลประโยคที่ว่านี้ว่าอย่างไรครับ
'The CAS award emphasized that most of the alleged breaches reported by the Adjudicatory Chamber of the CFCB were either not established or time-barred'
ถ้าจะแปลสุดที่ว่าไม่น่าเชื่อถือ คำตัดสินของ panel คงไม่ต้องใส่คำว่า time-barred ลงมา

อีกทั้งคำแถลงของ UEFA
'that many of the alleged breaches were time-barred due to the 5 year time period foreseen in the UEFA regulations'
ยังพูดในประเด็นเรื่องของอายุความ

ถ้าจะบอกว่าไม่มีเรื่องอายุความมาเกี่ยวข้องก็คงไม่ใช่อะครับ เพราะมันเขียนอยู่ในนั้น

https://www.tas-cas.org/fileadmin/user_upload/CAS_Media_Release_6785_Decision.pdf

https://www.uefa.com/insideuefa/mediaservices/mediareleases/news/025f-0fe04532cd96-809561062b21-1000--uefa-statement-on-cas-manchester-city-decision/  


เออผมไม่รู้จะตอบยังไงดีผมได้ source มาก้เหมือนกับคุณนั้นหล่ะครับ แปลมา

"ผลการตัดสินของซีเอเอส เน้นย้ำว่าข้อกล่าวหาของคณะผู้พิพากษาของซีเอฟซีบีที่ระบุว่ามีการละเมิดส่วนใหญ่นั้น ไม่เป็นที่ยอมรับและไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของเวลา"

การละเมิดส่วนใหญ่นั้น ไม่เป็นที่ยอมรับ <<< อันนี้หมายถึงหลักฐานไม่น่าเชื่อถือครับ(แปลไทยเป็นไทย)

และไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของเวลา ในส่วนนี้ความหมายที่ผมเข้าใจว่า เงื่อนไขของเวลา ในตัวของหลักฐานนั้นๆครับไม่ใช้เงื่อไข่ขอคดี

ไม่มีตรงไหนเลยที่ศาลบอกคดีขาดอายุความ

ถ้าคดีขาดอายุความ แล้วคุณไม่คิดหรอว่าทนายฝ่ายยูฟ่าห่วยแตกมากๆ

และคดีนี้เป็นคดีที่เกี่ยวข้องการลงโทษของยูย่า ยูย่าเพิ่งจะลงโทษไปเมื่อไม่กี่เดือนนี้เอง มันจะขาดอายุความได้ยังไง มันไม่ใช่คดีที่ยูฟ่าเป็นโจรทย์ยื่นฟ้องแมน ซิตี้ระเมิดกฏการเงินโดยตรง คุณเข้าใจไหมครับผมขี้เกียจอธิบายแล้วนะ

 


alleged breaches คือ ข้อกล่าวหาในการฝ่าฝืนครับ ไม่ใช่หลักฐาน

'that many of the alleged breaches were time-barred due to the 5 year time period foreseen in the UEFA regulations'

ประมาณว่า ช่วงเวลาที่ยูฟ่ากล่าวหาว่าซิตี้ทำผิดส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ใน the 5 year time period foreseen in the UEFA regulations' (ซึ่งผมไม่รู้ว่ากฎ 5 ปี นี้เขียนไว้ว่ายังไง)  



The procedural rules governing the UEFA CFCB


Article 37 – Statute of limitations
Prosecution is barred after five years for all breaches of the UEFA Club Licensing and
Financial Fair Play Regulations.
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 1066
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Jul 15, 2020 01:04
[RE: ตกลงที่มาของรายได้เรือใบมาจากไหนนะ? เจ้าของอัดฉีดหมดเลย?]
Shiroyasha พิมพ์ว่า:
ดีลที่่ถูกตั้งข้อสงสัยกันคือดีล 400 ล้านปอนด์ของ Etihad group ตอนปี 2011 ครับ

ไม่ใช่ดีลของ Puma ตอนปี 2019 นั่นมันผ่านมา 9 ปีแล้วครับ



ช่วงเวลานั้นไม่มีดีลสปอนเซอร์ระดับ 400 ล้านปอนด์เกิดขึ้นมาก่อนครับ อาร์เซน่อลที่ขายชื่อสนาม เอมิเรตส์ ไปตอนปี 2009-10 คือ 90 ล้านปอนด์ ขนาดสนามเมดิสัน สแควร์ การ์เด็นที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกเวลานั้น ยังแค่ 187 ล้านปอนด์

ผ่านไป 2 ปีสนามของซิตี้แพงกว่า 4 เท่าตัว ทั้งๆที่เวลานั้นซิตี้ยังไม่เคยเป็นแชมป์ลีค แชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกส์ยังไม่เคยได้ ยังไม่เคยเข้ารอบน็อกเอาต์ด้วยมั้ง

อะไรทำให้ซิตี้ได้รับเงินขนาดนี้ได้?



