ความแตกต่างของ ดาร์บี้ แมทช์ในภาวะปกติกับ close door ที่เราพอสังเกตได้คือการเข้าบอลแบบโมโหร้ายที่มีเสียงแฟนบอลปลุกเร้าให้อาดรีนาลีนมันหลั่ง ณ วันนี้มันไม่มี

ยกเว้นคนดูทางบ้านที่ยังอารมณ์มาเต็มจากเสียงซาว์นดทุกรูปแบบจนบางครั้งเราลืมตัวไปนึกว่ามีแฟนเข้ามาชมจริงๆ

แต่ความเข้มข้นและระดับการเข้าบอลของทั้งสองฝั่งอันนี้ยังไม่จางหายไปไหน

ที่ไม่ปกติคือระดับความฟิตที่เราจะเห็นกันตั้งแต่กลับมาเตะเมื่อวันที่ 17 ทำให้อาวุธหนักของ “หงส์แดง” ที่มาจากแบ็คทั้งสองฝั่งถูกตัดหายไป

แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ไม่มีชื่อ (ตัวแทนอย่าง มิลเนอร์ ก็มาเจ็บในเกมนี้อีก) ส่วน เทรนต์ อันนี้ถ้าถือวิสาสะขอถอดรองเท้า ผมเชื่อว่าน่าจะมีสนิมหนักเป็นโลเกาะอยู่ข้างในแน่นอน ลูกเปิดก๋องแก๋งมาก

ในขณะที่แนวรุกของทีมเยือนวันนี้ดูน่าอึดอัดเนื่องจาก คาร์โล่ อันเชล็อตติ ที่รู้ไส้รู้พุง ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ใครในโลกใช้แท็คติกให้ เชมุส โคลแมน ตามสิงร่าง ซาดิโอ มาเน่ ชนิดที่ว่าถ้าแข้งทีมชาติ เซเนกัล ปวดขี้ โคลแมน ต้องตามไปเช็ดในห้องน้ำกันเลยทีเดียว

แล้ว มาเน่ เล่นลำบากครับเพราะต้องหันหลังรับบอลเนื่องจากพวกแดนกลางโดนบีบเลยไม่สามารถพาบอลหรือแทงให้ มาเน่ วิ่งตัวเปล่าไปเอาได้ เรียกว่า ฟีร์เมียโน่ ตัวพักบอลที่ดีที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ก็แทบไม่มีบทบาทในชั่วโมงเร่งด่วนที่พื้นที่แน่นเหลือเกิน

ทำให้ทางขวาเป็น มินามิโนะ ก็เลยยิ่งบอดไปใหญ่เพราะแข้งญี่ปุ่นยังมีหลายจังหวะที่ดูลั่นอยู่แต่ในภาพรวมอื่นผมว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในจังหวะทำชิ่งท้ายครึ่งแรกจนเกือบมีโอกาสทำประตูแต่ในเกมสูสีและเข้าบอลหนักแบบนี้ JK ต้องการอะไรมากกว่านี้ครับจึงไม่เซอร์ไพรซ์ใดๆเมื่อครึ่งหลัง OX จึงถูกส่งลงมาในครึ่งหลังทันที (แต่ก็แทบไม่ได้ช่วยอะไร ฮา)

ฝั่ง “ท๊อฟฟี่เมน” ถูกบีบให้ต้องใช้การเปิดบอลยาวยามที่บอลถูกเซ็ตในแดนหลังหรือผู้รักษาประตูกำลังจะเตะ “โกลคิก” เพราะวันนี้ JK สั่งสามประสานบีบอยู่หน้าเขตโทษถ้าเล่นสั่นก็รุมเลย

เมื่อเจอแท็คติกส์แบบนี้จึงมีทางเดียวคือสาดยาวซึ่งแน่นอนครับ ริชาร์ลิสัน แย่งกลางอากาศกับ Vvd หรือ มาติป ยากอยู่แล้ว ส่วน คัลเวิร์ต-เลวีน เล่นหัวดีกว่า จึงต้องไปลุ้นเอาว่า second ball จะตกไปทีสีน้ำเงิน หรือ แดง

คำถามที่น่าสนใจคือผมเห็นหลายทีมใช้แรงค่อนข้างเยอะในการต่อกรกับ “หงส์แดง” ในครึ่งแรกแต่ครึ่งหลังมาหมดเอาช่วงกลางๆเป็นต้นไปแต่ในภาวะไม่ปกติผมกลับมองว่า ว่าที่แชมป์ พรีเมียร์ลีก ความฟิตอาจจะไม่ล้นถังเหมือนช่วงก่อนเบรกโควิด

แต่ช่วงท้ายครึ่งแรกเป็นภาพนิมิตรลางๆที่เราจะได้เห็นในครึ่งหลังเนื่องจาก เอฟเวอร์ตัน โดนขึงอยู่หลายนาทีและเราได้เห็นการเล่นที่ไหลลื่นของ “หงส์แดง” เป็นครั้งแรก

