ยาวหน่อยขออภัยล่วงหน้านะครับ
ตลาดซื้อขาย
ปิดตลาดไปเรียบร้อย สำหรับยูไนเต็ดในปีนี้ได้เพิ่มมา 3 ราย ซึ่งเสริม 3 จุดถึงถือว่าเป็นจุดอ่อนของทีมตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว นั่นคือ เซ็นเตอร์ แบ็คขวา ปีก(ขวา?)
โดยภาพรวมก็ถือว่าทำได้ดีตามเป้าส่วนใหญ่ที่ทีมขาด อาจจะมีขัดใจแฟนส่วนใหญ่ไปบ้างตรงตำแหน่งกองกลางที่ไม่ได้ใครมาเติมเลย
ขุมกำลัง
ชุดใหญ่ + เยาวชนที่ขึ้นมามีส่วนร่วมในทีมมีตามนี้
GK เดเกอา โรเมโร่ แกรนด์ เปเรย์ร่า เฮนเดอร์สัน (ปล่อยยืม)
RB วานบิซซาก้า ดาโลท์ ดาเมี่ยน(รอย้ายไปตลาดอิตาลี)
CB ลินเดอเลิฟ แมคไกว ทวนเซเบ้ ไบยี่ (เจ็บยาว) สมอลิ่ง โจนส์ โรโฮ (ดีลล่มรอย้ายตลาดสเปน)
LB ชอว์ ยัง
MC ปอกบา แมคโทมิเน่ มาติช เฟร็ด การ์ดเนอร์ (เยาวชน)
AMC ลินกาด มาต้า เปเรร่า โกเมส (เยาวชน)
FW / AML / AMR แรชฟอร์ด มาซิอัล กรีนวู้ด อเล็กซิส เจมส์ ซอง (เยาวชน)
รวมแล้ว 29 คน (โกล 4 คน เอ้าท์ฟิลด์ 22 คน เยาวชน 3 คน)
รอย้าย 2คน ปล่อยยืมไป 1 คน
จะว่าเยอะก็ถือว่าเยอะ แต่ที่แฟนส่วนใหญ่กังวลคือในแง่ของคุณภาพเพราะต้องยอมรับว่ามีหลายรายชื่อที่ดูฟอร์มแล้วไม่น่าไว้วางใจ ก็ต้องรอดูว่าในระหว่างฤดูกาลจะเรียกฟอร์มกลับมาได้แค่ไหน
การเตรียมทีมพรีซีซั่น
ในช่วงพรีซีซั่นทัวร์ที่ผ่านมาสิ่งที่โอเล่เน้นฟื้นฟูคือระดับความฟิต (Fitness) และ สภาพจิตใจ (Mentality) และทีมสปิริต ที่เป็นปัญหาทำให้ทีมย่ำแย่ในช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้ว ที่ผู้เล่นทั้งหมดแรง และ ถอดใจทิ้งเกมส์ไปง่าย จนหลุดโควต้า UCL เรื่องความฟิตเราได้เห็นไปแล้วว่าระดับการวิ่งเพลสในช่วงที่ผ่านมาพัฒนาขึ้นมาก ส่วนสภาพจิตใจต้องรอดูว่าเมื่ออยู่ในสถานการณ์กดดันคับขันแล้วจะดีขึ้นมั้ยเป็นเรื่องที่ต้องรอดู
โอเล่ได้แต่งตั้งโค้ชฟิตเนส และ นักวิทยาศาสตร์การกีฬาคนใหม่ และได้จัดโปรแกรมการซ้อมโหด 14 เซสชั่นใน10วัน โดยเปิดให้เฉพาะสื่อที่ได้เข้าชม ในบางเซสชั่น และ ไม่เปิดให้คนทั่วไปเข้าชม ผู้เล่นทุกคนได้เข้าร่วมทุกเซสชั่น ยกเว้นลูกากู ที่อนาคตของบิ้กตู้อยู่ที่อินเตอร์
โดยที่เซสชั่นในวันที่มีเกมส์แข่งขันจะเบาลงเช่นเดียวกับทุกสโมสร การเข้าแคมป์ซ้อมที่เข้มข้นกว่าปีที่แล้ว 50% ส่งผลให้เห็นได้ชัดโดยสะท้อนออกมาจาก สถิติ การเพลสของทีม
สถิติการเพลสพร้อมกันทั้งทีมช่วง 13 นัดสุดท้ายเมื่อซีซั่นที่แล้ว
ทั้งหมด: 68 (5.23 ครั้งต่อนัด)
