คงต้องหาคนคุยด้วยบ่อยๆแล้วผม ผมรู้ตัวว่าที่พูดไม่ได้ไม่เป็นประโยคเลย เพราะไม่มีใครคุยให้ใช้ภาษากับคำศัพท์ที่นึกไม่ออกบางคำ

ผมเริ่มจากไม่ได้เลย ไปออสเตรเลีย1ปี ได้ทุกอย่าง ไม่ถึงขั้นเก่งนะ แต่พูดได้ ฟังได้ เขียนเป็น ทุกอย่างดีขึ้นจากโง่ๆไปเกือบเก่งแต่ยังไม่สุด
แนะนำไปเมืองนอก

คิดสถานการณ์แล้วฝึกพูดกับตัวเองครับ

พอไปเจอเราก็จะตอบสนองได้ว่าควรพูดอะไร

ผมก็เหมือนกันครับ
แต่ล่าสุด​ บ.​ ส่งไปดูงานที่เยอรมัน
จากพูดไม่ได้​ ก็ต้องพูดให้ได้​ ไม่งั้นไม่รอด
ผมคิดว่า​ มันอยู่ที่สิ่งแวดล้อมรอบข้างเรา
อยากพูดได้ต้องไปอยู่ที่ๆเราต้องพูดครับ

ทฤษฏีนี้ถูกครับ คนไทยแค่ไม่กล้าพูด
เอาจากประสบการณ์ผมเอง ตอนนี้พูดอังกฤษกับจีนได้
แค่กล้าพูด พูดผิดไม่รู้เรื่องก็Google ทำบ่อยๆมาเองครับ

ไม่ใช่ must = จำเป็น
แต่หมายถึง much = ปริมาณมากๆ, ฝึกฝนบ่อยๆ

แต่ขอบคุณที่ช่วยแก้รูปประโยคที่ถูกต้องให้ครับ

ถ้าฟังออก เข้าใจ เขียนได้ อ่านได้ แสดงว่าอังกฤษใช้ได้พอสมควร
เหลือแค่พูด วิธีแก้ก็ง่ายมากครับ.....ก็พูดเยอะๆครับ

สาเหตุมันคือ เราไม่ได้ใช้บ่อย พอจะคิด จะพูดมันเลยไม่คล่องปากครับ
นึกศัพท์ได้ไม่ทัน พอนึกศัพท์ได้ นึกแกรมมาร์ไม่ออกอีก พอนึกได้ครบออกเสียงไงวะ กว่าจะครบกระบวนการ คนฟังหลับพอดี

แนะนำวิธีที่ผมใช้ละกันครับ อาจจะไม่ได้ดีแต่คิดว่าพอมีประโยชน์
1. เวลาคิดอะไร หรือเจออะไรในชีวิตประจำวันลองแปลเป็นอังกฤษดูครับ
ว่างๆตอนเดิน ตอนดูหนังฟังเพลง เอ้ย ถ้าจะพูดประโยคนี้ภาษาอังกฤษพูดไงวะ
เราจะได้ทั้งจำศัพท์ สร้างประโยค
2. เสร็จแล้วลองพูดออกมาครับ พูดสำเนียงเห่ยๆของเราออกมา แต่ไม่ต้องกลัวครับ ฝรั่งพูดไทยก็เห่ยๆเหมือเรา ไม่ต้องอาย
ผมฝึกพวกนี้ในห้องน้ำเวลาอาบน้ำก็คิดไปด้วย พูดไปด้วย มันจะทำให้เราคล่องปาก
3. พอพูดๆไปเราจะรู้วาเราตะกุกตะกักตรงไหน ก็ไปหาความรู้เพิ่มครับ ศัพท์นี้เค้าใช้กันจริงมั้ย จริงๆมันออกเสียงยังไง หรือโอเคถูกทุกอย่างละ เหลือพูดให้ลื่นๆพอ

ผมว่ามันดีนะที่ทำให้การเรียนรู้บวกไปในชีวิตประจำวัน ไม่เสียเวลาอะไรมาก
ใช้ได้กับทุกอย่าง ดูหนัง ฟังเพลง ดูละคร คุยกะเพื่อน ก็ลองแปลเป็นอังกฤษดู

วิธีอื่นๆก็ไปจอยกับฝรั่งตาม hostel ก็ได้ครับ ร้องเพลงก็ได้
สุดท้ายผมว่ามันไม่มีทางลัด อยากพูดเก่งก็ต้องพูดบ่อย ถ้าไม่มีเพื่อนฝรั่งก็ต้องสร้างโอกาสพูดให้ตัวเอง

ของผมพูดเอาตัวรอดได้ ฟังได้ คือเวลาอยู่กับฝรั่งผมไม่เคยใบ้กินอ่ะตั้งแต่มัธยมแล้วอาจเป็นเพราะเป็นคนกล้าพูด กล้าแสดงออกด้วยมั้ง

