[RE: เปิดนาที ตร.ศาลส่งปืนให้ “เสมียนทนาย” ก่อนลั่นไกใส่พล.ต.ต.หลังกราดยิงสนั่น]
a.Raptor พิมพ์ว่า:
อันดับแรกอยากรุเว่า กรณีแบบนี้เท่ากับว่าเราช่วยคนอื่นไม่ได้เลยหรอ ถ้าตำรวจไม่กล้ายิง เราห้ามยิงเพื่อช่วยคนอื่น
สมมติในห้องมีอีก20คน ตายไปแล้วสาม เราเข้าไปยิงช่วยทัน กลายเป็นเราผิดหนักเพราะเราไม่เสี่ยงภัย
สอง เราไม่รุ้ว่ายิงกี่นัดถึงตาย ของจริงมันไม่มีหลอดพลังให้เหมือนในเกมไง ยิงตายแล้วชื่อขึ้น เราก้ต้องยิงให้ร่วงก่อนปะ สมมติกดไปนัดแรกยิงไป มันไม่มีเลือดสาดจูมๆเหมือนในเกมหนิที่บอกว่ายิงโดน มันก้ตเองรัวไปก่อนไรงี้ปะ อันนี้ผมคิดถาพถ้าเปนผมยิงนะ ควต้องซัดแบบนั้นแหละ
โดยหลักกว้างๆ ควรจะเป็นประมาณนี้ตาม "ทาสรักสาวตัวเล็ก" ว่าไว้ แต่เอาจริงๆ มันมีขั้นตอนสืบสวนอีกเยอะ สืบพยานนู่นนี่นั่น...คนภายนอกคงรู้ได้แค่ที่เขาต้องการให้รู้แหละครับรูปคดีเขา...คงได้แต่วิจารณ์พองามเท่านั้นสำหรับคนนอก ศาลเขาสนใจแค่ข้อเท็จจริงจากการสอบสวน ไม่พอใจก็ยื่นคำร้องต่อไป....
แต่อย่างนึงที่ผมตอบให้ได้เลย คือโดยเฉพาะข้อสองที่คุณยกมานี่ผิดเต็มๆ เลยนะ ป้องกันตัวแล้วบังเอิญยิงเขาตาย กับตั้งใจยิงให้ตายนี่คนละเรื่องนะคดีพลิกเลยนะครับ ถ้ามีกล้องมีหลักฐาน
ทาสรักสาวตัวเล็ก พิมพ์ว่า:
ยังไงก็เป็นหน้าที่ตำรวจอ่ะครับ ต้องตั้งข้อหาและให้มารับทราบข้อกล่าวหาไปก่อน หลังจากนี้จะเข้ากรณีที่ไม่ต้องรับโทษ งดโทษ ในฐานป้องกัน จำเป็น ก็เป็นเรื่องในชั้นศาลครับ
หมายเหตุ มาตรา 68 ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุการกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายผู้นั้นไม่มีความผิด
อันนี้ลองอ่านเล่นๆ ครับ ทุกอย่างอยู่ที่พยานและหลักฐาน ความเชี่ยวชาญทักษะในการใช้อาวุธก็จะถูกนำมาพิจารณานะเห็นมีคนบอกยิงแม่นแล้วมีผลยังไง...
Spoil
เกินกว่าเหตุ
#คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 620/2532
การที่ผู้ตายถือมีดใช้ทำครัวบุกรุกเข้าไปในห้องจำเลยลักษณะที่จะใช้มีดนั้นทำร้ายร่างกายจำเลย นับได้ว่า การกระทำของผู้ตายเป็นภยันตรายต่อจำเลย ซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยจึงมีสิทธิที่จะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดพอสมควรแก่เหตุ เพื่อป้องกันตนเองได้ แต่การที่จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งมีอานุภาพในการทำลายร้ายแรงยิงผู้ตายถึง 5 นัดแม้จะปรากฏว่าผู้ตายมีรูปร่างสูงใหญ่กว่าจำเลยก็ตาม ก็นับว่าเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69
#คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7940/2551
บ้านและบริเวณบ้านของจำเลยถือว่าเป็นเคหสถานที่ประชาชนทั่วไปย่อมเห็นว่าเป็นที่ปลอดภัยไม่ควรถูกบุคคลอื่นรุกล้ำเข้ามากระทำการอันไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่จำเป็นต้องหลบหนีและมีสิทธิที่จะป้องกันสิทธิของตนเพราะจำเลยเป็นผู้สุจริตหาต้องถูกบังคับให้ไปเสียจากเคหสถานของจำเลย ซึ่งมีสิทธิที่จะอยู่อาศัยและเคลื่อนไหวโดยอิสระ หากจำเลยจำต้องหนีแล้วเสรีภาพของจำเลยก็จะถูกกระทบกระเทือน