สำเร็จ: 13 (1 ครั้งต่อนัด) อัตราสำเร็จ 19.12%
การเพลสพร้อมกันทั้งทีมช่วงพรีซีซั่น
ทั้งหมด: 42 (7.00 ครั้งต่อนัด)
สำเร็จ: 28 (4.67 ครั้งต่อนัด) อัตราสำเร็จ: 66.67%
ซึ่งเราต้องมารอดูกันว่าวิธีการนี้จะสามารถยืนระยะความฟิตในฤดูกาลอันยาวนานนี้ได้แค่ไหน
แทคติคใหม่
โอเล่ได้ปรับมาใช้แทคติคใหม่ในระบบ 4-2-3-1 ทั้ง 6 นัด โดยในระบบใหม่โอเล่ ซึ่งถ้าเลือกใช้ระบบนี้ต่อไปในการแข่งจริงเท่ากับค่อนข้างชัดว่า โอเล่เลือก ตัดกองกลางตัวรับ ออกจากแผนหลัก
และ เลือกใช้เป็นกองกลางตัวรุกมาแทน ซึ่งอาจจะด้วยรูปแบบที่โอเล่ชื่นชอบ เอากลางรุกมาช่วยไล่เพลสอีก1ตัว พยายามแย่งบอลมาจากแดนหน้าแล้วจู่โจมเร็ว ด้วยตัวรุกที่มีความคล่องตัวสูงทั้ง 3 คน
แนวรุก ทั้งแผงทุกตัวจะเป็นตัวรุกที่เลี้ยงบอลและไปกับบอลได้ดีเกือบทุกตัว เน้นความคล่องแคล่วว่องไว ที่เล่นจังหวะฉาบฉวยได้ดี สามารถ โดยสามารถสลับตำแหน่งกันระหว่างเกมส์ได้หมดทั้ง ริมเส้นซ้ายขวาและหน้าเป้า
กองกลาง 2ตัวจะเป็น คู่มิดฟิลด์ที่ถอยลงลึกในการบุกทำหน้าที่เชื่อมเกมส์ คุมจังหวะเกมส์ สวิทช์บอล และสลับกันสอดเข้าไปเขตโทษ โดยเล่นเน้นออกบอลง่าย สร้างสมดุลให้ทีม ซึ่งเป็นบทบาทเดียวกับที่ป็อกบาเล่นในทีมชาติ
ส่วนเกมส์รับจะไล่บอลเฉพาะเมื่อเข้ามาในพื้นที่ที่รับผิดชอบ รักษาโซน และ Cover แนวรับให้สมดุล โดยตัวหลักทั้ง 2คน ตัวสูงใหญ่มีความแข่งแกร่งสามารถปะทะแย่งบอล และ จ่ายบอลสวนกลับได้ โดยคิดว่าเมื่อแข่งจริงนัดไหนที่นำแล้วต้องการรักษาสกอร์ก็จะสามารถปรับมาเน้นตั้งรับช่วงท้ายเกมส์โดยเปลี่ยนมิดฟิลด์ตัวรุกออกแล้วใส่มิดฟิลด์ตัวรับลงมาแพคเกมส์
เมื่อเล่นรูปแบบนี้กองหลังทั้งแผงต้องมีบทบาทในการดันไลน์ขึ้นมาเก็บบอลจังหวะสอง (Ball Recovery) และ มีความนิ่ง ครองบอล และ สามารถผ่านบอลได้ดี โดยแผงชุดตัวจริงถือว่ามีคุณสมบัติด้านนี้กันครบหมดทุกคนแล้ว (ห้ามเจ็บ)
ส่วนที่ได้เติมมาอีกอย่างคือ ลูกกลางอากาศทั้งเกมส์รุกและรับ ซึ่งเดิมเป็นจุดอ่อนน่าจะดีขึ้นจากการเข้ามาของแมคไกว
คาดการชุดหลัก และ ชุดสำรอง (ที่ขาดไปจากในรูปคือ สมอลิ่ง ไบยี่ การ์ดเนอร์ ซอง โกเมสนะครับ ซึ่งผมเดาว่าน่าจะมีส่วนร่วม แต่น้อยกว่าชุดสำรองเล็กน้อย)
ทัศนะส่วนตัว
ส่วนตัวผมมีความรู้สึกว่า ซัมเมอร์นี้ ภาพรวมการทำงานดูมีความหวังนิดหน่อยว่าจะดีกว่าปีที่แล้วนะครับ
การเสริมทัพได้ตรงจุดอ่อนทั้ง 3 ตัว
บรรยากาศ ความตั้งใจ ความฟิตดูดีกว่าปีที่แล้วมาก
ในแง่ขาออกก็เริ่มจัดการผู้เล่นที่เป็นส่วนเกินคาดว่าตลาดรอบนี้น่าจะออกไปประมาณ 3 คน
ลูกากูไปแล้ว โรโฮ ล่าสุดดีลเอฟเวอร์ตันล่มมีข่าวว่าเจ้าตัวรอไปสเปนที่ตลาดยังเปิดอยู่ และ ดาเมี่ยนที่รอกลับอิตาลีที่ตลาดยังเปิดอยู่เช่นกัน
และ เป็นโอกาสสุดท้ายของผู้เล่นหลายคนที่ถ้าปีนี้ไม่ดีขึ้นน่าจะโดนปล่อยออกในตลาดหน้า เช่น อเล็กซิส เฟร็ด ยัง(น่าจะรีไทร์) 3 CB สำรองสมอลิ่ง โจนส์ ไบยี่น่าต้องไป 1-2คน
ขุมกำลัง ดาวรุ่งที่เจ๋งจริงมีแนวโน้มจะได้มีส่วนร่วมมากขึ้น อย่าง แมคโทมิเน่ กำลังจะกลายเป็นตัวหลักหลังการจากไปของเอเรร่า มีพัฒนาอย่างก้าวกระโดดมากในรอบ 6 เดือนหลัง มี work rate ทัศนคติ ใจสู้ ความรักทีมที่สูงมาก บวกเป็นบวกไม่แพ้เอเรร่า ความสูง ลูกกลาง และความแกร่งที่มากกว่าด้วย ช่วงพรีซีซั่นที่พัฒนาเห็นได้ชัดคือ การจ่ายบอล คุมจังหวะเกมส์ และ สวิทช์บอลยาว นาทีนี้ในตำแหน่งกลางคู่ผมให้ดีกว่ามาติชพร้อมเป็นแกนหลักตรงกลางร่วมกับปอกบาแล้ว ผมให้ระยะยาวอีก5-6ปีสามารถเป็นกัปตันคนต่อไปจาก เดเกอาได้เลย
ยังมีกรีนวู้ดที่เป็นปรากฏการณ์ในทีมชุดเล็กคนแรกในรอบหลายสิบปีหลังได้รับการผลักดันเต็มตัวจากการจากไปของลูกากู โดยน่าจะได้รับบทบาทตัวโจ้กเกอร์ในปีนี้ จำนวนเกมส์ที่ลงเล่นรวมทุกรายการน่าจะได้ประมาณ20-30นัดได้สำหรับปีแรกนี้ผมคาดหวังว่าอาจจะช่วยทำประตูให้ทีมได้สัก 8-12ลูก
และ ดาวรุ่งที่จะมีโอกาสเช่น โกเมส ซอง การ์ดเนอร์ที่จะมีโอกาสในปีนี้ ส่วนปีหน้า แบรนดอน วิลเลี่ยม และ อีธาน เลด ที่รอขึ้นมาทดแทนยังที่น่าจะรีไทร์
ในชุดตัว11ตัวจริง มีเพียง 2 จุดหลัก ที่ยังดูน่ากังวลมากคือ
กลางรุกตัวสร้างสรรค์เกมส์ ทั้ง มาต้า ลินกาด เปเรร่า โกเมส ที่ยังมีคำถามตัวโตๆ ว่าคนไหนจะทำได้ดี
และ แนวรุกทั้ง3ตัวที่เป็นแนวเล่นได้ฉาบฉวยหวือหวา จะมีความสม่ำเสมอได้มากน้อยแค่ไหน สำหรับ แรชฟอร์ด และ มาซิอัลที่ตอนนี้ทั้งคู่เป็นตัวความหวังสูงสุดในตำแหน่งหน้าเป้าตัวทำประตูแทนที่บิ้กรอมนี่คือจุดสำคัญที่โอเล่เลือกเดิมพันกับ2คนนี้ว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนจากเป็นเพียงดาวรุ่งมีแวว ก้าวเข้าสู่ระดับชั้นน้ำได้หรือไม่ เหมือนอย่างในปีที่เป็บเปลี่ยนสเตอริ่ง หรือ เซอร์เปลี่ยนคริสเตียโน่
อีกเรื่องที่แฟนส่วนใหญ่เป็นห่วงคือ ขุมกำลังเหล่าตัวสำรองที่ดูแต่ละคนแล้วน่าฟอร์มน่าท้อใจว่าจะมาช่วยทดแทนตัวจริงได้อย่างไร ทั้ง สมอลิ่ง ยัง โจนส์ มาติช เฟร็ด อเล็กซิส
