อันนี้เรื่องยาวเลยครับ เกรเซอร์กับการเทคโอเวอร์ มันคือเทคนิคทางการเงิน ที่นักการเงินที่เก่งสามารถทำได้
คร่าวๆ คือแบบนี้

Leverage Buy Out คืออะไร
การซื้อกิจการด้วยการใช้วิธี Leverage Buy Out นั้นหมายถึงการซื้อกิจการ ด้วยการกู้ยืมเงินธนาคารเพื่อมาซื้อทีม แต่แทนที่จะจ่ายเงินคืนธนาคารเอง ครอบครัวเกลเซอร์กลับใช้วิธีให้เอา “หนี้สิน” จากการยืมเงินทั้งหมดไปลงไว้ที่สโมสร และให้เงินทุนของสโมสรนั้นจ่ายคืนแบงค์เอง นั่นหมายความว่าพวกเขาไม่จำเป็นจะต้องลงทุนแม้แต่น้อย แถมยังนำภาระหนี้สินมาลงใส่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกด้วย จึงทำให้แฟนบอลทั้งหลายโกรธมาก ซึ่งแฟนบอลก็มีเหตุผลที่จะโกรธนะ เพราะภาระหนี้สินนั้นแน่นอนว่าต้องทำให้่สโมสรอยู่ในความไม่เสถียนด้านการเงินอยู่แล้วล่ะ (แต่รอดมาได้ก็โอเคนะ ไม่สิ ไม่โอเคล่ะ แต่ก็ต้องโอเคไป)

มีการตั้งข้อสังเกตว่า ที่ดีลการซื้อทีมนี้เกิดขึ้นได้ ก็เพราะว่าครอบครัวเกลเซอร์มีเส้นสายในธนาคารมากพอที่จะกล่อมให้ธนาคารยอมปล่อยกู้หนี้ คือถ้าวัดกันจริงๆ ถ้าคนธรรมดาคนอื่นมีเส้นสายกับธนาคารและต่อรองได้เก่งพอๆกัน ก็สามารถซื้อทีมได้นะ…แปลง่ายๆว่า เป็นการซื้อทีม แบบลักษณะคนไม่มีเงิน (แต่มีเส้นสาย)…หรือ “งก” นั่นเอง เพราะไม่ใช่ว่าครอบครัวเกลเซอร์จะไม่มีเงินนะ แถมรวย (มากๆ) ด้วยซ้ำ แต่ก็อย่างว่าแหละ เขามีเทคนิคครับ ถ้าเป็นธุรกิจอื่นๆคงไม่มีกระแสโดนว่าขนาดนี้


ส่วนฉบับเต็มที่มีคนเคยเขียนไว้คือตามลิงค์เลยครับ
https://tonkit360.com/19867

เงินไม่ต้องกังวลหรอก

กังวลว่าเขาจะย้ายมารึเปล่านี่สิ

มีฉันแล้วยังจะมองหาใครอีก

ถ้าเป็นพวก Fx irs sr ก็ไม่ค่อยน่าเป็นห่วงเท่าไหร่ ดีเลยครับ

แมนยูมี CB ระดับท็อปแค่แมคไกวร์คนเดียวเอง
ซื้อเพิ่มอีก 1 คน เอามาจับคู่กับแมคไกวร์ไงครับ เกมรับจะได้แน่นขึ้นไปอีก