ถ้าจะเคลมว่าซิตี้โตขึ้นมาได้เอง ก็ลองย้อนดูผลประกอบการการและหลังดีลกับ Etihad group แล้วกันครับ [ข้อมูลจาก forbes]
------ Value --- Revenue --- Operating Income
ปี 2011 $291M --- $153M --- -$82M
ปี 2012 $443M --- $246M --- -$123M
ปี 2013 $689M --- $362M --- -$53M
ปี 2014 $863M --- $411M --- -$18M
ปี 2015 $1.4B --- $562M --- +$122M


คุณจะเห็นว่าทีมเติบโตแบบก้าวกระโดดมากๆ ทั้งในแง่ มูลค่าทีม ผลประกอบการ โดยเฉพาะ Operating Income จากติดลบอยู่ 4 ปี กลายเป็นพุ่งไป +100 ล้านปอนด์ในปีเดียว

ยิ่งถ้าย้อนกลับดูก่อนการเทคโอเวอร์ จะเห็นว่าซิตี้ไม่เคยมีรายได้ในระดับ 100 ล้านปอนด์มาก่อนเลย

คุณคิดว่าบังเอิญหรือไง ที่อยู่ๆสถานะทางการเงินมันพุ่งขึ้นมาได้แบบนี้

หรือคุณคิดว่าผมมีอคติก็แย้งมาครับ  


ผมในฐานะแฟนซิตี้คนนึง ขอมาให้ความเห็นแทนแล้วกันนะครับ
เห็นมีหลายคนเรียกร้องให้ตอบเม้นท์นี้ 555

แต่บอกก่อนว่า อาจจะไม่ไปในแนวทางเดียวกับเจ้าของกระทู้ (คุณ macor) มากนัก เพราะส่วนตัวแล้วผมมองประเด็นหลักต่างออกไป

จากคำถามของคุณ

1.การที่สถานะการเงินพุ่งขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
แน่นอนว่า จุดเริ่มต้นมาจากการลงทุนของเจ้าของสโมสร

2.ดีล 400M ปอนด์ ที่พูดถึง ผมก็คิดว่าเป็นเงินชีคแหละ
อัดฉีดเข้ามาผ่านช่องทางที่ "กฏ" ที่พอมีช่องให้ทำได้

ซึ่งจาก 2 ข้อที่พูดไป ผมคงไม่กล้าเคลว่า ซิตี้ เติบโตขึ้นมาเอง แน่นอน "เงินทุน" เป็นส่วนสำคัญ

แต่ผมก็กล้าพูดเช่นกันว่า 90% ของสโมสรใหญ่ๆ บนโลกเรา ผ่านการอัดฉีดเงินทุนมาก่อน
ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ตามแต่ช่องทางที่ยุคนั้นๆ เอื้ออำนวย

แล้วการใช้เงิน ผิดหรือไม่ ?
ด้วยความสัตย์จริงเลยนะ ผมว่าไม่ผิด ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องของ ซิตี้ แล้วจะพูดว่าไม่ผิดนะ
สมัยโรมันกับเชลซี ผมก็ไม่เคยคิดว่าผิด ตอนนั้นผมแค่คิดว่า เชลซีโชคดีจังวะ เมื่อไหร่ทีมตรูจะโชคดีมั่ง
(ท่านไปค้นประวัติผมดูได้ ผมไม่เคยแซะเชลซี รวมถึงสโมสรอื่นใดเรื่องเงินเลย)

ส่วนใครจะมองว่าการอัดฉีดเงินนั้นผิด เป็นการเอาเปรียบเพื่อน
ก็ขอให้ลองไปค้นประวัติทีมตัวเองดูก่อน ว่าเคยผ่านเหตุการณ์ทำนองนั้นมาไหม แล้วค่อยถกประเด็นนี้กันต่อ

อ่ะ อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจเริ่มโวยวายในใจละ (หรือบางคนอาจถึงขั้นสบถออกมา)

เรื่องเงินมันก็เรื่องนึง แต่ทีมมรึงมันแหกกฏ FFP นี่หว่า

ผมจะบอกว่า ถ้าผลตัดสินออกมาว่า ผิดจริงโดนแบน ผมยอมรับคำตัดสินได้นะ
ไม่รู้ว่าคุณๆ จะเชื่อกันหรือเปล่า แต่ผมบอกแฟนผมก่อนนี้ไว้ละ ว่าถ้าอุทรณ์ไม่ผ่านทีมเราโดนแบน
แสดงว่าหลักฐานชัด ทีมงานแม่งทะเล่อทะล่าสุดๆ
ต้องเชียร์ให้เอาแชมป์ UCL ให้ได้ปีนี้ ไม่งั้นรออีกหลายปีเลย

แต่ในเมื่อคำตัดสินเป็นแบบนี้ ผมในฐานะแฟนของทีมก็มั่นใจว่ารอดอย่างใสสะอาด ไม่ได้ติดสินบนแน่ๆ
ทำไมผมจึงพูดแบบนี้

