ประเมินคุณค่าของอาชีพเภสัชกรต่ำเกินไปครับ

สายอาชีพเฉพาะทางแบบนี้ควรคำนึงเรื่องความปลอดภัยของผู้บริโภคมาเป็นอันดับแรก และกฎหมายควรจะรัดกุมมากๆ เพราะถ้ามันผิดพลาดไปนิดเดียว มันอาจจะส่งผลถึงสุขภาพหรือชีวิตได้เลย ผิดกฏหมายอาญาได้ทันทีเลยนะนั่น

คล้ายๆกับใบ กว ของวิศวะเหมือนกัน ถ้าเอาคนที่เรียนแคลมาเหมือนกัน(สมมติจบสาย Mat Science) แต่ไม่ได้เรียนวิชา Structure มาแต่เซ็นแบบโครงสร้างบ้านได้ แบบนี้คุณจะยอมรับได้หรอ

อยากบอกว่าปัจจุบันร้านขายยาที่ซื้อๆกันเนี่ย
เภสัชกรที่อยู่ในรูปที่แขวนอยู่เนี่ยก็แทบไม่ได้เข้ามาที่ร้านหรอก
ไอ้ที่จ่ายยาให้เรา บางทีก็แม่บ้าง พ่อบ้าง แฟนบ้าน หรือลูกจ้างบ้างทั้งน๊าน

ถ้าผ่านจริง ผมก็จะรอดูครับ ส่วนตัวผมไม่ได้ทำงานสายร้านยาอยู่แล้ว
ผมไม่ซีเรียสเลย แต่ผมจะรอดูว่าถ้าเขาเปิดหลักสูตรนี้แล้ว อนาคตจะเป็นยังไงมากกว่า
ทุกวันนี้พยาบาลเอง ยังมีปัญหาเลยว่า สภาพยาบาลไม่รับรองหลักสูตร
เป็นกันตั้งหลายวิทยาลัยด้วย ก็รอดูครับ ว่าจะเป็นอย่างไร

พวกขายวิญญาณครับ ไม่ต้องไปสนับสนุน
สนับสนุนร้านที่ขายโดยเภสัชกรดีกว่าครับ
แต่ปัญหาคือ ถ้าร้านขายโดยเภสัชกรขายแพงกว่า
คุณจะซื้อป่ะ ถามจริง...

ทุกวันนี้ แค่ต่างกันบาทสองบาทก็บ่นกันแล้ว อิอิ

เป็นเรื่องน่าเศร้าที่คนข้างนอกมองว่าเภสัชกรขายยาเป็นอย่างเดียวและกลัวโดนแย่งงาน

Exta ใช้เภสัชจริงมาขายอยู่แล้วครับ มันคือร้านขายยาที่มีประตูเชื่อมกับ 7-11
ซึ่งถ้าเวลาเภสัชไม่อยู่ เค้าก็จะปิดห้องยา จำหน่ายไม่ได้

(ผมรู้เพราะตอนนี้ผมก็จีบเภสัช Exta อยู่นี่แหละ)

แต่ผมเข้าใจว่า สิ่งที่ CP ต้องการ คือการขายยาในตัวเซเว่นเลย
โดยที่ไม่ต้องมีเภสัชกรมาควบคุมหรือจ่ายยา
แบบจะเอาเด็กแคชเชียร์ หรือคนอุ่นข้าวมาแขวนป้ายขายเลยก็ได้ แบบนั้น

ถ้าผมเข้าใจผิดก็แก้ให้ผมด้วยนะครับ ผมแค่เข้าใจแบบนั้น แต่ไม่ได้มั่นใจมั่นหน้าว่าจะต้องเป็นแบบนั้น

ประมาณนั้นครับ แต่คนจ่ายจะไม่ใช่เด็กแคชเชียร์ครับ
แต่เป็นวิชาชีพทางการแพทย์ ซึ่งตอนนี้คือพยาบาล
พรบ ยาที่แก้กันรอบก่อน ระบุรวมพวกบุคลากรทางสาธารณสุข
เช่น พยาบาล เทคนิคการแพทย์ สาธารณสุข แพทย์แผนไทย กายภาพบำบัด
มาจ่ายยาได้ด้วย แต่โดนดราม่าไป รอบนี้มาแก้ให้เหลือแค่พยาบาลแทน

ซึ่งปกติพยาบาลก็จ่ายยาแทนอยู่แล้ว ในพวก รพสต
หรือในโรงพยาบาล(บางครั้งที่เภสัชและหมอไม่อยู่)
ซึ่งมันไม่ผิดกฏหมายครับ กฏหมายรับรอง
แต่ที่ไม่รับรองคือพวกร้านยาและคลินิกพยาบาล (คลินิกพยาบาลจ่ายยาได้ครับ แต่ไม่ทุกชนิด มีกฏหมายระบุอยู่ว่าเท่าไร)

watson กับ Boot ได้ประโยชน์จาก พรบ นี้ ?
คือต้องแยกก่อนว่าร้านยา chain store ดำเนินธุรกิจในชื่อร้านขายยาแผนปัจจุบัน(ขย.1) พูดให้ง่ายก็คือ ต่อให้พรบ นี้ออกมา คุณต้องการจะเปิดร้านยาก้ต้องมีเภสัชอยู่ดี ยกเว้นเปลี่ยนรูปแบบจากร้านขายยาเป็นสถานพยาบาล ซึ่งเป็นเนื้อหาที่จะแก้เติมลงไปใน พรบ นี้ คือให้สถานพยาบาลสามารถครอบครองครองยาได้ครอบคลุมมากกว่าเดิม สถานพยาบาลนี่รวมถึงคลินิกหมอ คลินิกพยาบาล และวิชาชีพอื่นๆในกระทรวงสาธารณสุข คือตอนนี้ที่เถียงกับไปมาระหว่างเภสัช และ พยาบาล ถ้าเกิด พรบ นี้ออก ไม่มีใครได้ประโยชน์เลย
เท่าที่ดูแน้วโน้มมีความเป็นไปได้ ในการเปิดกิจการทางสุขภาพ โดยใช้ Telemedicine คือให้คุยกับหมอผ่าน video call หมอกก็สั่งใช้ยา พนักงานที่สาขาก้คงเป็นคนจัดยาเอง จ่ายยาเอง เพราะไม่มีกฏหมายการส่งมอบยาอันตรายที่ต้องทำโดยเภสัช ดังที่ระบุไว้ใน พรบยาฉบับ 2510 ทีนี้ถ้าเป้นแบบนี้ ก็บันเทิงแน่นอน

ผมว่าเด๋วก็ผ่าน คนชงระดับซีพีนะ แต่ผ่านแบบมีเงื่อนไข ขายได้แต่ห้ามนั่นห้ามนี้

แต่สักพักคนก็ติดเพราะมันง่าย สะดวก พอถึงตอนนั้นก็แก้พรบแอบเอาเงื่อนไขออก

เพิ่มเติม พรบ. ฉบับนี้ มีการเปลี่ยนคำนิยามของ ยาอันตรายใหม่

คือมันทำให้ รายการยาอีกร้อยกว่ารายการ กลายเป็น ยาสามัญประจำบ้าน

ให้คนเข้าถึงยาได้ง่าย ขายในร้านค้าทั่วไปได้ ย้ำ ร้านค้าทั่วไป ร้านขายของชำ นั่นแหละ

พรบ. ฉบับนี้มันจะเอื้ออะไรให้ประชาชนครับ เฮ้อ...มีแต่ประชาชนนี่แหละที่จะรับกรรมไป
คนที่ได้ประโยชน์ก็กลุ่มคนเดิมครับ

ไปร้านมีเภสัชแล้วไม่ได้ยาดั่งใจจะเข้าทำไมละครับ ปวดหัวจะเอาอม็อกซี่แผงเดียวก็ไม่ขายให้

แถมถามอยู่นั่นแหละ พูดมากไม่ได้อยากฟังด้วย

ท่านเข้าใจถูกแล้ว

แต่
ผมต้องการให้เข้มงวดกว่านั้น
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1677538

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมโคตะระเบื่อการทำงานในร้านยาคือ "ลูกค้า" ครับ
ผมจำแนกลูกค้าเป็น 4 กลุ่ม

1. กลุ่มดี ยินดีรับฟังทุกอย่าง รับฟังคำแนะนำอย่างดี แต่ชิหาย เจอน้อยมากกลุ่มนี้

2. กลุ่มลูกค้าต่อยา อันนี้ส่วนมากเป็นเคสเรื้อรัง จะนำแผงยามาต่อยา
เคสนี้ผมไม่ค่อยคุยอะไรมากมาย แค่จ่ายตามเดิมๆ ไป ซื้อง่ายขายเร็ว กำไรน้อย 555+

3. กลุ่มลูกค้าเร่งรีบ ไม่อยากตอบ ไม่เสวนา พูดยากแบบนี้ผมขายให้ครับ
แต่บอกไปว่ารับความเสี่ยงเอง ไม่หายอย่ามาโทษกัน

4. กลุ่มสุดท้าย เจอบ่อยมาก แล้วทำให้เบื่อการทำงานในสายนี้คือ ลูกค้า Google
ไปหาข้อมูลมา บอกว่าจะเอาอันนี้ๆ ทั้งๆที่บางทีแม่งคือยาเดียวกัน เราแนะนำก็ไม่ฟัง
ดื้อด้าน เถียงเรา ทำมาเป็นรู้ดี ผมก็ได้แต่ด่าในใจแล้วขายไปครับ กลุ่มนี้