ไบญี่ถ้าไม่เจ็บก็ท๊อป จริงๆฉันอยากได้คูลิบาลี่นะ

เรื่องเงินไม่กลัว กลัวเขาไม่มา

ทุกคนรู้ แฟนคลับรู้ เอ็ดเจรจากากตลอด

ถ้าดอทใจอ่อนยอมให้ซัก100m เอ็ดยื่น80ปลายๆ ยื้อกันจนตลาดปิดแน่ๆ

น่าจะลงได้ไม่เกิน 20 นัดต่อฤดูกาล

แมนยูมันก็จ่ายดอก จ่ายหนี้ แบบนี้มา 10 กว่าปีแล้วนะ

ยังมีตังมาทุ่มซื้อได้ตั้งหลายฤดูกาล

ปัญหาคือหนี้ไม่หมดสักทีนี้แหละที่มันขัดขวางการพัฒนาการของทีม

จริงๆ ตังจ่ายดอก นี้ควรจะทำให้สโมสรเติบโตได้กว่านี้เยอะมาก

จริงอย่างท่านว่าปัญหาคือเรื่องนี้ทำอะไรไม่ได้จนกว่าจะเปลี่ยนเจ้าของนะสิครับ

คนมีหนี้อาจไม่ใช่คนรวยหรือจน แต่เป็นคนที่มีเครดิตดี

ไบยี่มันเหมือนสมอลลิงอะ

ความผิดพลาดที่รอวันเกิด

มันจะมีจังหวะที่มันพลาดแน่ๆ แต่เมื่อไหร่

ที่ต่างกันคือ จังหวะพลาดของสมอลลิงดูโง่ จังหวะพลาดองไบยี่มันดูโอเคกว่าเพราะมันพลาดจากการที่ไบยี่มัน aggressive เกิน เข้าถึงตัวเร็ว ปล่อยพื้นที่ตัวเองเกินไป ติดประมาท ไม่ใ่จ่ายเสียโง่ๆหรือลื่นล้มแบบสมอลลิงกับโจนส์

ถ้างบตามนี้ก็ไม่แย่เท่าไหร่ แต่ก็ไม่ถึงกับจะทุ่มซื้อใครราคาไหนก็ได้แน่ๆ
1. ไตรมาสแรกก็แย่แล้ว ไตรมาส 2 นี่ไม่ต้องพูดถึง
2. ภาระดอกเบี้ยพุ่ง อันนี้ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ไม่แน่ใจว่าเฮดจ์ไว้แล้วยัง ทำไมโดนเยอะจัง เงินซื้อนักเตะหายไปเป็นสิบล้าน
3. งบสินทรัพย์นี่ตามจริงเทียบยาก มิ.ย.19 ช่วงนั้นน่าจะเตรียมเงินไว้ซื้อขายนักเตะ + เงินรางวัลต่างๆ ซึ่งปีนี้เงินไม่น่าจะมาทัน เงินสดที่หายนี่ถ้าดูจากยอดรวมสินทรัพย์ กับยอดรวมหนี้สิน น่าจะเป็นไปตามรอบปฏิทินการดำเนินงาน

สรุปเหลือเงินสด ณ เวลานี้อาจจะไม่มากเท่าไหร่ ไหนจะไว้ใช้ดำเนินงานด้วย กู้ระยะสั้นเนี่ยก็น่าจะกู้ตามรายได้ที่รอการรับรู้ของไตรมาส 2 นี่ล่ะ ผมว่าเอ็ดน่าจะต่อราคาแน่ๆ ซื้อเงินผ่อนด้วย ถ้าไม่มีเงินสดเข้ามาไตรมาสนี้ ซึ่งกว่าจะเข้าก็ต้องรอจบฤดูกาล ซื้อขายปีนี้ แฟนบอลอย่างเราน่าจะลุ้นเหนื่อยหน่อย

อีกอย่างหนี้เงินกู้เนี่ย เห็นหลายคนลุ้นให้มันหมด บอกเลยว่ายาก มันลดลงไปตามครบกำหนดชำระหนี้ แต่พอมี project ลงทุนใหม่ อาจจะเป็นปรับปรุงสนามหรือซื้อนักเตะ มันก็กลับมาอีก มันเป็นเรื่องปกติของบริษัทมหาชน

งงว่าทำไมเงินสด90 ล้าน เอามาคิดเรื่องซื้อตัว

แทนที่จะเอาไปคิดเรื่องค่าใช้จ่ายกับหนี้สินหมุนเวียน