และไปเป็นตามคาดครับเมื่อยิ่งเล่นจากที่เจ้าถิ่นเคยทำให้ ลิเวอร์พูล พาบอลมาถึง third area นับครั้งได้และต้องเล่นแบบหันหลังโดนบีบถึงเนื้อถึงตัวกลายเป็นว่าทั้งมาเน่ หรือ ox และ เกอิต้า (ที่วันนี้ผมว่าเล่นดี) มีพื้นที่แทงบอลรับบอลกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งนี้มันมาจากหน้าและกลางของ “ท๊อฟฟี่” เริ่มรบกวนการเซ็ตเกมของ “หงส์แดง” น้อยลงเรื่อยๆตามแรงที่ไม่เต็มถึงเหมือนช่วงแรก เราจึงค่อยๆเห็นบอลแบบวันเวย์และเป็นเจ้าถิ่นลงรับรอสวนอย่างเต็มตัว

เอาจริงๆทีมเยือนน่าจะน้ำตาตกมาโดนช่วง 10 นาทีสุดท้ายเพราะขึงเขาได้ก็จริงแต่จังหวะสุดท้ายไม่ได้สับไกจนเกือบมาโดนเองถ้า เดวิส ยิงจ่อๆไม่ไปแฉลบ โกเมส แล้วไปแฉลบเสาและกลายเป็นช็อตที่ใกล้เคียงที่สุดในเกมนี้ไปหน้าตาเฉย

อีกจุดเปลี่ยนผมว่าเป็น ลอฟเรน ลงมาแทน มาติปที่เจ็บ รายนี้รู้อยู่ให้กองหน้ามีชื่อไม่มีชื่อแกสร้างงานสร้างอาชีพให้เพื่อนๆหมด Vvd ยังป่วนตามไปด้วย ที่แพ้นัดแรกในซีซั่นให้ วัตฟอร์ด ก็พี่แกนี่แหละฮะ ย้ายได้ย้ายก่อนเลย

ผลเสมอแบบบโนสกอร์อาจไม่ได้ส่งผลอะไรกับทาง “หงส์แดง” เพราะการขอชัยชนะ 2 นัดกับโปรแกรมที่ยังเหลืออีก 7 นัดแถม แมนฯซิตี้ ต้องชนะทั้งหมดยังไงก็ไม่น่าจะเหลือบ่ากว่าแรง คิดว่าลงเตะเป็นเรื่องเป็นราวไปแล้วสภาพนักเตะหลายคนน่าจะเข้าที่ในเกมเปิดบ้านพบ คริสตัล พาเลซ ได้ดีขึ้นกว่าเดิม

นัดนี้แค่ชะลอการคว้าแชมป์ออกไปอีกนิดหน่อยแต่คงไม่ได้เห็นภาพนักเตะ “เรือใบ” มายืนตั้งแถวปรบมือให้แล้วนะครับ...

เข้าใจได้เลยล่ะ และผมเชื่อว่าแฟนบอลทุกคนก็คงเข้าใจแหละว่า มันยังไม่เข้าที่เข้าทาง

โดยเฉพาะเรื่องพละกำลัง ความฟิต
เจ็บกันบานเลย โค้ชก็ต้องกัดฟันอดทนห้ามใจในการหมุนเวียนนักเตะ
เพราะ ต้องพักไว้เกมกลางสัปดาห์เหมือนกัน

เสมอ และไม่แพ้
ผมว่าโอเคเลยครับ

ยังไงก็แชมป์ พี่ไม่รีบ พี่รอได้

อีกอย่าง ทุกคนเหมือนไม่ได้เล่นตำแหน่งที่ตัวเองถนัดกันเท่าไร เพราะต้องลงไปแทนหรือไปเสริมเพื่อนที่เค้ายืนประจำ อย่างน้องโจเหม่อ ทาคุมิ ox เทพกี้ พอเข้าใจได้ มาเน่เองก็แทบจะรับผิดชอบตั้งแต่ CAM ยัน ST ถือว่าลองๆกันไปสถานการณ์จำเป็น


ส่วนเทพลอฟนี่ก็ไม่ถนัดเล่นเซนเตอร์แน่นอนดูจากทรงแล้ว ซึ่งก็ดูจะไม่ถนัดเล่นฟูลแบ็คด้วย ยิ่งจะดันไปกลางรับนี่ก็เล่นไม่ค่อยได้ เอ๊ะ หรือว่าจริงๆแล้วเค้าคือผู้เล่นตำแหน่งปีกอาชีพกันนะ แต่ปกปิดไว้