เท้าความถึงกฏ FFP กันสักนิด
ผมเชื่อว่าคนในกระทู้นี้คงรู้ข้อมูลพอสมควร ว่ากฏ FFP มีประเด็นว่าเป็นดาบสองคม
ในแง่ของการกีดกันทีมเล็ก ที่ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ว่าจริงๆ มัน fair หรือ don't fair กันแน่
แต่ผมจะไม่พูดถึงประเด็นนั้นหรอก
ประเด็นที่ผมจะพูดคือ ในเมื่อทุกคน ยอมรับมัน ณ จุดนี้ ว่าถูกบังคับใช้ ไม่ว่ามันจะดีหรือไม่ดีก็ตาม
ก็ต้องทำตาม เพราะเป็น "กฏ" ถูกไหม

ใช่ครับ "ไม่ว่าจะดีหรือไม่ เราต้องทำตามกฏนั่นแหละ"
ถ้าคุณเห็นด้วยกับประโยคนี้ ก็อ่านต่อครับ

สิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจอยู่ตรงนี้ครับ
ในกฏ FFP ของ UEFA มีเขียนไว้ใน article 37 เองว่า

Article 37 – Statute of limitations
Prosecution is barred after five years for all breaches of the UEFA Club Licensing and
Financial Fair Play Regulations.
(ขอบคุณข้อมูลจากเพื่อนสมาชิกในกระทู้นี้นี่แหละ)

แปลง่ายๆ ได้ว่า การฟ้องร้องจะไม่สามารถทำได้ หลังจากการละเมิดผ่านไป 5 ปี
หรือก็คือ จะเอาผิดใครด้วยกฏนี้ได้ ต้องทำภายใน 5 ปี เกินจากนี้ กฏไม่ครอบคลุม (โชคดีจัง)

ประโยคเดียวกันกับเมื่อกี้ "ไม่ว่าจะดีหรือไม่ เราก็ต้องทำตามกฏนั่นแหละ"

อันนี้พูดในมุมที่แย่ที่สุดเลย คือรอดเพราะเรื่องเวลานะ แต่ถ้าแถลงการณ์ออกมาเป็นหลักฐานอ่อน ผมยิ่งยืดใหญ่เลยนะ 555

เป็นการตอบที่ยาวมากๆ ไม่เคยตอบอะไรยาวขนาดนี้
เผื่อคนขี้เกียจอ่าน ผมสรุปให้สั้นลง

-> แมนซิไม่ได้อยู่ดีๆ ประสบความสำเร็จ มันผ่านการลงทุนของเจ้าของ
ซึ่งเป็นการลงทุนที่ประสบความสำเร็จมาก
-> ใช้เงินไม่น่าจะผิด ทุกทีมผ่านการใช้เงินมาทั้งนั้น ต่างกันที่รูปแบบ และช่วงเวลา
-> ไม่ผิดกฏ FFP เพราะกฏเขียนไว้ชัดเจน ว่าเกิน 5 ปี จะมาง้องแง้ง เอ้ย ฟ้องไม่ได้

ขอบคุณที่สละเวลาอ่าน

ใครมีประเด็นไหนแย้ง ผมยินดีรับฟังนะครับ ขอให้มีมุมมองที่เป็นประโยชน์
จะมาแบบ ทีมมรึงโกงๆๆๆๆ ไร้คลาสๆๆๆๆ อะไรแบบนี้ไม่เอานะ ดูไม่มีสมอง

0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
หัวหน้าแมวมอง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Jul 2009
ตอบ: 37562
ที่อยู่: Liverpool In Your Area!
โพสเมื่อ: Wed Jul 29, 2020 21:51
[RE: ตกลงที่มาของรายได้เรือใบมาจากไหนนะ? เจ้าของอัดฉีดหมดเลย?]
ผมตกขบวน พลาดมู้นี้ไปได้ไงวะเนี่ย วันที่ 13 ผมไปทำอะไรอยู่ฟะ

สงสัยไม่ได้เข้าเว็บ เลยไม่ได้เสพเนื้อหาดราม่าในวันนั้นเลย
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
Thai Politicians Model



ออฟไลน์
ดาวเตะกัลโช่
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Mar 2006
ตอบ: 8094
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jul 30, 2020 09:06
[RE: ตกลงที่มาของรายได้เรือใบมาจากไหนนะ? เจ้าของอัดฉีดหมดเลย?]
Spoil
อย่ากระนั้น พิมพ์ว่า:
Shiroyasha พิมพ์ว่า:
ดีลที่่ถูกตั้งข้อสงสัยกันคือดีล 400 ล้านปอนด์ของ Etihad group ตอนปี 2011 ครับ

