มหาลัยบางแห่ง ปลาอยเกรดยังกับ มัธยม โปรเจคจบยังให้ทำเป็นคู่ บางคนทำโปรเจคเองได้B บางคนจ้างทำได้ A เกรดวัดได้จริงเหรอ ใช่ตอนรับงานอาจดูเกรด แต่ถามว่า รับแล้วทำงานได้ไหม
มีลูกศิษย์จบเกียรตินิยมอันดับ 1 ความรู้เยอะ แต่ทักษะชีวิตต่ำ กับบางคนแต่จบ ม.6 ธรรมดาสามารถมีอู่ขนาดใหญ่ประจำอำเภอ ชีวิตยึดติดกับเกรด????

สายอื่นไม่แน่ใจ แต่สายวิทนี่ 3.60 ได้เปรียบกว่าเยอะเลย
เพราะเน้นดูตัวเด่นมากกว่าสมดุล

ขอแย้งต่างนะครับ

บางบริษัท(ระดับบิ๊ก) เค้าถามเลยนะ จบเกรดเท่าไหร่ ได้เกียรตินิยมมั้ย

มันสำคัญนะครับกับงานแรก(ในส่วนของการได้งาน)

มันช่วยท่านได้เลยแหละครับ แต่ก็ไม่ได้สำคัญถึงขั้นคอขาดบาดตายอะไร

หลังจากงานแรกมันก็ขึ้นกับฝีมือท่านแล้ว อีกอย่างผมว่ามันเป็นความภูมิใจของท่านเองด้วยนะ

คว้าไว้เถอะครับ ไม่สำคัญว่าใครบอกที่ไหนปล่อยเกรดยังไง แต่มันบอกได้ว่าอย่างน้อย

ท่านรับผิดชอบตัวเอง ผ่านกฎเกณฑ์จนได้รับมันมา

จากใจคนที่พึ่งจบพึ่งทำงาน ผมเองก็จบ อันดับสองจาก ม.ดังเหมือนกัน

อีกอย่าง เกียรตินิยม ท่านใส่ในเรซูเมาได้เลยนะคระบ เพราะฉะนั้น ผมยืนยันอีกเสียงส่าคว้าไว้เถอะ

ยังไงก็มีผลครับ ไม่มากก็น้อยแหละ

เลือกแบบสองครับเพราะเทอมเมื่อกี้พึ่งได้ดีบวกกับอิ้งมา

จากประสบการณ์ สิ่งที่คนได้เกียรตินิยม ต่างกับชาวบ้าน คือ
1. ไม่ต้องรอนาน ได้รับปริญญาก่อนเพือนในภาค
2. ได้คำเยินยอ เวลาเล่า เรื่องอดีต ว่ามึงจบเกียรตินิยม
3. การทำงาน ตอนเริ่มอาจช่วยได้นิดหน่อย แต่แล้วแต่สายงาน แล้วแต่องค์กร คนเกรดเยอะไม่ใช่คนเก่ง แต่เป็นคนขยันตอนเรียน แต่คนเกรดน้อยอาจมาขยันตอนทำงานก็ได้ แต่เคยรับคนเกรดเยอะมาทำงานแต่ไม่ขยันก็มี

รพ.แห่งหนึ่ง เป็น รพ.เอกชนในกรุงเทพ รับเฉพาะคนที่ได้เกียรตินิยม และให้ค่าเกียรตินิยม 5,000 บาทต่อเดือน
-เขาให้เหตุผลว่า คนที่ได้เกียรตินิยมนั่นการันตีคุณภาพ คุณไม่ต้องไปเฟ้นคัดอะไรมาก จ่ายมากกว่าหน่อยเพื่องานที่คุ้มค่า ไม่เหมือนเอาพวกกากๆมาต้องเสียทรัพยากรในการฝึก ได้ไม่คุ้มเสีย กว่าจะได้งานอีก