แต่ที่น่าสนใจเรื่องนึงที่ทุกคนลืมไป คือปีนี้ยูไนเต็ดไปเล่น ยูโรป้า ไม่ใช่แชมป์เปี้ยนลีค ดังนั้นถ้าเจอทีมไม่แกร่งมากในช่วงรอบแรกๆ โอเล่ได้บอกไว้แล้วว่าจะใช้งานให้เหล่าดาวรุ่งเยาวชนได้มีส่วนร่วมกับพวกตัวสำรองในถ้วยนี้ ดังนั้น 11 ตัวจริง จะได้พักและเน้นลงเฉพาะเกมส์ลีค หรือ ยูโรป้าในเกมส์ที่เจอทีมแข็งในรอบลึกๆ และน่าจะแบบเดียวกันกับ คาราบาว เอฟเอคัพด้วย ดังนั้นตัวหลักน่าจะมีความพร้อม ร่างกาย สด และ กรอบน้อยกว่าที่ผ่านมา สิ่งสำคัญคือหวังว่าปอกบาห้ามเจ็บ ห้ามป่วย ซึ่งถือว่าทางยูไนเต็ด หลังจากที่ปิดตลาดแล้วไม่ได้กองกลางเข้ามาเพิ่ม จะมีความเสี่ยงและต้องเดิมพันในจุดนี้
ส่วนในบรรดารายชื่อทั้งหมดที่เป็นข่าวกับเรา โดยส่วนตัวผมยอมรับเลยว่าเสียดาย ดีบาล่าที่สุด เพราะอันที่จริง ระดับคลาส ถือว่ายังเป็น Top 10 กองหน้าในปัจจุบัน ช่วงอายุกำลังจะเข้าถึงจุดพีค ถึงปีที่แล้วจะฟอร์มตกจากการที่โดนโยกไปเล่นตัวริมเส้น แต่ผมมีความเชื่อว่าถ้าได้กลับมาเล่นหน้าต่ำ หรือ กองหน้า ศักยภาพโดยรวมก็ยังช่วยยกระดับ “จังหวะสุดท้าย” ซึ่งยังเป็นปัญหาของทีมชุดนี้ที่ยังขาดความนิ่งและความคม ในพื้นที่นี้อยู่ ถึงแม้จะใกล้เคียงมากแล้วแต่สุดท้ายดีลนี้ไม่เกิดก็ไม่เป็นไรครับ ด้วยขุมกำลังที่มี ก็ยังถือว่าไม่เลวร้ายนัก ถือว่าพัฒนาขึ้นจากปีที่แล้วมาบ้าง ก็ต้องรอดูผลงานหลังเปิดไปแล้วเต็มๆ ว่าปีนี้เราจะอยู่ตรงจุดไหน อาทิตย์นี้กลับมาเตะให้หายคิดถึงแล้ว ไว้เอาใจช่วยกันครับ
ส่วนใครเห็นต่างไม่พอใจทีมไม่ว่ากันครับ หลากหลายความคิดเห็น ยินดีที่จะเข้าใจได้ครับผม
สำหรับผมพอเข้าใจว่าปัญหาที่มีเยอะมากของทีมคงไม่สามารถแก้ทั้งหมดได้ในตลาดเดียว เท่าที่ผ่านมาอาจจะแก้ได้ไม่ครบ แต่แก้ได้ค่อนข้างตรงจุดที่ปัญหาใหญ่สุดที่ทุกคนมองเห็น อย่าง CB RB ก็ยังพอรับได้ เพราะแสดงว่าเห็นปัญหาตรงกันแล้ว ส่วนที่เหลือก็หวังว่าจะเสริมเพิ่มในตบาดหน้า
คะแนนสำหรับทีมตลาดรอบนี้ผมให้ 8/10 เสียดายไม่ได้กลางรุกตัวดีๆ ไม่งั้นจะให้ 9 /10
ก่อนจบฝากสถิติ 2 นักเตะฟอร์มโดดเด่นช่วงพรีซีซั่นครับ
Scott McTominay per 90 during pre-season:
93% pass accuracy
9 challenges won
4 ball recoveries
3 fouls won
3 tackles
Aaron Wan-Bissaka per 90 in pre-season:
93% tackles won
90% pass accuracy
88% aerials won
5 take-ons
4 tackles
0.3 goals conceded