ไม่ใช่ดีลของ Puma ตอนปี 2019 นั่นมันผ่านมา 9 ปีแล้วครับ



ช่วงเวลานั้นไม่มีดีลสปอนเซอร์ระดับ 400 ล้านปอนด์เกิดขึ้นมาก่อนครับ อาร์เซน่อลที่ขายชื่อสนาม เอมิเรตส์ ไปตอนปี 2009-10 คือ 90 ล้านปอนด์ ขนาดสนามเมดิสัน สแควร์ การ์เด็นที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกเวลานั้น ยังแค่ 187 ล้านปอนด์

ผ่านไป 2 ปีสนามของซิตี้แพงกว่า 4 เท่าตัว ทั้งๆที่เวลานั้นซิตี้ยังไม่เคยเป็นแชมป์ลีค แชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกส์ยังไม่เคยได้ ยังไม่เคยเข้ารอบน็อกเอาต์ด้วยมั้ง

อะไรทำให้ซิตี้ได้รับเงินขนาดนี้ได้?



ถ้าจะเคลมว่าซิตี้โตขึ้นมาได้เอง ก็ลองย้อนดูผลประกอบการการและหลังดีลกับ Etihad group แล้วกันครับ [ข้อมูลจาก forbes]
------ Value --- Revenue --- Operating Income
ปี 2011 $291M --- $153M --- -$82M
ปี 2012 $443M --- $246M --- -$123M
ปี 2013 $689M --- $362M --- -$53M
ปี 2014 $863M --- $411M --- -$18M
ปี 2015 $1.4B --- $562M --- +$122M


คุณจะเห็นว่าทีมเติบโตแบบก้าวกระโดดมากๆ ทั้งในแง่ มูลค่าทีม ผลประกอบการ โดยเฉพาะ Operating Income จากติดลบอยู่ 4 ปี กลายเป็นพุ่งไป +100 ล้านปอนด์ในปีเดียว

ยิ่งถ้าย้อนกลับดูก่อนการเทคโอเวอร์ จะเห็นว่าซิตี้ไม่เคยมีรายได้ในระดับ 100 ล้านปอนด์มาก่อนเลย

คุณคิดว่าบังเอิญหรือไง ที่อยู่ๆสถานะทางการเงินมันพุ่งขึ้นมาได้แบบนี้

หรือคุณคิดว่าผมมีอคติก็แย้งมาครับ  


ผมในฐานะแฟนซิตี้คนนึง ขอมาให้ความเห็นแทนแล้วกันนะครับ
เห็นมีหลายคนเรียกร้องให้ตอบเม้นท์นี้ 555

แต่บอกก่อนว่า อาจจะไม่ไปในแนวทางเดียวกับเจ้าของกระทู้ (คุณ macor) มากนัก เพราะส่วนตัวแล้วผมมองประเด็นหลักต่างออกไป

จากคำถามของคุณ

1.การที่สถานะการเงินพุ่งขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
แน่นอนว่า จุดเริ่มต้นมาจากการลงทุนของเจ้าของสโมสร

2.ดีล 400M ปอนด์ ที่พูดถึง ผมก็คิดว่าเป็นเงินชีคแหละ
อัดฉีดเข้ามาผ่านช่องทางที่ "กฏ" ที่พอมีช่องให้ทำได้

ซึ่งจาก 2 ข้อที่พูดไป ผมคงไม่กล้าเคลว่า ซิตี้ เติบโตขึ้นมาเอง แน่นอน "เงินทุน" เป็นส่วนสำคัญ

แต่ผมก็กล้าพูดเช่นกันว่า 90% ของสโมสรใหญ่ๆ บนโลกเรา ผ่านการอัดฉีดเงินทุนมาก่อน
ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ตามแต่ช่องทางที่ยุคนั้นๆ เอื้ออำนวย

แล้วการใช้เงิน ผิดหรือไม่ ?
ด้วยความสัตย์จริงเลยนะ ผมว่าไม่ผิด ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องของ ซิตี้ แล้วจะพูดว่าไม่ผิดนะ
สมัยโรมันกับเชลซี ผมก็ไม่เคยคิดว่าผิด ตอนนั้นผมแค่คิดว่า เชลซีโชคดีจังวะ เมื่อไหร่ทีมตรูจะโชคดีมั่ง
(ท่านไปค้นประวัติผมดูได้ ผมไม่เคยแซะเชลซี รวมถึงสโมสรอื่นใดเรื่องเงินเลย)

ส่วนใครจะมองว่าการอัดฉีดเงินนั้นผิด เป็นการเอาเปรียบเพื่อน
ก็ขอให้ลองไปค้นประวัติทีมตัวเองดูก่อน ว่าเคยผ่านเหตุการณ์ทำนองนั้นมาไหม แล้วค่อยถกประเด็นนี้กันต่อ

อ่ะ อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจเริ่มโวยวายในใจละ (หรือบางคนอาจถึงขั้นสบถออกมา)