ซื้อยาแก้ไอ ไปลอยกันสนุกเลยทีนี้

Boots และ Watson มีเภสัชกรประจำการทุกสาขานะคะ บางสาขา Area Manager กับ Store Manager เป็นเภสัชกรเองด้วยซ้ำ เราค่อนข้างชอบระบบของสองที่นี้ เพราะเค้าพยายามทำตามกฎหมายตลอด อัพเดตและพร้อมแก้ไขให้ถูกเสมอ ล่าสุดมี GPP ออกมา เค้าก็ยังเร่งทำ GPP ทั้งๆที่ร้านยาบางร้านยังไม่คิดจะทำเลย

ส่วน CP เองก็มี eXta ซึ่งเป็นร้านยาใน 7-11 แต่แน่นอนว่าจำนวนเภสัชกรไม่เพียงพอรองรับตามจำนวนสาขาอยู่แล้ว ขนาด CP มาให้ทุนนักศึกษาเภสัชเพื่อหวังให้เค้ามาใช้ทุนที่ xTra 2 ปี ส่วนใหญ่ครบสองปี เภสัชกรก็ย้ายไปทำงานที่อื่น จึงอาจเป็นที่มาของพรบ.ยา ฉบับนี้ที่เหมือนเร่งๆให้ผ่าน แอบทำประชาพิจารณ์โดยไม่ประกาศ รู้เรื่องกันอีกทีคือหมดเขตพรุ่งนี้แล้ว

และขอย้ำนะคะว่าเภสัชกรไม่ได้คัดค้านเพราะกลัวตกงาน เราไม่ได้ขายยาเป็นอย่างเดียวค่ะ เราทำงานที่โรงพยาบาล โรงงานผลิตยา บริษัทยา ศูนย์วิจัย BE อย. สสจ. บลาๆๆๆ คือทำได้หลายที่มากๆ อย่างตัวเราเองเป็น Regulatory Affairs Pharmacist ให้กับบริษัทยาแห่งหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่างานเราต้องรู้และคอยอัพเดตตามกฎหมาย มีหลายครั้งที่แอบหัวเราะในความตลกของประกาศกระทรวงที่ออกมา มีหลายครั้งที่ไปทำงานต่างประเทศแล้วประเทศอื่นถามว่าทำไมประเทศไทยออกประกาศสวนทางกับประเทศอื่นๆแต่ก็ยังยิ้มและแอบหัวเราะในใจ แต่สำหรับพรบ. ยาฉบับนี้ บอกตรงๆว่าหัวเราะไม่ออก เป็นพรบ. ยาที่เปิดช่องโหว่ให้กับนายทุนและนักการเมืองมาหาผลประโยชน์อย่างเห็นได้ชัด มีที่ไหนให้ใครมาขายยาก็ได้ มีที่ไหนคุณจะโฆษณายาอะไรก็ได้ ถ้าพรบ.ยานี้ผ่าน เราก็ไม่เดือดร้อนหรอกค่ะ ดีซะอีกคนขายยามากขึ้น ดีมานด์ก็เยอะขึ้น บริษัทเราก็จะมียอดขายเพิ่มขึ้น แถมเรารู้อยู่แล้วว่าเวลาป่วยแบบที่พอรักษาเองข้างนอกได้ เราก็รู้อยู่แล้วว่าจะใช้ยาตัวไหน ใช้เท่าไหร่ ใช้ยังไง ใช้กี่วัน ระหว่างนี้ห้ามทานอะไร เราก็แค่ไปขอซื้อยาตามที่เราต้องการแค่นั้น แต่ประชาชนทั่วไปล่ะคะ เค้าต้องแบกรับความเสี่ยงเองแบบนี้มันไม่ถูกต้อง เพราะยาถือเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่มีผลต่อชีวิตคน คนเรายังไงก็มีเจ็บมีป่วย มันควรจะเป็นสิ่งที่รัดกุม รอบคอบ และปลอดภัย ไหนจะเรื่องแพ้ยา ยาเกิดอันตรกิริยากัน ปัญหายาแก้ไอ ปัญหาเชื้อดื้อยาอีกบลาๆๆ พรบ.ยาฉบับเดิมคือปี พ.ศ. 2510 ฉบับใหม่ปี 2561 ท่านลองคิดดูว่าจะส่งผลเสียในระยะยาวมากแค่ไหน

ดังนั้นอย่ามองว่าเภสัชกรคัดค้านเพราะกลัวโดนแย่งงานเลยค่ะ อยากให้คิดถึงผลประโยชน์ต่อตัวคุณเองมากกว่า อยากให้มาช่วยกันคัดค้าน เพราะลำพังเสียงของเภสัชกรอย่างเดียวคงไม่พอ อีกทั้งสภาพยาบาลเองก็ได้ประกาศจุดยืนสนับสนุนพรบ. ยานี้ไปแล้ว ครั้งที่แล้วเราก็สู้จนพรบ.ตกไป ครั้งนี้เราก็จะสู้เหมือนเช่นเคย