การที่ศาลยกฟ้องนั้นมิใช่ว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิด แต่ความจริงจำเลยอาจจะกระทำผิดจริง แต่พยานหลักฐานมีไม่พอ

ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๗ ในการพิจารณาพิพากษาคดีอาญาทั้งปวง ศาลมีอำนาจใช้ ดุลพินิจวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานใดมีน้ำหนักน่าเชื่อถือเพียงใดหรือไม่ พยานหลักฐานใดขัดต่อเหตุผลไม่น่ารับฟัง และในกรณีที่ศาลจะพิพากษาลงโทษบุคคลใด พยานหลักฐานในคดีนั้นต้องมั่นคงแน่นหนา และมีน้ำหนักรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าบุคคลนั้นได้กระทำความผิดจริงตามฟ้อง หากพยานหลักฐานในสำนวนมีข้อพิรุธน่าระแวงสงสัย ไม่มั่นคงพอที่จะรับฟังเป็นยุติว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง ก็ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย โดยพิพากษายกฟ้อง

ซึ่งพยานหลักฐานมันมาจาก 2 ฝั่งคือ โจทก์ และ จำเลย มายกเพื่อต่อสู้กันในคดี เพื่อทำศาลได้เห็นว่าทำผิดจริงหรือไม่

ซึ่งฝั่งโจทก์คือ ตำรวจทำสำนวน หาพยานหลักฐาน - อัยการทำคำฟ้องและสืบพยาน ถ้าคำฟ้องและพยานมันไม่หนักแน่นพอจะมัดตัวจำเลยสุดท้ายก็ต้องยกฟ้อง

ขอไม่พูดถึงคดีฆ่าตัวตายที่เกิดขึ้นในวันนี้นะครับ ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตด้วยครับ

ผมไม่ใช่คนในวงการศาล แต่พอรู้หลักการพิจารณาคดีอยู่บ้าง มันจะมีหลักประมาณนี้
- โจทก์ คือ ผู้เสียหาย มีหน้าที่คือหาหลักฐานยังไงก็ได้ ให้ศาลเชื่อว่า จำเลยผิด 100%(อัยการคือผู้เสียหายของรัฐ)
- จำเลย คือ ผู้ถูกกล่าวหาว่าทำให้เกิดการเสียหาย มีหน้าที่คือทำยังไงก็ได้ให้ศาลเชื่อว่าหลักฐานของโจทก์ไม่น่าเชื่อถือ 100%

และสุดท้าย ศาลมีหน้าที่พิจารณาหลักฐานทั้งสองฝั่ง หากศาลมองว่า จำเลยมีหลักฐานว่าผิดไม่ 100 % หรือเคบือบแคลงสงสัยในหลักฐานของโจทก์ ให้ถือว่าจำเลยไม่ผิด เลยเกิดประโยคที่ว่า”หลักฐานอ่อน ยกประโยชน์ให้จำเลย” ไงครับ

ถ้าหลักฐานไม่พออัยการมีหน้าที่ต้องสั่งให้ตำรวจหาเพิ่มครับ หลักฐานสำคัญในคดีนี้กล้องวงจรปิดที่เสียครับ หากมีพยานบุคคลหรือวัตถุพยานก็น่าจะะเอาผิดจำเลยได้ กว่าศาลจะตัดสินมีหลายนัดครับ สืบพยานโจทก์ สืบพยานจำเลย อย่างละกี่ปาก ผู้พิพากษาต้องคุยกัน ถ้าไม่แน่ชัดต้องปรึกษาท่านอื่นๆ

ถ้าคดีนี้จะมีคนที่ผิดสักคน ผมว่าคืออัยการและตำรวจ อัยการผิดที่ไม่รัดกุมในการทำสำนวนคดี หากรู้ว่าหลักฐานไม่พอทำไมไม่สืบเพิ่ม หรือขวนขวายหาแล้วได้แค่นี้ ถ้าขวนขวายแล้วได้แค่นี้ก็อืมคงที่สุดจริงๆ

อยู่ที่ว่าศาลไหน ซึ่งประเทศไทยมีหลายศาลมากที่ตัดสินไม่มีความยุติธรรมเอาซะเลย อยู่ที่ว่าจะให้ความร่วมมือกับพวกไหน