เรื่องเงินมันก็เรื่องนึง แต่ทีมมรึงมันแหกกฏ FFP นี่หว่า

ผมจะบอกว่า ถ้าผลตัดสินออกมาว่า ผิดจริงโดนแบน ผมยอมรับคำตัดสินได้นะ
ไม่รู้ว่าคุณๆ จะเชื่อกันหรือเปล่า แต่ผมบอกแฟนผมก่อนนี้ไว้ละ ว่าถ้าอุทรณ์ไม่ผ่านทีมเราโดนแบน
แสดงว่าหลักฐานชัด ทีมงานแม่งทะเล่อทะล่าสุดๆ
ต้องเชียร์ให้เอาแชมป์ UCL ให้ได้ปีนี้ ไม่งั้นรออีกหลายปีเลย

แต่ในเมื่อคำตัดสินเป็นแบบนี้ ผมในฐานะแฟนของทีมก็มั่นใจว่ารอดอย่างใสสะอาด ไม่ได้ติดสินบนแน่ๆ
ทำไมผมจึงพูดแบบนี้

เท้าความถึงกฏ FFP กันสักนิด
ผมเชื่อว่าคนในกระทู้นี้คงรู้ข้อมูลพอสมควร ว่ากฏ FFP มีประเด็นว่าเป็นดาบสองคม
ในแง่ของการกีดกันทีมเล็ก ที่ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ว่าจริงๆ มัน fair หรือ don't fair กันแน่
แต่ผมจะไม่พูดถึงประเด็นนั้นหรอก
ประเด็นที่ผมจะพูดคือ ในเมื่อทุกคน ยอมรับมัน ณ จุดนี้ ว่าถูกบังคับใช้ ไม่ว่ามันจะดีหรือไม่ดีก็ตาม
ก็ต้องทำตาม เพราะเป็น "กฏ" ถูกไหม

ใช่ครับ "ไม่ว่าจะดีหรือไม่ เราต้องทำตามกฏนั่นแหละ"
ถ้าคุณเห็นด้วยกับประโยคนี้ ก็อ่านต่อครับ

สิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจอยู่ตรงนี้ครับ
ในกฏ FFP ของ UEFA มีเขียนไว้ใน article 37 เองว่า

Article 37 – Statute of limitations
Prosecution is barred after five years for all breaches of the UEFA Club Licensing and
Financial Fair Play Regulations.
(ขอบคุณข้อมูลจากเพื่อนสมาชิกในกระทู้นี้นี่แหละ)

แปลง่ายๆ ได้ว่า การฟ้องร้องจะไม่สามารถทำได้ หลังจากการละเมิดผ่านไป 5 ปี
หรือก็คือ จะเอาผิดใครด้วยกฏนี้ได้ ต้องทำภายใน 5 ปี เกินจากนี้ กฏไม่ครอบคลุม (โชคดีจัง)

ประโยคเดียวกันกับเมื่อกี้ "ไม่ว่าจะดีหรือไม่ เราก็ต้องทำตามกฏนั่นแหละ"

อันนี้พูดในมุมที่แย่ที่สุดเลย คือรอดเพราะเรื่องเวลานะ แต่ถ้าแถลงการณ์ออกมาเป็นหลักฐานอ่อน ผมยิ่งยืดใหญ่เลยนะ 555

เป็นการตอบที่ยาวมากๆ ไม่เคยตอบอะไรยาวขนาดนี้
เผื่อคนขี้เกียจอ่าน ผมสรุปให้สั้นลง

-> แมนซิไม่ได้อยู่ดีๆ ประสบความสำเร็จ มันผ่านการลงทุนของเจ้าของ
ซึ่งเป็นการลงทุนที่ประสบความสำเร็จมาก
-> ใช้เงินไม่น่าจะผิด ทุกทีมผ่านการใช้เงินมาทั้งนั้น ต่างกันที่รูปแบบ และช่วงเวลา
-> ไม่ผิดกฏ FFP เพราะกฏเขียนไว้ชัดเจน ว่าเกิน 5 ปี จะมาง้องแง้ง เอ้ย ฟ้องไม่ได้

ขอบคุณที่สละเวลาอ่าน

ใครมีประเด็นไหนแย้ง ผมยินดีรับฟังนะครับ ขอให้มีมุมมองที่เป็นประโยชน์
จะมาแบบ ทีมมรึงโกงๆๆๆๆ ไร้คลาสๆๆๆๆ อะไรแบบนี้ไม่เอานะ ดูไม่มีสมอง

 
 


-> แมนซิไม่ได้อยู่ดีๆ ประสบความสำเร็จ มันผ่านการลงทุนของเจ้าของ
ซึ่งเป็นการลงทุนที่ประสบความสำเร็จมาก

