ถ้ามีเงินไม่ลำบาก กรณีที่ให้ไปต้องทำใจยอมรับว่าจะไม่ได้คืน (****สำคัญ ให้ไปแล้วอย่าคิดเยอะ ไม่งั้นจะปวดหัว ปวดใจ ผมเคยเป็น)

ถ้าลำบาก ก็บอกไปตรงๆว่าไม่มี แค่เลี้ยงตัวเองยังไม่ไหว

*** อย่าคิดว่าต้องให้เพราะหน้าที่ เพราะเป็นพี่ เพรราะแม่ขอ เพราะสุดท้ายคนปวดใจก็คือคนให้ยืมเพราะผิดหวังกับคำว่าจะให้คืนแต่ไม่ได้คืน

น้องเก็บเงินเองได้บางส่วนครับ ส่วนที่เหลือกลายแม่เป็นคนช่วยหา ช่วยรับผิดชอบครับ ผมหนักใจตรงแม่เป็นแบกรับแทนนี่แหละ

เป็นผมไม่ให้นะ แต่จะบอกว่าขอช่วยงานสัก 5 หมื่น ถือว่าค่าใส่ซองละกัน เพราะเงินที่ขอมันไม่ใช่เรื่องฉุกเฉินล้มป่วยที่ต้องจ่ายกระทันหัน (เงินนี้จะให้วันงานเท่านั้น) เพราะดูท่าตอนนี้แม่ท่านกำลังตามใจน้องจนลำบากแล้วล่ะ

จริงๆ 150k ให้น้องคุณเก็บเองอีกสักปีก็ได้นะ ไม่ต้องช่วยด้วยซ้ำ พร้อมแล้วค่อยแต่งดีกว่า

ไปคุยกับน้องก่อนเลยครับ โตเป็นวัวเป็นควายแล้ว ยังดูแลตัวเองไม่ได้ ยังต้องเดือดร้อนคนอื่น แล้วยังจะเจือกอยากมีเมียอีก กับเงินแค่แสนห้ามันยังหาไม่ได้ ต่อไปจะทำอะไรแดรกครับ มันจะแต่งงานเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว มันต้องคิดพึ่งตัวเองได้แล้วครับ เลิกไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้แล้ว ไอค่าสินสอดแสนห้าเนี่ย มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องขอยืมคุณเลย (กรณีไม่ได้คืนนะ ถ้าขอยืมไปวางเฉยๆเป็นหน้าเป็นตาอันนี้เป็นผม ผมให้ จะนั่งเฝ้าตังค์ตรงนั้น เสร็จพิธีผมจะโกยกลับเองเดี๋ยวนั้นเลย )

แล้วบอกแม่ท่านเลิกสปอยน้องได้แล้ว ปล่อยให้มันแก้ปัญหาเอง อยากมีเมีย แต่ตัวเองไม่พร้อมเนี่ยนะ แล้วต่อไปล่ะ มีลูกใครเลี้ยง ใครจ่าย ค่าเทอมเด็ก พ่อไม่มีตังค์ทำไง มาขอแม่ท่าน มาขอท่านอีกหรอ

ท่านเองก็ต้องใช้ชีวิตเหมือนกัน เก็บตังค์มาแทบตาย ต้องมายกให้น้องในกรณีแบบนี้เนี่ยนะ
มันไม่ใช่หาหมอไม่มีค่ายาซะเมื่อไหร่ มันไม่ใช่เหตุจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องใช้

โตแล้ว ต่างคนต่างทำงาน ต่างบริหารชีวิตตัวเอง ขยันเก็บตังค์กันเอง แล้วก็ใช้ชีวิตของเรา แค่ตัวเราเองไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน มันไม่ยากหรอก

บอกน้องท่าน ถ้าเมิงไม่พร้อมแต่งก็เลื่อนออกไปก่อน ทำงานเก็บเงินอดออม เดี๋ยวก็ได้แต่ง ไม่ใช่มาทำให้คนรอบข้างวุ่นวายแบบนี้ ให้มันคิดหน่อย

ผมเพิ่งแต่งไปแล้วก็รู้ว่าที่บ้านไม่มีตัง ผมก็ไม่ขอพ่อแม่สักบาท

ก็แต่งเท่าที่ตัวเราไหว แต่น้องท่านนี่ตัวภาระชัดๆ เป็นผมไม่มีทางให้แน่นอน

ซ้ำ

โห นี่บอกแล้วเตือนแล้วนะเนี่ย สร้างปัญหาเอง ก้อควรแก้เองนะผมว่า

หรือถ้าจะให้ soft หน่อย ก้อตามที่เพื่อนๆท่านอื่นแนะนำก้อได้นะครับ

1แสน5หมื่น ก้อบอกว่าไม่มี แต่จะใส่เป็นซองวันแต่งแทน เท่าไรก้อว่าไป แต่เอาที่ท่านไม่เดือดร้อนนะ