* ไอลอฟรั่วลงมาแปปเดียว ทีมเกือบพัง โดนล็อคไปทั้งตัวลุกขึ้นมาหน้าซีดเลย
หนักใจจริงๆคนนี้ จบซีซั่นไปเถ้อะลูกพี่ ทำทรงอย่างดีเล่นอย่างหมู -.-

ผมเห็นด้วยครับว่าเกต้าเล่นดี น่าจะโดนเปลี่ยนเพราะความฟิตเลย

ทาคิก็ดีขึ้นเยอะ แต่อ๊อกนี่น่าห่วงจริงๆ ฟอร์มหายไปเลย

แบคเอฟเวอร์ตันน่าจะซีมุส โคลแมนรึเปล่าครับ คริสโคลแมน น่าจะแขวนไปแล้ว

คหสต. ผมมองว่าการขึ้นเกมยังไม่ลื่นครับ สำหรับหงส์ ผมคิดว่าการส่งทาคิกับเกอิต้าลงมา เพราะทั้งคู่เคยเล่นด้วยกันมาก่อน JK คงอยาก Test อะไรด้วย อีกเรื่องคงเป็นเรื่องของความฟิตของนักเตะเองด้วย

การเปลี่ยนได้ 5 คนเป็นเรื่องดีสำหรับการเเก้ปัญหาความฟิตของนักเตะ แต่มันก็ทำให้รูปเกมและความเข้าใจเกมของนักเตะ อาจตามกันไม่ทันได้

การเปลี่ยน Ox มาเเทนทาคิ แสดงให้เห็นถึงความฟิตของนักเตะเเน่นอน เพราะหน้าขวา ไม่น่าใช่ตำแหน่งที่ JK วาง Ox ไว้แต่แรกแน่

ทำไมผมรู้สึกว่า JK ใช้เกมนี่วัดสภาพและบรรยากาศในการเล่น เขาอาจมองว่า การ”ไม่แพ้” ก็เป็นผลที่ไม่เสียหาย และพอจับอะไรได้บางอย่าง เพื่อที่อีก 2 เกมหน้า JK น่าจะลุยเต็มสูบแน่

ต้องชมพี่เเจ้ ดูเอฟเล่นเมื่อคืน อารมณ์นาโปลียุคพี่เเจ้มาก รู้ว่าไม่ควรบุกก็เล่นเกมรับอย่างมีวินัย จังหวะสวน ผมว่าถ้าได้หน้าคมๆนี่ หงส์ถึงแพ้

สำคัญสุด ผมว่า ลอฟเลนนี่ ดาวิด ลุยส์ ของหงส์แดงชัดๆ !!!

การที่ซิตี้ไม่ต้องมานืนตบมือให้ ผมมองว่าเป็นข้อดีในฤดูกาลหน้านะ

นักเตะเรือมุ่งมั่นกว่าเดิมมากๆแน่ๆ

ไงล่ะท่าน มาเน่เดอะแบกที่สุดสำคัญกว่าโม

มันก็สำคัญ​หมดทุกคนแหละครับ

และผมมองว่า ยุคJK เราไม่มีเดอะแบกแล้วนะ

มันช่วยกันแบกมากกว่าคนเดียวแบก

ส่วนเรื่องใครสำคัญ​สุด ถ้าให้เลือก ไม่อยากเลือก
แต่มาเน่ ดูปราดเปรียว ว่องไว ปั่นป่วนและผมให้เบอร์1ละกันอ่ะ

แต่สามประสานมันต้องลงพร้อมๆกัน มันถึงจะดี

ว่าแต่..... ทำไมท่านโพสเหมือน โยนแพะให้มาเน่เลยอ่ะ ที่เราไม่ชนะ ไม่ใช่เพราะมาเน่นะ
แต่มันยังไม่เข้าที่ทั้งทีม ปีกขวาง่อยทั้งเกม เทรนท์ก็เปิดบอลแบบยังกะคนละเทรนท์

ตอนผมนั่งดูก็ยังบ่นเลยว่าไอ่คริส โคลแมนมันติดมาเน่จังวะ
ซักพักนึกได้ไอ่นี่มันเชมุส โคลแมนนี่หว่า
มาเจอพี่เบนเป็นเหมือนกันอีก 5555

ลั่น

เป็นตำนานที่ตราตรึงคนยุคเก่าอย่างเราๆจริงครับ

อ๋อ
ท่านโปรโทนี่เขาตอบในโพสต์ข่าวที่รูนี่บอกว่าโม ซาล่าห์ ทำให้นึกถึง CR7 เล่นให้แมนยู
โปรเขาว่า ตัวรุกของหงส์ที่สำคัญที่สุดคือ มาเน่ ครับ
พอนัดนี้ขาดโม มาเน่ก็ใช่ว่าจะพึ่งได้เสมอไป ไม่เกี่ยวกับโยนแพะอะไรเลยครับ
ผมเห็นด้วยกับท่านนะครับ ที่ว่า ต้องครบทั้ง 3 คน ถึงจะดี