อันนี้เห็นด้วย

-> ใช้เงินไม่น่าจะผิด ทุกทีมผ่านการใช้เงินมาทั้งนั้น ต่างกันที่รูปแบบ และช่วงเวลา
แต่ทีมอื่นเค้าใช้ในช่วงเวลาที่ยังไม่มีกฏนะครับ อย่างตอนเชลซีคือยังไม่มีกฏ FFP พอมีเชลซีเค้าก็ต้องปรับโครงสร้างทางการเงิน ช่วงนั้นที่กฏออกมาใหม่ข่าวพุ่งเป้าแล้วจับตาไปที่ทีมเชลซี แต่ทางเชลซีเค้าก็ปรับโครงสร้างทางการเงิน(ก่อนมีกฏเสี่ยหมีอัดเงินเข้ามาในรูปของการให้ทีมเชลซีกู้เงิน)

-> ไม่ผิดกฏ FFP เพราะกฏเขียนไว้ชัดเจน ว่าเกิน 5 ปี จะมาง้องแง้ง เอ้ย ฟ้องไม่ได้
ก็มันยังมีส่วนที่อยู่ใน 5 ปีนะครับ ที่ฟ้องกันคือตั้งแต่ปี 2012-2016 นับย้อนไป 5 ปี // ปี 2015-2016 ก็ยังอยู่ในช่วง 5 ปีที่ฟ้องได้ ซึ่งคำตัดสินของศาลกีฬาโลกก็ใช้คำว่าช่วงเวลาในการฟ้องร้องส่วนใหญ่ไม่อยู่ใน 5 ปี ไม่ได้บอกว่าไม่ได้อยู่ใน 5 ปีทั้งหมด ซึ่งตรงนี้คือส่วนที่ผมค่อนข้างติดใจที่สุด
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 1066
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jul 30, 2020 15:58
[RE: ตกลงที่มาของรายได้เรือใบมาจากไหนนะ? เจ้าของอัดฉีดหมดเลย?]
juhookkruboyz พิมพ์ว่า:
Spoil
อย่ากระนั้น พิมพ์ว่า:
Shiroyasha พิมพ์ว่า:
ดีลที่่ถูกตั้งข้อสงสัยกันคือดีล 400 ล้านปอนด์ของ Etihad group ตอนปี 2011 ครับ

ไม่ใช่ดีลของ Puma ตอนปี 2019 นั่นมันผ่านมา 9 ปีแล้วครับ



ช่วงเวลานั้นไม่มีดีลสปอนเซอร์ระดับ 400 ล้านปอนด์เกิดขึ้นมาก่อนครับ อาร์เซน่อลที่ขายชื่อสนาม เอมิเรตส์ ไปตอนปี 2009-10 คือ 90 ล้านปอนด์ ขนาดสนามเมดิสัน สแควร์ การ์เด็นที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกเวลานั้น ยังแค่ 187 ล้านปอนด์

ผ่านไป 2 ปีสนามของซิตี้แพงกว่า 4 เท่าตัว ทั้งๆที่เวลานั้นซิตี้ยังไม่เคยเป็นแชมป์ลีค แชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกส์ยังไม่เคยได้ ยังไม่เคยเข้ารอบน็อกเอาต์ด้วยมั้ง

อะไรทำให้ซิตี้ได้รับเงินขนาดนี้ได้?



ถ้าจะเคลมว่าซิตี้โตขึ้นมาได้เอง ก็ลองย้อนดูผลประกอบการการและหลังดีลกับ Etihad group แล้วกันครับ [ข้อมูลจาก forbes]
------ Value --- Revenue --- Operating Income
ปี 2011 $291M --- $153M --- -$82M
ปี 2012 $443M --- $246M --- -$123M
ปี 2013 $689M --- $362M --- -$53M
ปี 2014 $863M --- $411M --- -$18M
ปี 2015 $1.4B --- $562M --- +$122M


คุณจะเห็นว่าทีมเติบโตแบบก้าวกระโดดมากๆ ทั้งในแง่ มูลค่าทีม ผลประกอบการ โดยเฉพาะ Operating Income จากติดลบอยู่ 4 ปี กลายเป็นพุ่งไป +100 ล้านปอนด์ในปีเดียว

ยิ่งถ้าย้อนกลับดูก่อนการเทคโอเวอร์ จะเห็นว่าซิตี้ไม่เคยมีรายได้ในระดับ 100 ล้านปอนด์มาก่อนเลย

คุณคิดว่าบังเอิญหรือไง ที่อยู่ๆสถานะทางการเงินมันพุ่งขึ้นมาได้แบบนี้

หรือคุณคิดว่าผมมีอคติก็แย้งมาครับ  


ผมในฐานะแฟนซิตี้คนนึง ขอมาให้ความเห็นแทนแล้วกันนะครับ
เห็นมีหลายคนเรียกร้องให้ตอบเม้นท์นี้ 555

แต่บอกก่อนว่า อาจจะไม่ไปในแนวทางเดียวกับเจ้าของกระทู้ (คุณ macor) มากนัก เพราะส่วนตัวแล้วผมมองประเด็นหลักต่างออกไป

จากคำถามของคุณ

1.การที่สถานะการเงินพุ่งขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
แน่นอนว่า จุดเริ่มต้นมาจากการลงทุนของเจ้าของสโมสร

