[RE: ศาสนาพุทธมีที่ให้ปรึกษาหรือระบายแบบคริสมั๊ยครับ]
ฮัมมาบี้ พิมพ์ว่า:
Spoil
armeros พิมพ์ว่า:
ฮัมมาบี้ พิมพ์ว่า:
หาพระก็ต้องมองที่พระดีครับ พระเก่งๆแก้ปัญหาให้ท่านได้มีอยู่ แต่พระกะโหลกกะลาก็มีแยะ เหมือนคนทั่วไปมีทั้งดีทั้งชั่ว เก่งและไม่เก่งในเรื่องที่แตกต่างกัน
หาจิตแพทย์ชัวร์สุดเพราะเค้าเรียนด้านนี้มาโดยตรง ช่วยบรรเทาปัญหาให้ท่านแบบหวังผลได้มากกว่าไปพบพระ เพราะถ้าเจอพระเก่งท่านจะช่วยเหลือเราได้แน่นอน แต่ถ้าเจอพระดาดๆบางทีท่านอาจจะอาการหนักกว่าเก่าก็ได้
สมาธิเป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยาใจ สมาธิคือการทำกายใจให้สงบระงับจากความฟุ้งซ่าน วิปัสสนาคือการเสริมปัญญาที่ช่วยให้มองปัญหาที่เป็นทุกข์ได้แตกฉาน จิตใจเราต้องมีสมาธิก่อนถึงจะเริ่มพิจารณาเรื่องราวต่างๆให้กลายเป็นปัญญาได้ แต่ปัญญาในทางพระพุทธศาสนไม่ใช่หมายเอาถึงความรู้ ไม่ใช่การอ่านการฟังเพื่อให้ได้รู้ถึงเรื่องราวแบบโลกๆ
ปัญญาที่ช่วยตัดทุกข์ได้ พระพุทธองค์ทรงวางไว้ในแง่เดียวคือปัญญารู้เห็นทุกสิ่งตามความเป็นจริง มองทุกอย่างตามหลักไตรลักษณ์ คือไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีสาระตัวตนแก่นสารอย่างแท้จริง เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หาอะไรมาพึ่งพิงยึดเหนี่ยวไม่ได้เพราะต้องสูญสลายไปทั้งหมด ไม่ว่างาน เงิน คนที่เราชัง คนที่เรารัก รวมทั้งตัวเราเอง หรือโลกใบนี้ วันนึงมันก็ต้องดับสูญ แต่สิ่งที่หายไปมันแค่ทางกายภาพ ส่วนสิ่งที่เหลืออยู่และจะยังคงนำเราให้ไปพบสุขและทุกข์ต่อไปนั่นคือดวงจิต
พระพุทธองค์คงเป็นคนทุศีลอย่างแน่แท้ หากคำสอนเรื่องนรก สวรรค์ เปรตผีอสูรกาย นาคครุฑ เทวดา พระอินท์ พระพรหม พระนิพพาน เป็นแค่เรื่องแต่งที่ไม่มีอยู่จริง.. แต่พระองค์กลับทรงเน้นย้ำอยู่เสมอให้เราละกรรมชั่ว ประกอบกรรมดี ทำจิตใจให้ผ่องใสเบิกบานอยู่เสมอ เพื่อให้มีภพภูมิที่ดีต่อไป หากท่านไม่มั่นใจในสิ่งใดๆในโลกนี้ ก็ขอให้ตระหนักถึงเรื่องกรรมเอาไว้ครับ ชาตินี้ทุกข์หนัก แต่ยังคิดดีทำดี พยายามทำตนให้พ้นจากบาปกรรมที่ทำใจหมองอยู่เสมอๆ ชาติหน้าเกิดใหม่ที่ๆท่านไปจะต้องสดชื่นแจ่มใสกว่าที่เป็นอยู่แน่นอน
Spoil
พระพุทธองค์ท่านทรงทิ้งความสุขสบาย ความสมบูรณ์พร้อมในทุกๆด้าน สิ่งต่างไม่ได้ล้าหลังเพราะสิ่งที่ท่านได้รับ ล้วนแล้วแต่ทันสมัยที่สุดในโลกเวลานั้น.. แต่ท่านกลับหนีความสบายนั้นเพื่อไปใช้ชีวิตในป่าในเขา สู้กับความยากลำบากนานัปประการเพราะตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเอาพระนิพพานให้ได้ในชาตินี้ เพื่อที่ว่าชาติถัดไปท่านจะได้ไม่ต้องมาเวียนเกิดเวียนตายอย่างไม่จบไม่สิ้นแบบนี้อีก ดังนั้น ชีวิตที่เหลือทั้งหมดในชาตินี้ ท่านจึงขอมอบให้กับความตั้งใจนั้น ละความรู้สึกทางโลกออกไปทั้งหมด เพื่อทำประโยชน์ครั้งใหญ่ให้กับตัวท่านเองและมหาชนผู้มีปัญญาเห็นตามได้..