รพ.นพรัตน์ ให้ค่าเกียรตินิยมเหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าให้เท่าไหร่

มหาลัยไหนเนี่ยได้ D ไม่ได้เกียรตินิยม

จุฬา ได้ D ยังได้เกียรตินิยมนะ

แต่ผมไม่มี D นะ ได้เกียรตินิยมอันดับ 1

D วิชาไรอะ

3.60 ดีกว่า

เพราะเค้าคัดจากเกรดมาก่อน

เค้ามีแต่ให้กรอกเกรดนะ ไม่มีให้กรอกว่าได้เกียรตินิยมเท่าไหร่

มันแล้วแต่ว่ามองเป้าหมายตัวเองเป็นยังไง สำหรับผม ผมอยากได้เกียรตินิยมอันดับ 2 มากกว่าอันดับ 1

เพราะไม่อยากใช้ชีวิตบนความคาดหวังคนอื่น เลยเทโอกาสได้เกียรตินิยมอันดับ 1 เทอมท้าย

เกรดมีผลกับการสมัครงานครับ แต่ถ้าจะสอบราชการก็ไม่สำคัญเท่าไหร่

มศว ได้ D ไม่ได้เกียรตินิยมครับ ไม่รู้สมัยนี้ปรับรึยัง

เวลาสัมภาษณ์เด็กเข้าทำงาน การบุคคลคัดเด็กเกรดเกิน 2.7 มาให้แล้ว ผมมักจะตีค่าทุกคนว่าเก่งเท่าๆ กัน ก็จะเน้นเลือกคนที่คุยรู้เรื่อง ทัศนคติดี คิดบวก เด็กที่เกรดสูงมากมักป็นเด็กเอาแต่เรียน ไม่ทำกิจกรรมเลย ก็ต้องพยายามสังเกตว่าถ้ารับมาทำงานแล้วจะมีปัญหาการเข้าร่วมกลุ่มหรือเปล่า ขณะที่เด็กเกรดต่ำแต่กิจกรรมโชกโชน พวกนี้ผมให้น้ำหนักมากกว่า
เกรดจะดูแว๊บๆ เกรด 3.6 แต่มี D มานี่ต้องถามแน่ว่าทำไม ถามาไปถามมาจะมีอะไรโผล่มาเรื่อยๆ ถึงขั้นรับไม่ได้เลยก็มี เทียบกับคนเกรด 3.0 แต่ไม่มี D จะไม่สะดุดใจ ปัญหาจะน้อยกว่า

สมัยผมนี่พวกเก่งสุดโต่งปัจจุบันเป็นอาจารย์กันหมด พวกตัวรองท๊อปมาอยู่กันตามโรงงานเป็นพนักงานบริษัท พวกเกรดต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เรียนไม่สนแต่ทำกิจกรรมทุ่มสุดตัว เป็นเจ้าของกิจการ, นักบิน (ไม่รู้ไปสอบข้อเขียนผ่านได้ไง)

ผมว่า 3.6 น่าจะภาษีดีกว่านะครับเท่าที่เรียนมหาลัยมาคนที่ได้ 3.6 กับ 3.25 ระดับมันต่างกันอยู่นะครับ เทียบวันพีชก็เหมือน จักรพรรดิกับโนว่าอ่ะ 3.6 นี่คือต้องเก่งจริงๆนะถึงจะไประดับนั้นได้ถึงจะมี D ก็เถอะมันก็แค่ D อ่ะครับแต่ทั้งนี้ก็คงต้องดูด้วยแหล่ะว่าทำไมติด D และ D วิชาอะไร

ถ้ามาจากที่เดียวกันผมต้องดูอ่ะว่า ไอ้คน3.60 แล้วได้ D มาเนี่ย
มันวิชาอะไร ถ้าวิชาหลักเลยก็ไม่ไหว ถ้าD วิชาเลือกอื่นๆ ก็โอเค