2.ดีล 400M ปอนด์ ที่พูดถึง ผมก็คิดว่าเป็นเงินชีคแหละ
อัดฉีดเข้ามาผ่านช่องทางที่ "กฏ" ที่พอมีช่องให้ทำได้

ซึ่งจาก 2 ข้อที่พูดไป ผมคงไม่กล้าเคลว่า ซิตี้ เติบโตขึ้นมาเอง แน่นอน "เงินทุน" เป็นส่วนสำคัญ

แต่ผมก็กล้าพูดเช่นกันว่า 90% ของสโมสรใหญ่ๆ บนโลกเรา ผ่านการอัดฉีดเงินทุนมาก่อน
ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ตามแต่ช่องทางที่ยุคนั้นๆ เอื้ออำนวย

แล้วการใช้เงิน ผิดหรือไม่ ?
ด้วยความสัตย์จริงเลยนะ ผมว่าไม่ผิด ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องของ ซิตี้ แล้วจะพูดว่าไม่ผิดนะ
สมัยโรมันกับเชลซี ผมก็ไม่เคยคิดว่าผิด ตอนนั้นผมแค่คิดว่า เชลซีโชคดีจังวะ เมื่อไหร่ทีมตรูจะโชคดีมั่ง
(ท่านไปค้นประวัติผมดูได้ ผมไม่เคยแซะเชลซี รวมถึงสโมสรอื่นใดเรื่องเงินเลย)

ส่วนใครจะมองว่าการอัดฉีดเงินนั้นผิด เป็นการเอาเปรียบเพื่อน
ก็ขอให้ลองไปค้นประวัติทีมตัวเองดูก่อน ว่าเคยผ่านเหตุการณ์ทำนองนั้นมาไหม แล้วค่อยถกประเด็นนี้กันต่อ

อ่ะ อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจเริ่มโวยวายในใจละ (หรือบางคนอาจถึงขั้นสบถออกมา)

เรื่องเงินมันก็เรื่องนึง แต่ทีมมรึงมันแหกกฏ FFP นี่หว่า

ผมจะบอกว่า ถ้าผลตัดสินออกมาว่า ผิดจริงโดนแบน ผมยอมรับคำตัดสินได้นะ
ไม่รู้ว่าคุณๆ จะเชื่อกันหรือเปล่า แต่ผมบอกแฟนผมก่อนนี้ไว้ละ ว่าถ้าอุทรณ์ไม่ผ่านทีมเราโดนแบน
แสดงว่าหลักฐานชัด ทีมงานแม่งทะเล่อทะล่าสุดๆ
ต้องเชียร์ให้เอาแชมป์ UCL ให้ได้ปีนี้ ไม่งั้นรออีกหลายปีเลย

แต่ในเมื่อคำตัดสินเป็นแบบนี้ ผมในฐานะแฟนของทีมก็มั่นใจว่ารอดอย่างใสสะอาด ไม่ได้ติดสินบนแน่ๆ
ทำไมผมจึงพูดแบบนี้

เท้าความถึงกฏ FFP กันสักนิด
ผมเชื่อว่าคนในกระทู้นี้คงรู้ข้อมูลพอสมควร ว่ากฏ FFP มีประเด็นว่าเป็นดาบสองคม
ในแง่ของการกีดกันทีมเล็ก ที่ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ว่าจริงๆ มัน fair หรือ don't fair กันแน่
แต่ผมจะไม่พูดถึงประเด็นนั้นหรอก
ประเด็นที่ผมจะพูดคือ ในเมื่อทุกคน ยอมรับมัน ณ จุดนี้ ว่าถูกบังคับใช้ ไม่ว่ามันจะดีหรือไม่ดีก็ตาม
ก็ต้องทำตาม เพราะเป็น "กฏ" ถูกไหม

ใช่ครับ "ไม่ว่าจะดีหรือไม่ เราต้องทำตามกฏนั่นแหละ"
ถ้าคุณเห็นด้วยกับประโยคนี้ ก็อ่านต่อครับ

สิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจอยู่ตรงนี้ครับ
ในกฏ FFP ของ UEFA มีเขียนไว้ใน article 37 เองว่า

Article 37 – Statute of limitations
Prosecution is barred after five years for all breaches of the UEFA Club Licensing and
Financial Fair Play Regulations.
(ขอบคุณข้อมูลจากเพื่อนสมาชิกในกระทู้นี้นี่แหละ)

แปลง่ายๆ ได้ว่า การฟ้องร้องจะไม่สามารถทำได้ หลังจากการละเมิดผ่านไป 5 ปี
หรือก็คือ จะเอาผิดใครด้วยกฏนี้ได้ ต้องทำภายใน 5 ปี เกินจากนี้ กฏไม่ครอบคลุม (โชคดีจัง)

ประโยคเดียวกันกับเมื่อกี้ "ไม่ว่าจะดีหรือไม่ เราก็ต้องทำตามกฏนั่นแหละ"