ที่พิมพ์มาทั้งหมดแค่อยากให้ท่านได้กำลังใจนะครับ ถึงตอนนี้จะแย่แต่ถ้าเรามีเป้าหมายที่ดีก็จงสู้ต่อไป ความตายไม่ใช่จุดจบของทุกข์ในปัจจุบัน เพราะมันคือประตูแห่งการชดใช้หนี้ที่ท่านเคยก่อเอาไว้ในอดีต ถ้าทำดีมามากก็จะต้องได้รับกำไรมาเชยชม แต่หากท่านชั่วมามากกว่าผลลัพธ์ที่ได้ย่อมขื่นขมไปตราบนานเท่านาน ดังนั้นห้ามตายเด็ดขาดครับ.. การฆ่าคนตายเป็นบาปอันใหญ่หลวงนักหนีนรกไม่พ้นเลย อีกทั้งหากใจไม่ผ่องใสตายไปเป็นเปรตปีสัมภเวสีออกโหยหวนขอส่วนบุญนับร้อยนับพันปีแน่ๆ ถ้าตายแบบคับแค้นใจก็ต้องลงนรกตกอบายนับหมื่นนับแสนหรือนับล้านปีจนโลกแตกดับ.. จนโลกก่อตัวใหม่ จนโลกแตกไปอีกรอบ ก็อาจจะยังไม่มีทางกลับมาเกิดเป็นคนได้อีกถ้ากรรมเก่ามันหนักเกินไป ทุกคนอาจจะบอกว่าก็ไม่ได้อยากเกิดอีกนี่นา แค่อยากตายๆให้เรื่องมันจบๆไป.. แต่มันไม่จบครับ กฎธรรมชาติเขาเป็นแบบนี้มาแต่แรกแล้ว ถึงไม่มีพระพุทธองค์สิ่งนี้ก็ยังคงดำเนินต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง
แก้คำผิดบ่อยหน่อยนะครับ มือถือจอเล็ก แต่อยากให้ท่านมีกำลังใจนะ สู้ๆครับ
พูดง่าย แต่แค่สมาธิเอาจิตลงให้สงบได้ก็ยากฉิบหายยยยยยยยยยแล้วครับ แต่ที่ท่านพูดมาถูกหมดเลยนะ ทุกวันนี้ผมเห็นไอ้พวกบอกไม่ต้องทำสมาธิว่างๆ ดูเฉยๆ เหมือนขี้ลอยน้ำ แล้ว มามโนตัวเองว่าทำวิปัสสนาอยู่
สมาธิเหมือนจะยากแต่ก็ไม่ยาก เหมือนจะง่ายแต่ก็ไม่ง่ายเลย ถือเป็นสิ่งกลางๆที่ทุกคนสามารถฝึกฝนได้ครับ เคล็ดลับคือทำทุกวัน รู้ลมเข้าออก มีสติอยู่เนืองๆ และตั้งเวลาฝึกฝนแบบเน้นๆเป็นประจำทุกวัน เช่น4ทุ่มทุกวันจะนั่งสมาธิ1ชม.