ปล. ทางที่ดี คุณไม่ควรให้ที่บ้านทราบเลยด้วยซ้ำว่าท่านมีเงินเก็บอยู่เท่าไร

ดูจากเหตุการณ์ละ อนาคต มีแบบนี้มาอีกแน่ๆ

ถ้าแม่ท่านรู้ว่ามี แล้วไม่ให้ เดี๋ยวก้อจะขัดใจกันอีก

่ท่านก้อดูเป็น เคส เคส ไป
ถ้าเรื่องไม่คอขาดบาดตาย ก้อไม่มี
ถ้าเรื่องสำคัญจริงๆ ก้อบอกไปว่า ไปกู้คนอื่นมาให้

อาจจะเป็นคำแนะนำที่ดูตีกันที่บ้านหน่อยนะครับ 5555 แต่ถ้าไม่ทำ มันเหมือนคุณทำงาน แล้วส่งเงินที่ได้ไปให้คนอื่นใช้ ในเรื่องที่ไม่จำเป็นเลยอะครับ ซึ่งผมว่าไม่ควร

ขอสอบถามหน่อย ทั้งหมดกี่แสนครับ

แค่งานบวชทำไมใช้เยอะจังครับ ตอนผมบวชผมทำพิธีในโบสถ์ตอนเช้า พอเสร็จพิธีก็เลี้ยงอาหารเที่ยงจบแค่นั้น ทั้งค่าสิ่งของทุกอย่าง รวมไปถึงอาหารกับข้าวเลี้ยงแขกก็จ้างทำเลี้ยงอย่างดี ผมยังใช้เงินประมาณ 30k เองครับ ซึ่งพอหักลบต้นทุนจากซองเงินร่วมทำบุญแล้ว ถือว่าไม่ขาดทุนครับ (ผมไม่นิยมบริจาคเงินเยอะๆเข้าวัดครับ ถ้าอยากรู้ว่าทำไม ลองเข้าไปบวชก็จะรู้เอง ผมไม่เชื่อเรื่องบริจาคเยอะ แล้วจะได้บุญเยอะ)

แล้วซองทำบุญที่ได้จากแขกร่วมงาน ได้เอามาหักกับเงินที่ลงทุนไปมั้ยครับ บวกลบเท่าไร หรือให้วัดหมด

ทั้งบวชและแต่งงาน สามารถทำได้ด้วยเงินน้อยกว่านี้ จัดเท่าที่มีครับ

มีงานเลี้ยงโต๊ะจีนครับ แต่อาหารเครื่องดื่มจัดการทำเองนะ แขกเยอะอยู่ มีวงดนตรีตอนเย็น จ้างตอนแหน่นาคด้วย อารมณ์เหมือนเลี้ยงงานแต่งแหละ เลยหมดเยอะ ค่าใส่ซองได้เท่าค่าใช้จ่าย กลบกันพอดีครับ

ตลกร้ายอยู่นะ จะแต่งงานยังมาขอเงินคนอื่น

แสดงถึงความรับผิดชอบอะไรได้มั้งในชีวิต

แล้วก็จะขอแต่คนอื่นอยู่ร่ำไป

ไม่มีเงินก็ไม่ต้องแต่ง นี่ถ้าเป็นบ้านฝ่ายหญิง ถ้ารู้ว่า ผช ลำบากในการหาเงินมาแต่งงานขนาดนี้
คงไม่อยากให้ลูกไปลำบากอะ เพราะดูเหมือน ผช จะรับผิดชอบชีวิตตัวเองไม่ได้

หรือไม่ก็น่าจะช่วยกันพยายามหาเงิน หรือดิ้นรนด้วยตัวเองก่อนนะ ก่อนที่จะมาพึ่งคนอื่น หรือฝ่ายเจ้าสาวไม่ช่วยเลย

ปล.เก็บเงินไว้รักษาพ่อแม่ ยามเจ็บไข้ดีกว่าค่ะ

เรียกแม่และน้องมาคุยต่อหน้า แล้วด่าน้องมันต่อหน้าเลยครับจะแต่งงานมีเมียเงินแค่นี้ยังต้องหยิบยืมถ้าไม่พร้อมก้ยังไม่ต้องรีบแต่ง แต่งมาต่อไปข้างหน้าก็ต้องมาหยิบยืมเงินคุณอีกแน่นอน ยิ่งถ้ามีลูกบอกได้เลยคุณคงต้องเสียเงินอีกเยอะ

ส่วนแม่ก็คุยให้เข้าใจไม่ต้องทำตัวหน้าใหญ่ไปกู้หนี้ยืมสินมาจัดงานจะทำอะไรให้สมฐานะตัวเองก่อนไม่ต้องอวดชาวบ้านชาวช่องเค้า หรือถ้ากลัวบาปก็แต่งเรื่องไปซะบอกว่าคราวที่แล้วที่ให้ยืมเงินจัดงานบวชตัวเองก็ต้องไปกู้เค้ามาตอนนี้ชีวิตลำบากมาก ถ้าแม่และน้องยังไม่เห็นใจคุณ คุณก็ควรคิดได้แล้วว่าจะทำยังไงต่อไปดี

หลายๆคนคิดว่าการให้เงินเป็นการช่วยเหลือน้อง
ผมกลับคิดว่าเป็นการทำร้ายน้องทางอ้อมซะมากกว่า

ปัญหาของน้องก็คือการจัดการเงิน ถ้าครั้งนี้ช่วยแสนห้า ผมว่ามีครั้งต่อไปอีกแน่นอนครับ
เคยได้ยินมั้ยครับ คนเราจะไม่เปลี่ยนนิสัยที่แย่ จนกว่าจะถึงความฉิบหายนั้นมาเยือน

จขกท คิดให้ดีดีว่า ลึกๆแล้วอยากจะให้เงินไปหรือเปล่า ผมว่าคำตอบมีอยู่แล้วในใจ

แต่ถ้าเป็นผม ผมจะบอกไปว่าไม่มี เอาเงินไปลงทุนหมดแล้ว หรือเหลือนิดหน่อย

ถ้าจะมีน้องที่คอยแต่ทำให้เราทุกข์ใจ เดือดเนื้อร้อนใจ ผมขอไม่มีจะดีกว่า

งานบวชก็รบกวนคนอื่น งานแต่งก็ยังจะรบกวนคนอื่นอีก (คนอื่นในที่นี้ผมหมายรวมถึงทุกคนที่ไม่ใช่ตัวเอง)

ผมเองก็รักน้องผม แต่...สิ่งที่เราต้องเสียมันก็ต้องแลกมาด้วยความสมเหตุสมผล เช่น ป่วย เรียนต่อ

อย่าลืมนะครับ ชีวิตเราเองก็ต้องใช้เงินเหมือนกัน 150K สักวัน ไอ่150Kที่ว่าเนี้ย จขกท อาจจะมีโอกาสได้ใช้ขอสาวแต่งงานในอนาคตเช่นกัน

จริงๆอ่านมาหลายหน้าก็มีความคิดไม่ตรงกันบ้าง ซึ่งคิดแบบไหนจริงๆมันก็ไม่ผิด แต่ผมเองโตในครอบครัวที่แบบเรื่องพวกเนี้ย มันโตแล้ว จะแต่งงานมีครอบครัวเองแล้ว ในอนาคตจะมีลูกอีก แค่เงินจะหามาแต่งหญิงยังทำไม่ได้ แย่แล้วครับ ยกตัวอย่างแม่ผมให้ทุกอย่างกับผมมาเยอะแยะมากมาย แกไม่เคยติดไม่เคยขัดเลย(เอาตั้งแต่เรื่องกินพื้นฐานยาวไปจนถึงปัจจัยที่สมัยผมยังเด็ก ผมไม่จำเป็นต้องมีด้วยซ้ำ) แต่เรื่องสินสอดแกบอกว่าหาเอง ฝึกรับผิดชอบตัวเองถ้าริจะมีครอบครัว ผมเดาว่าแกคงไม่อยากให้ผมแบบอ่อนหัด หาเองไม่เป็น เพราะมีคนป้อนให้ตลอด

เพราะฉะนั้นผมเสนอเลยครับ อย่าให้ยืม เสียนิสัยหมด คิดว่าจะทำอะไรก็มีคนแบ็คอัพตลอด
แล้วพอมันเป็นแบบนี้เรื่อยคนที่ทุกข์ใจสุดก็คือคุณแม่ จขกท ครับ มันจะย้อนกลับมาอีก เขาจะรบกวนคนอื่นไม่จบไม่สิ้น

ปล.เห็นด้วยกับหลายๆความเห็นจริงๆ ไม่พร้อมเงินไม่พอแต่ง อย่าได้ริแต่งงานมีครอบครัวเลย ลำบากแล้วเดี๋ยวปัญหาก็จะตามมาอีก

น้องจริงๆ แล้วไงครับ ถ้าไม่มีปัญญาหาเงินแต่งเมียเองได้

ก็เกาไข่ไปสิ ลำบากคนนู้นคนนี้ ชีวิตนี้ก่ะจะพึ่งแต่คนอื่นตลอดชีวิตเลยเหรอ