พอพูดผิดเขาก็แก้ให้ ก็จำที่เขาแก้ให้มาตลอด แต่อย่าให้พิมพ์หรือพูดแบบถูกแกรมม่านะห่วยชิบบบบบ เรื่องแกรมม่าเอาไป2/10อ่ะ 55555555 ไม่ได้เลยยย

ป.ล. ผมเสียดายสกิลภาษาจีนตัวเองสุดละ ตอนสมัยเรียนคาบจีนตั้งแต่ม.4-6 ผมมักจะโดนชมเรื่องการออกเสียงเสมอว่าออกเสียงได้ดีมากๆ แบบครูพูดมาผมcopyละพูดตามได้เลยอ่ะอาจจะไม่ถึงขั้นเนทีฟเรื่องการออกเสียงแต่ก็โดนชมเสมอ จำรูปแบบประโยคได้เร็ว มีแต่คนบอกถ้าผมเรียนต่อยอดจีนนะรุ่งแน่ๆ แต่ก็นั้นละไม่ได้ต่อยอดอะไรเล๊ยยย จบม.6แล้วจบเลย 555

ผมด้อย grammar กับ vocab -*-


ฟัง พูด อ่าน เขียน ได้สบาย

เจอการดริฟขั้นสุดยอดเข้าไปผมนี่ก๊ากเลย

เป็นเหมือนกัน คิดคำศัพท์ไม่ทันตอนพูด เหมือนตื่นเต้นยังไงไม่รู้ครับ

ผมเคยเป็นฮะ
ต้องใช้อ่ะ ไม่ใช้เลยส่วนมากจะลงหม้อ
อ้อ อีกเรื่องที่ต้องทำเลยคือเลิกแปล
เพราะถ้าใช้คำไทยแล้วแปล แล้วพูดอีกทีมันไม่ได้หรอก

ต้องฝึกครับ ไม่มีทางลัดนอกจากฝีกๆๆๆๆอย่างเดียว

การพูดมันเป็นละสกิลกับการอ่านเขียนและฟัง ไม่แปลกครับที่คนส่วนใหญ่พูดไม่ได้เพราะที่เรียน,เสพสื่อหรือหนังต่างๆ เราใช้แค่ทักษะอ่านและฟัง(หรือเขียนสำหรับงานหรือการเรียน)

การฝึกของผมไม่ยากครับ เริ่มต้นโดยการพูดหน้ากระจกกับตัวเองทุกวัน วันละ 5-10 นาทีแล้วแต่ พูดแนะนำตัวเอง พูดว่าวันนี้เราไม่ทำอะไรมาบ้าง มีเหตุการณ์พิเศษอะไรแปลกใหม่กว่าวันอื่นๆ เวลาคิดไม่ออกว่าประโยคนี้จะพูดเป็นอังกฤษยังไงก็เซิทกูเกิ้ลครับ
นอกจากนี้ดูหนัง เวลาดูซาวด์แทรก ลองหยุดหนัง แล้วลองพูดเลียนแบบทั้งประโยคทั้งสำเนียงดู
สุดท้ายฝึกพูดจากครูในยูทูปครับ ทั้งไทยและอังกฤษ ที่ผมชอบดูประจำก็ English fit and firm ของไทย และ JameESL english lesson ของอเมริกาแกมี playlish speaking อยู่ลองฝึกตามแกดู(คนนี้ฮาดีและผมชอบสำเนียงแกด้วย)

สุดท้ายไม่มีทางลัดครับ ฝึกฝนอย่างเดียว ผมไม่ได้เก่งอะไรมาก แต่ผมสามารถติดต่อสื่อสารได้แบบถามมาตอบไป ไม่ต้องฟังแล้วมาแปลในหัวว่าเค้าพูดอะไร ไม่ต้องมานั่งนึกว่าจะพูดยังไงดีคือสามารถ generate phases ออกไม่ได้แบบไม่มี Hesitation

สุดท้ายลองหาเวลาไปเที่ยวประเทศที่พูดภาษาอังกฤษได้ครับ จะพบว่าถ้าคล่องในทักษะนี้ ชีวิตการท่องเที่ยวจะสนุกขึ้นเยอะครับ(คนกับพนักงานบ้าง คุยกับคนในร้านอาหารหรือระหว่างรอรถไฟบ้าง คุยกับเพื่อนร่วมทางบ้าง ฟินครับ)

ผมพูดได้ แปลได้ แต่ฟังกาก 55555555

เมื่อวานสตรีมเกมก็มีฝรั่งมาพิมพ์คุยผมพูดตอบได้รู้เรื่อง

เช่น มะม่วง