ผู้ตายขับรถเข้ามาในบริเวณบ้านของจำเลยเพื่อจะบังคับ ผ. ซึ่งเป็นบุตรสาวของจำเลยและเคยเป็นภริยาของผู้ตายให้ไปอยู่กินด้วยกันเช่นเดิมแล้วเกิดโต้เถียงกัน จำเลยพูดจาห้ามปราม ผู้ตายไม่ฟังและได้ลงจากรถพร้อมกับถืออาวุธมีดยาว 12 นิ้ว เดินไปหาจำเลย จำเลยจึงวิ่งขึ้นไปบนบ้านหยิบเอาอาวุธปืนยาวกึ่งอัตโนมัติขนาด .22 ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่จำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้ ทั้งเป็นอาวุธปืนที่ปกติใช้ยิงนกหรือสัตว์ขนาดเล็กและมีแรงปะทะน้อยลงจากบ้าน เพื่อปรามมิให้ผู้ตายทำร้ายจำเลยหรือทำลายทรัพย์สินของจำเลยหรือบังคับให้ ผ. ไปอยู่กับผู้ตาย โดยไม่มีกริยาอาการที่จะยิงทำร้ายผู้ตายซึ่งถูก ผ. โอบกอดไว้ ดังนี้จะถือว่าจำเลยมีเจตนาสมัครใจเข้าทะเลาะวิวาทกับผู้ตายหาได้ไม่ หลังจากนั้นสักครู่ผู้ตายสะบัดตัวหลุดและเดินเข้าหาจำเลยเพื่อทำร้ายจนห่างประมาณ 1 วา โดยมีอาวุธมีดยาวเช่นนี้นับว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงแล้ว จำเลยย่อมมีสิทธิจะป้องกันเนื่องจากหากปล่อยให้ผู้ตายเข้ามาใกล้กว่านั้น โอกาสที่จะใช้อาวุธปืนยาวยิงเพื่อป้องกันตัวย่อมจะขัดข้อง การที่จำเลยใช้อาวุธดังกล่าวยิงไปที่ผู้ตายไป 1 นัด แต่ผู้ตายยังเดินเข้ามาหาจำเลยอีก จำเลยจึงยิงผู้ตายอีก 2 นัด ติดต่อกันผู้ตายจึงล้มลง นับว่าเป็นการพอสมควรแก่เหตุในภาวะและวิสัยเช่นนั้น แต่หลังจากผู้ตายล้มลงนอนหงายจำเลยยังเดินเข้าไปยิงผู้ตายอีก 2 นัด จึงเป็นการกระทำเกินสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
ฎีกาที่ ๖๒๐ / ๒๕๓๒ คนตายถือมีดทำครัวบุกรุกเข้าไปในห้องจำเลยจะทำร้ายแต่การที่จำเลยใช้ปืนยิงคนตายถึง ๕ นัด เป็นการเกินกว่าเหตุครับ
สมควรแก่เหตุ
ฎีกาที่ ๒๒๘๕ / ๒๕๒๘ จำเลยกับคนตายคุยตกลงกันเรื่องแบ่งวัว จำเลยชวนให้ไปคุยตกลงกันที่บ้านกำนัน คนตายไม่ยอมไป กลับชักปืนออกมาจากเอวจำเลยย่อมเข้าใจว่าจะยิงตน จึงยิงสวน ๑ นัด ถือเป็นการป้องกัน
ฎีกาที่ ๑๗๓๒ /๒๕๐๙ คนตายชักมีดพกจากเอวมาถือไว้ แล้วเดินเข้ามาหาจำเลยระยะกระชั้นชิด จำเลยยิงสวน ๑ ที คนตายยังเดินต่อเข้ามาอีก จึงยิงสวน อีก ๑ ทีล้มลงตาย เป็นการป้องกันตัวที่สมควรแก่เหตุ
ฎีกาที่ ๑๒๕๖ /๒๕๓๐ คนตายบุกรุกเข้าไปฉุดลูกสาวในบ้านจำเลยเมื่อมารดาเด็กเข้าห้ามถูกคนร้ายตบหน้า แล้วจะฉุดพาลูกสาวออกบ้านจำเลยยิงไปทันที ๔ นัด เป็นป้องกันที่พอสมควรแก่เหตุ
ฎีกาที่ ๑๘๒ / ๒๕๓๒ ก.ถือไม้ไปที่บ้านจำเลย ร้องท้าทายให้จำเลยมาสู้กัน ก.เดินเข้าหาจำเลย จำเลยตกใจกลัวว่า ก. จะเข้ามาเอาไม้ตีทำร้าย จึงวิ่งไปเอาปืนแล้วเล็งยิงไปที่ขา ก. รวม ๓ นัด เมื่อรู้ว่ากระสุนถูกที่ขา ก. จำนวน ๑ นัดจำเลยก็ไม่ยิงซ้ำ เป็นป้องกันที่พอสมควร
แถมๆ ตำรวจยังโดนฟ้องเกินกว่าเหตุเลย
https://www.thairath.co.th/news/local/504493