อันนี้พูดในมุมที่แย่ที่สุดเลย คือรอดเพราะเรื่องเวลานะ แต่ถ้าแถลงการณ์ออกมาเป็นหลักฐานอ่อน ผมยิ่งยืดใหญ่เลยนะ 555

เป็นการตอบที่ยาวมากๆ ไม่เคยตอบอะไรยาวขนาดนี้
เผื่อคนขี้เกียจอ่าน ผมสรุปให้สั้นลง

-> แมนซิไม่ได้อยู่ดีๆ ประสบความสำเร็จ มันผ่านการลงทุนของเจ้าของ
ซึ่งเป็นการลงทุนที่ประสบความสำเร็จมาก
-> ใช้เงินไม่น่าจะผิด ทุกทีมผ่านการใช้เงินมาทั้งนั้น ต่างกันที่รูปแบบ และช่วงเวลา
-> ไม่ผิดกฏ FFP เพราะกฏเขียนไว้ชัดเจน ว่าเกิน 5 ปี จะมาง้องแง้ง เอ้ย ฟ้องไม่ได้

ขอบคุณที่สละเวลาอ่าน

ใครมีประเด็นไหนแย้ง ผมยินดีรับฟังนะครับ ขอให้มีมุมมองที่เป็นประโยชน์
จะมาแบบ ทีมมรึงโกงๆๆๆๆ ไร้คลาสๆๆๆๆ อะไรแบบนี้ไม่เอานะ ดูไม่มีสมอง

 
 


-> แมนซิไม่ได้อยู่ดีๆ ประสบความสำเร็จ มันผ่านการลงทุนของเจ้าของ
ซึ่งเป็นการลงทุนที่ประสบความสำเร็จมาก

อันนี้เห็นด้วย

-> ใช้เงินไม่น่าจะผิด ทุกทีมผ่านการใช้เงินมาทั้งนั้น ต่างกันที่รูปแบบ และช่วงเวลา
แต่ทีมอื่นเค้าใช้ในช่วงเวลาที่ยังไม่มีกฏนะครับ อย่างตอนเชลซีคือยังไม่มีกฏ FFP พอมีเชลซีเค้าก็ต้องปรับโครงสร้างทางการเงิน ช่วงนั้นที่กฏออกมาใหม่ข่าวพุ่งเป้าแล้วจับตาไปที่ทีมเชลซี แต่ทางเชลซีเค้าก็ปรับโครงสร้างทางการเงิน(ก่อนมีกฏเสี่ยหมีอัดเงินเข้ามาในรูปของการให้ทีมเชลซีกู้เงิน)

-> ไม่ผิดกฏ FFP เพราะกฏเขียนไว้ชัดเจน ว่าเกิน 5 ปี จะมาง้องแง้ง เอ้ย ฟ้องไม่ได้
ก็มันยังมีส่วนที่อยู่ใน 5 ปีนะครับ ที่ฟ้องกันคือตั้งแต่ปี 2012-2016 นับย้อนไป 5 ปี // ปี 2015-2016 ก็ยังอยู่ในช่วง 5 ปีที่ฟ้องได้ ซึ่งคำตัดสินของศาลกีฬาโลกก็ใช้คำว่าช่วงเวลาในการฟ้องร้องส่วนใหญ่ไม่อยู่ใน 5 ปี ไม่ได้บอกว่าไม่ได้อยู่ใน 5 ปีทั้งหมด ซึ่งตรงนี้คือส่วนที่ผมค่อนข้างติดใจที่สุด
 


ฉบับเต็มออกแล้วนะครับ ตาม link ด้านล่าง Evening standard มาลงไว้บางส่วน
https://www.standard.co.uk/sport/football/manchester-city-court-of-arbitration-for-sport-reasons-overturning-champions-league-ban-a4510956.html

เรื่อง time-barred ทาง CAS ชี้แจงว่า case ของ Etisalat นั้น time-barred
ส่วน case Etihad นั้น บางส่วน time-barred (ตามที่ท่านบอก)

และได้กล่าวว่า ข้อกล่าวหาการกระทำผิดนั้น ไม่ได้ถูกพิสูจน์ว่าผิดจริง
the alleged wrongdoing had not been proven by Uefa

และกล่าวเพิ่มเติมว่า (พูดเฉพาะ Etihad ละ Etisalat ตกไปแล้ว)
ชัดเจนว่า Etihad ได้ชำระเงินตามที่มีภาระผูกพันธ์แก่ MCFC และ
MCFC ได้ให้บริการตามสัญญาที่ตกลงไว้เป็นการตอบแทน

there is no doubt that Etihad fully complied with its payment obligation towards MCFC and that MCFC rendered the contractually agreed services to Etihad in return

สรุปคือ มีการพิจารณาส่วนที่ไม่ time-barred แล้วครับ แต่หลักฐานอ่อนเกินไป
ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าผิด

2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2, 3 ... 15, 16
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel