ผมว่ามันคงไม่ใช่แนวที่มาให้เด็กท่อง "นักเรียน วันนี้พิมพ์ข้อความด้วย System.out.println()" อะไรแบบนี้หรอกนะ

ถ้ามองคำว่า Coding ให้กว้างขึ้นกว่าหน้าจอคอม
ส่วนที่ไม่ต้องใช้คอมน่าจะสอนวิธีคิด ฝึกการใช้ตรรกะ อะไรแบบนี้มากกว่า
ซึ่งถ้ามองแบบนี้มันก็เอาโจทย์รอบตัวมาจับได้เยอะ และไม่ต้องใช้คอมพิสูจน์ผลการคิดด้วย

ตอนเรียนก็ผมเจอแบบนี้นะ โปรแกรมมิ่งปี 1 ตัวแรกเลย การบ้านแรกอาจารย์ให้เขียน
Algorithm การทอดไข่ดาว
แค่นี้ก็ฝึกวิธีคิดฝึกตรรกะได้แล้วแหละครับ
if ตอกไข่แดงแตก
if ทอดนาน
if น้ำมันน้อย
if น้ำมันร้อนไม่พอ

กับที่สส.ท่านนั้นพูดมา ผมว่ายังพอเป็นไปได้อยู่ แต่คงต้องรอดูรายละเอียดแหละว่าออกแบบเนื้อหามาเป็นยังไง  

ท่านรัฐมนตรีบอกว่าประถมน่ะครับ ไม่ใช่ปี 1 ถ้าจะทำตามที่ท่านรัฐมนตรี และท่านว่า อาจจะต้องปูพื้นวิชาอื่น ๆ ก่อนที่จะเรียนตรรกะกับ coding กันตั้งแต่ประถม 1 ครับ ถ้าจะทำขนาดนั้นให้เด็กได้เลือกที่จะเรียนที่จะชอบวิชาชีพอื่น ๆ บ้างก็ดีนะครับ  

ผมก็เริ่มจากการเขียน Flow, Pseudo ลงกระดาษก่อน
อ.บอกว่า มันมีคำสั่งอะไรให้ใช้บ้าง แค่นั้น...

ทำแบบนั้นอยู่ประมาณครึ่งเทอมครับ
ถึงจะได้เอาสิ่งที่เราเขียนลงกระดาษมา apply กับ syntax ของภาษาลงในคอม
มันก็ดีนะครับ จะได้แบ่งโค้ดออกเป็นช่วงๆ ตามสิ่งที่เราเขียนในกระดาษ

...กดโหวต "จริง" ครับ  

วากยสัมพันธ์ - นิยามสั้นๆ ความหมายของคำนี้คืออะไรครับ

ปล. ผมจำได้เพราะเขียนคล้ายๆ บริษัท synnex  

ขึ้นชื่อว่าศาสตร์ ก็ต้องมีทฤษฎี มีปฎิบัติครับ จะให้เกิดผลที่มีประสิทธิภาพ ต้องทำควบคู่กันไป

ผมอยากทราบว่า
เรียนพื้นฐานว่ายน้ำ ไม่ต้องลงน้ำก็ได้ใช่หรือไม่
เรียนทำขนมไม่ต้อง ลงมือทำจริงก็ได้ใช่หรือไม่
เรียนภาษาอังฤษ ไม่ต้องพูดสื่อสารจริงก็ได้ใช่หรือไม่
ทุกวันนี้ เด็กไทยเก่งไวยกรณ์ภาษาอังกฤษ ระดับเทพ ถึงมหาลัยแล้วเจอฝรั่งยังสื่อสารกับเขาไม่รู้เรื่อง

ถ้ายังใช้แนวคิดแบบเดิม จะสอนทฤษฏีเทพแค่ไหน ก็ได้ประสิทธิภาพแค่ครึ่งเดียว

วิธีคิดแบบนี้ควรเปลี่ยนได้แล้วครับ จะปฎิรูปการศึกษา ต้องให้เรียนแบบบูรณาการ เริ่มจากเรื่องนี้เลย จะสอนแล้วก็ทำให้สุด