อ่านของหลายๆคอมเม้นท์แล้วรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้อยู่ในกลุ่มนี้มานานเป็นสิบปี พวกเรานอกากจะบ้าบอลหื่นตัวพ่อกันแล้วพวกเรายังสุดยอด มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ มีความรู้ มีเหตุผลดีดีกันเยอะมาก ไปกันต่ออีกสักสิบปีนะครับ

ปัจจุบันตามระบบจิงๆ ตำรวจทำสำนวนมา มีความเห็นสั่งฟ้อง อัยการสามารถให้สอบเพิ่มได้อยู่แล้วนะครับ

ยังงี้ส่วนสำคัญคือ อัยการต้องเก่งและซื่อสัตย์มากๆ

จะหวังพึ่งตำรวจคงไม่ได้ และอัยการต้องประกบตำรวจตลอดในการทำคดี

ถ้าคิดว่าผู้พิพากษามีอคติ คู่ความสามารถคัดค้านหรือตั้งรังเกียจผู้พิพากษาได้

ผู้พิพากษาเองก็สามารถคืนสำนวน หรือถอนตัวจากคดีได้

ลึกๆอะมีอยู่แล้ว แต่การจะพิพากษาแต่ละคดีมันต้องมีกฎหมายรองรับ

นั่นหละครับคือปัญหา อัยการไม่ได้ลงมือทำงานด้วยตั้งแต่ต้น ส่วนมากที่ผมเจอคือตำรวจทำสำนวนหาหลักฐานนู่นนี่ แล้วเหมือนส่งให้อัยการตรวจซะมากกว่า ควรจะทำงานร่วมกันตลอดเวลามากกว่า ตำรวจควรหาหลักฐานเพราะเก่งเรื่องลงพื้นที่ ส่วนอัยการควรทำสำนวนเพราะแม่นกฎหมายบวกรู้ระบบศาลมากกว่า

เหมือนตรวจการบ้านมากกว่า สิ่งที่ผมคิดคืออยากให้ไปทำการบ้านด้วยกัน

เรื่องตำรวจมีประเด็นนึงน่าสนใจคือ ระยะเวลาสืบสวนสอบสวนแต่ละคดีที่ค่อนข้างน้อย บางครั้งเร่งมากๆ คุณภาพมักสวนทางกับจำนวนคดี บางครั้งพยานหาง่ายปิดไว บางครั้งหาเท่าไหร่ก็ไม่พอ ส่วนทางอัยการก็เร่งฟ้องให้ทันอายุความอีก

ผมมองงี้นะ อัยการคือทนายฝั่งโจทก์ถ้าไม่มีมั่นใจหลักฐานต้องหาจนมั่นใจจริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าสืบพยานกันยังไงนะคดีนี้ จริงๆกล้องวงจรปิดไม่มีก็จริง แต่จำเลยถูกทำให้ตายมันต้องมีวัตถุพยานคืออาวุธที่ทำให้ตายสิ บนอาวุธนั้นมันต้องมีลายนิ้วมือ + พยานแวดล้อม ผู้เห็นเหตุการณ์จะไม่มีเลยหรอ คราบเลือดล่ะ

ผมแค่สงสัยนะ ด้วยความเคารพคำตัดสินของศาล

อีกอย่างการตายของบุพการีของผู้ตายเนี่ย ผมเสียดายเลย อย่างน้อยถ้ายังมีชีวิตก็ยังมีโอกาสได้รับรู้ความเป็นไปของจำเลย ยังมีศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา

ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ ยังไงก็มี bias อะครับไม่มากก็น้อย บางคนเก็บเงีบบ บางคนเปิดเผย

ขอบคุณทุกๆ comment นะครับ ได้สาระความรู้มากๆเลยครับ ปล.เกือบเชื่อไปละว่า ss หาสาระไม่ได้

ใชืครับ แต่คำถามคือ แล้วคนที่ไม่โพสให้เราเห็นล่ะ คิดว่าจะเป็นกลางแค่ไหนเชียว

ผู้พิพากษาก็คนนี่แหละครับ บางคนไม่รู้จักอาจจะมองว่าเป็นอาชีพที่สูงส่งเปี่ยมด้วยคุณธรรม แต่จริงๆเค้าก็แค่คนธรรมดาที่มีหัวโขนนะแหละ ถอดออกมาก็คนทั่วไป