ความหวังทัพไทย ในการคว้าเหรียญโอลิมปิกเกมส์ 2020 ชักเลือนลาง หลัง 1 ในสมาคมความหวังกีฬาไทย อย่าง สมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ ออกเเถลงการณ์ฉบับ 3 กรณีจอมพลังไทยถูกตรวจพบสารต้องห้ามจากศึกชิงเเชมป์โลก 2018 โดยในเเถลงการณ์ บ้านยกเหล็กเเสดงจุดยืน ไม่ส่งจอมพลังร่วมเเมตช์นานาชาตินับตั้งเเต่บัดนี้ เช่นเดียวกับ โอลิมปิกเกมส์ 2020 จนกว่าเหตุการณ์จะคลี่คลาย อย่างไรก็ตามในศึกชิงเเชมป์โลก 2019 ซึ่งเป็นรายการเก็บคะเเนนสะสมโอลิมปิก 2020 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ 18-27 ก.ย. 62 ทางสมาคมจะรับยังคงรับหน้าที่จัดชิงตามเดิม เเต่จะไม่ส่งจอมพลังขึ้นเวที

สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นเเห่งประเทศไทย ออกเเถลงการณ์ เรื่อง การตรวจพบสารต้องห้ามในตัวอย่างปัสสาวะนักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย ฉบับที่ 3 ผ่านทางเว็ปไซต์ของสมาคม เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยเเถลงการณ์ได้ระบุถึงความคืบหน้า ถึงกรณีที่สหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ (ไอดับบิวเอฟ) ได้ตรวจพบสารต้องห้ามในปัสสาวะของนักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย ดังนี้

ตามที่สหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ ได้ตรวจพบสารต้องห้ามในปัสสาวะของนักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย ที่ส่งเข้าร่วมการแข่งขันยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลก 2018 ที่กรุงอาชกาบัต ประเทศเติร์กเมนิสถาน จำนวน 8 ราย ทั้งที่ก่อนการแข่งขัน สมาคมได้มีมาตรการ ระมัดระวังและป้องกันมาโดยตลอด

อีกทั้งได้รับการตรวจปัสสาวะของนักกีฬาจากศูนย์ตรวจสอบสารต้องห้ามในนักกีฬาของประเทศไทย (National Doping Control Centre) โดยสำนักงานควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬาของประเทศไทย (Doping Control Agency of Thailand : DCAT) ตรวจวิเคราะห์มาโดยตลอด แต่ไม่พบการใช้สารต้องห้าม ในนักกีฬาดังกล่าวแต่อย่างใด

ขณะเดียวกันสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ ได้ทำการตรวจปัสสาวะและเลือดของนักกีฬามาโดยตลอด รวมถึงการตรวจปัสสาวะก่อนการแข่งขันระหว่างการแข่งขันและหลังการแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งโลกครั้งนี้ด้วย ซึ่งไม่พบการใช้สารต้องห้ามแต่อย่างใด

ต่อมาสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ ได้ประสานกับแผนกข้อมูลประจำตัวนักกีฬาของ "ไอดับบิวเอฟ" ที่เมืองโคโลญจน์ ซึ่งทำการตรวจวิเคราะห์เพิ่มเติมในนักกีฬาเป้าหมายเฉพาะประเทศไทย โดยใช้เทคนิคที่มีความซับซ้อนมากขึ้น "GC - C-IRMS (Gas Chromatography-Combustion-Isotope Ratio Mass Spectrometry" และแจ้งว่ามีการตรวจพบสารต้องห้ามในนักกีฬาดังกล่าว

หลังจากนั้นสมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงสามารถอธิบายกับสาธารณชนได้ แม้ว่าจะยังไม่ตรวจสอบในสารตัวอย่างในขวดบี ก็ตาม สมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ ได้คำนึงถึงความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นถึงแม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าว คณะกรรมการบริหารของสมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทยจะไม่ได้เป็นผู้กระทำก็ตาม

เนื่องด้วยสมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ เป็นสมาคมที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี สร้างนักกีฬาให้ได้รับเหรียญรางวัลจากการแข่งขันในระดับนานาชาติสร้างชื่อเสียงและเกียรติภูมิให้กับประเทศชาติ มาเป็นระยะเวลายาวนาน จนเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและนานาชาติ และยังคงมีเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ ที่จะส่งเสริมพัฒนากีฬายกน้ำหนักของประเทศให้พัฒนายิ่งๆขึ้นไป

ดังนั้น จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อเป็นการรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของสมาคมและประเทศไทย จึงขอประกาศเจตนารมณ์ ดังนี้

1. สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย จะไม่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันในระดับนานาชาติ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย,

2. สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย จะไม่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ปี 2563 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งการแข่งขันเพื่อคัดเลือกเข้าร่วมการแข่งขันทุกรายการ

3. เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบที่มีต่อประเทศไทย และต่อมวลสมาชิกของสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย จะยังคงยืนยันรับเป็นผู้รับผิดชอบจัดการแข่งขันยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลก ประจำปี 2562 ระหว่างวันที่ 18-27 ก.ย. 62 ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ในนามของประเทศไทยต่อไป เเต่จะไม่ส่งนักกีฬาไทยเข้าร่วมการแข่งขัน

siamsport

โดนตรวจเจอทุกคนเลยหรอ

นักกีฬาไปในนาม oic ได้มั้ย

เหมือนนักกีฬารัสเซีย

ตอนนั้นจีนก็เจอ

ดีแล้วล่ะครับ

ในเมื่อปัญหาโด๊ป

ตัวสมาคม ตัวนักกีฬา ก็คงงง กับผลตรวจหล่ะ

ดังนั้นรับผิดชอบไป

จีนยังโดนมาแล้ว รับผลกันไปแบบนี้

"ด้วยเทคนิคที่ซับซ้อนขึ้น" ผมสงสัยคำนี้มาก ซับซ้อนไม่ได้หมายถึงถูกต้องนะ
ออกตัวก่อนว่าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเคมีวิเคราะห์หรือพิสูจน์หลักฐาน
1 การใช้เทคนิค GC ที่มีความสัมพันธ์กับ isotope หมายความว่าสารกระตุ้นมีความสัมพันธ์กับ isotope ด้วย (ใครที่คิดว่าผมเข้าใจผิดช่วยอธิบายด้วยนะครับ) ซึ่งมันไม่น่าใช่ (ใครจะตั้งใจกิน C14 O18 พวกนี้เข้าไป หรือพวกกัมมันตรังสี)
2 ดังนั้นเทคนิคที่ซับซ้อนน้อยกว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเป็นพวก Chromatography+mass spectroscopy ทั่วไป (อาจมีอะไรพ่วงนิดหน่อย) ซึ่งก็น่าจะเพียงพอต่อความถูกต้อง สัก 90% ไม่เกินนี้ (ผมประมาณเอง) ซึ่งถ้าใช้เทคนิคนี้ (ซึ่งในไทยมีเยอะ) แล้วเราไม่เจอ ก็ดูแปลกๆ เพราะ isotope ที่เพิ่มเข้ามาไม่น่าช่วยให้เจอะอะไรมากขึ้น
3 อย่าลืมว่าการวิเคราะห์สารเคมีด้วยเทคนิคเดียวแล้วเจอมันไม่ได้ถูก 100% ต้องใช้เทคนิคอื่นเพื่อยืนยัน ความผิดพลาดมีได้หลายกรณีเช่น สารที่คล้ายกัน การรบกวน ตัวเครื่องเอง การเทียบมาตรฐานเครื่อง สารตกค้างอันนี้สำคัญสุดโดยเฉพาะในเทคนิคแบบ GC คนแรกฉีดสารตัวนึงไล่ออกไม่หมด คนต่อไปฉีดต่อ ก็ได้ของแถมจากคนแรกมาด้วย คนต่อๆไปก็ได้ หรือค้างคอลัมน์ คนแรกฉีด ไล่ไม่ออก หาไม่เจอ กว่าจะโผล่อีกทีสัปดาห์หน้าก็มี ยิ่งโดยเฉพาะการตรวจ trace component ยิ่งง่ายที่จะเกิดเรื่องพวกนี้ได้
4 ปัญหาพวกนี้เป็นปัญหาทางเทคนิค ผู้บริหารต้องหาความรู้ ถ้าไม่มีก็คุยกับคนที่รู้เรื่องเครื่อง เรื่องเทคนิคพวกนี้จริงๆ ให้เขาจับผิดให้ อย่าทำงานเฉพาะในกะลาตัวเองพอมีปัญหาก็อ้างว่าไม่มีความรู้ อนาคตเด็ก อนาคตชาติ
5 ผมไม่ได้ว่าทางโน้นจะผิดนะ บางทีเราอาจผิดที่ไม่เจอก็ได้ แต่ผมว่ามันแปลกๆ เพราะเจอกันหลายคน จะไม่มีใครรอดเลยเหรอ บางทีคนวิเคราะห์หน้างานมันทำงานชุ่ยๆก็มีนะ

เห็นด้วยกับท่านนี้ GC-MS lab มหาลัยผมว่ามีทุกที่ ไม่ใช่เรื่องใหม่ผู้เชียวชาญในไทยมีเยอะมากๆเเน่นอน การใช้งานการตั้งค่าไม่ยากสำหรับคนเคยทำด้วยจะตรวจอะไรมันก็มีระบุอยู่เเล้วเเน่นอนว่าต้องใช้การตั้งค่าเท่าไหร่ต้องใช้คอลัมอะไร ถ้ายืนยัน(เเละมั่นใจว่าไม่ได้ใช้จริงๆ)ว่าตรวจสม่ำเสมอเเล้วไม่พบ ก็ไม่ควรยอมรับผลการตรวจที่ออกมาว่าพบครั้งนี้ครั้งเดียว ผมยืนยันเลยว่าจะฝรั่ง จีน หรือญี่ปุ่นมันก็ฉีด GC ไม่ได้เก่งไปกว่าคนไทยหรอก