ก่อนอนทำแบบนี้ต่อเนื่อง พอสมาธิทรงตัวเมื่อถึง4ทุ่มมันจะเข้าสมาธิให้เราเองเลย ได้สมาธิระดับไหน ฌานอะไร ถึงเวลามันวูบวาบขึ้นมาให้เราเห็นชัดๆเลย ดูเหมือนมันจะได้จะเป็นแบบง่ายๆเลยนะครับ แต่ถ้าเราทิ้งขว้างได้แล้วไม่รักษา.. เวลาจะตามของเก่าคืนนี่ บางทีใช้เวลาเป็นปีๆเลยกว่าจะกลับเข้าร่องเข้ารอย เลยไม่รู้จะบอกว่ามันง่ายหรือยากดี เพราะก่อนจะได้ก็ฝึกแบบไม่กดดันแต่ทำทุกวัน พอสำเร็จแล้วไม่รักษาก็ค่อยๆเสื่อมไปทีละนิดๆ ใช้เวลาเป็นปีๆแบบไม่ได้สนใจทำสมาธิเลยมันก็พยายามแสดงตัวเป็นนิมิตจนเหลือแค่โอภาสต่างๆ เลยสุดท้ายก็มืดเหมือนคนปกติที่ไม่เคยฝึก อันนี้คือแอบบ่นเรื่องสมาธิให้ฟังนะครับ 555
ส่วนพวกตามรู้ตามดูก็ลัดขั้นตอนไป จริงๆพระท่านสอนดีนะ แต่คนเอาไปทำรับไปไม่หมด เอาแค่ที่ตัวเองชอบใจ มันเลยลัดขั้นตอนไป จะเอาแต่ปัญญาๆ.. จนลืมไปว่ากำลังสมาธิของตนไม่พอจะประคองสติไว้ได้นานๆสุดท้ายแทนที่จะได้ปัญญา เลยกลายเป็นได้ความคิดฟุ้งซ่านแทนซะงั้น
ต้องมีวินัยจริงๆอะท่าน. เท่าที่ผมเคยถามดู เฉลี่ยๆคนที่ทำได้ สมาธิครั้งแรก นี่ 8 เดือน+
คนที่รู้จัก นอกจากเวลาคิดงานแล้วไม่คัยกะใคร มีสติจับกับคำบริกรรม เหมือนกับที่บอกว่ามีสติเนืองๆ (หรืออย่างกรณีคุณใช้ลมหายใจตลอด) เขาบอกทำแบบนี้ พอตอนนั่งสมาธิแบบเน้นๆ นี่ได้สมาธิเกือบทุกรอบ
แต่เขาไม่ฟังเพลง (เพลงนี่มันโคตรกวนเลยครับ) ไม่ติดสื่ออื่นๆ ละกามคุณ ๕ ถึงทำสมาธิได้อะ
เสื่อมปีนึงนี่ถือว่าน้อยนะครับผมเคยอ่านประวัติครูบาอาจารย์หลวงตามหาบัวเสื่อมไป 3 ปี( ถ้าจำไม่ผิดคือท่านไปเดินปัญญามากเกินไปแล้วไม่ทำสมาธิ )เคยเห็นครูบาอาจารย์เล่าให้ฟังว่าจิตมันมีธรรมชาติต้องเสื่อม ขนาดต่อให้ฝึกสมาธิอยู่ต่อเนื่องมันก็เสื่อมให้เห็นต่อหน้าต่อตาก็ยังมี บางครั้งก็ต้องเปลี่ยนวิธีทำสมาธิ ไปใช้กรรมฐานแบบอื่น
อ้อ รบกวนสอบถามนิดนึงครับ. การที่เราเปิดเสียง white noise กรอกหู เพื่อกันเสียงรบกวนจากสิ่งแวดล้อม ช่วยได้เยอะไหมครับ (white noise เช่นเสียงพัดลมตัวใหญ่ๆดังๆหรือเสียงฝนตกหนักๆ พอเปิดแล้วอื้ออึงๆแบบนั้นอะครับ)