Doctor Strange (จอมเวทย์มหากาฬ)

เปิดตัวฮีโร่คนใหม่ของมาร์เวล ดร. สตีเฟน สเตรนจ์ ศัลยแพทย์ประสาทฝีมือเทวดา แต่เต็มไปด้วยความหยิ่งยโส โอหัง อีโก้สูงปรี๊ด กลับประสบอุบัติเหตุจนมือทั้งสองข้างไม่สามารถใช้การเป็นปกติได้ หลังจากพยายามรักษาด้วยแพทย์แผนตะวันตกไม่สำเร็จ จึงได้ดั้นด้นมารักษาถึงดินแดนตะวันออกที่จะเปลี่ยนชีวิตเค้าไปตลอดกาล...
**
หนังยังคงเดินตามสูตรสำเร็จมาร์เวล เริ่มจากปูพื้นของตัวละครให้คนดูได้รู้จักซึ่งหนังให้เวลาตรงนี้พอสมควร แต่ส่วนตัวก็คิดว่ายังน้อยไปที่จะทำให้คนดูเชื่อว่าหมอจะเก่งขึ้นได้แบบพรวดพราดในเวลาสั้นๆ ตลอดทางหนังไม่ลืมที่จะหยอดมุกตลกตามสไตล์ แม้ไม่ได้ฮาแตก แต่ก็ไม่ถึงกะแป้ก
**
ทีมนักแสดงคือจุดแข็งของมาร์เวลเสมอ เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบทช์ พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าไม่ว่าจะบทแบบไหนเค้าก็เอาอยู่ทุกบท ยิ่งไว้หนวดเครา ตัดผม ย้อมขาว ดูยังไงก็ ดร.สเตรนจ์ หลุดมาจากคอมิกชัดๆ นี่รอดูเลยว่าตอนเข้าฉากปะทะคารมกับอีตาโทนี่จะมันส์ขนาดไหนเพราะเกรียนพอกัน(ฮา) อีกคนที่ยกระดับให้หนังได้มากคือ ทิลด้า สวินตัน ที่รับบท The Ancient One ข่มนักแสดงทุกคนในฉาก ดูมีบารมี น่าเกรงขามแต่ก็เปี่ยมเมตตา ส่วนนักแสดงสมทบคนอื่นก็โดดเด่นในซีนของตัวเอง
**
จุดที่ดีงามพระรามแปดมากๆ ของเรื่องนี้ก็หนีไม่พ้น วิชวลเอฟเฟ็กต์ ฉากการร่ายเวทย์ที่โคตรเท่ วงแหวนเวทย์สวยงาม แล้วฉากมิติบิดเบี้ยวมันล้ำยิ่งไปกว่า Inception ซ้อน Inception อีก คือสร้างโจทย์ยากให้ค่ายอื่นต้องวิ่งตามกันเหนื่อยล่ะ
แต่...ข้อเสียก็มีอยู่ บทเล่าเรื่องง่ายๆ เป็นเส้นตรงไม่มีหักมุม บางฉากไม่สามารถโน้มน้าวให้คนดูเชื่อได้ว่ามันควรจะเป็นแบบนั้น และจุดตายของ มาร์เวล(แทบ)ทุกเรื่องคือ ตัวร้ายที่ขี้ง่ายถ่ายสะดวก เพราะ "กากมาก" ถึงเรื่องนี้อาจจะไม่ได้แย่ขนาด อัลตรอน, มาเลคิธ หรือ โรนัน แต่ก็ใช้งานได้ไม่คุ้มเท่าไหร่
**
ก็เป็นหนังที่พลิกโฉมหน้าของมาร์เวลจากที่สู้กันมาด้วยวิทยาศาสตร์ 2 เฟสแรก มาเปิดโลกแห่งเวทย์มนตร์ในเฟส 3 นี้ได้แบบไม่ขัดเขิน จากมาตรฐานที่ทำไว้ได้ดีในเรื่องนี้คงสร้างฐานแฟนๆของหมอแปลกได้มากขึ้นอีกเยอะ...

ปล. หนังมี End Credit 2 ตัว
**********************************************
จริงๆไม่ชอบให้คะแนนหนัง แต่เดี๋ยวท่าน Barcelonistu คงจะถามเพื่อไปสรุปคะแนนหนังน่าดู ให้ไป 8/10 ละกันครับ

ดีกว่ากัปตันมั้ยครับ

ก็เล่นเอาตัวกีกี้ในคอมมิคมาเป็นบอสมันจะไม่ง่ายได้ไงครับ ส่วนตัวผมชอบนะที่มาร์เวลคุมสเกลพลังในระดับนี้ ไม่งั้นออกนอกนอกจักรวาลแน่

ไปดูมาเมื่อวาน ผมว่าห่วย
ฉากต่อสู้แม่งห่วยแตกไม่มีอะไรเลย กุนึกว่าเล่นไล่จับกัน วิ่งโชว์ CG หมุนตึกอย่างเดียว
Harry Potter ยังสู้กันได้สนุกกว่าอ่ะ

เนื้อเรื่องตรงไปตรงมาจริงๆ สมกับเป็นหนักเด็กๆ



แต่ VFX เจ๋งจริงๆ ยอมใจคนคิดและคนทำ

ผมชอบนะ เรื่องนี้

จากจุดนี้ไป เป็นเรื่องของพลัง ของจินตนาการละ

ทำได้ดีกว่าที่คิด ในแง่ของเรื่องเก่าๆ ที่อิงวิทย์เป็นหลัก เน้นสมจริง
จากนี้ จะมีเนื้อหา เข้าใกล้ COmmics มากขึ้น

หนัง ไม่ซับซ้อน

สำหรับคนที่อยากคิดไปตามหนัง อยากเห็นจุดหักมุม จะผิดหวัง
สำหรับคนที่ ดูเรื่อยๆ ติดตามตัวละครไปเฉยๆ อาจจะชอบ

คนที่ดูด้วยความ ไม่รู้ จะรีวิวแบบนึง ดูด้วยความพร้อม จะรีวิวแบบนึง เอาเหอะๆ นานาจิตตังล้วนๆ

ผมว่าแบบนี้แระดี ภาคต่อจะได้ไม่กดดันมาก ค่อยๆ ทำให้อลังการขึ้นเรื่อยๆ

บางเรื่องภาคแรกมาอย่างอลัง ยิ่งทำภาคต่อเรื่อยๆ ยิ่งหมดมุก

ดูมา 2 รอบ รอบแรกดูโรง 2d ธรรมดา ถือว่าไม่ถึงที่คาดหวังไว้ แต่ก็รับได้ ไม่ได้อิ่ม แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ประกอบกับเป็นภาคแรก ที่มาแบบปูพื้นให้ตัวละครต่างๆ มากไปหน่อย เลยทำให้เดินเรื่องได้ไม่เต็มที่เท่านั้นเอง

รอบ 2 ดู 4Dx บอกเลยว่า สุดตรีนนนน เป็นหลังที่ทำมาเพื่อ 4Dx ชัดๆ ทั้ง VFX ในฉากต่างๆ กลิ่นควันรถ กลิ่นธรรมชาติ แสงสีต่างๆ แม้กระทั่ง ละอองหิมะ! นี่คือสุดจริงๆ คือทำให้ลืมข้อด้อยเรื่องบทไปเลยทีเดียว

สรุปคือ 2D ให้ผ่านแบบเฉียดฉิว ส่วน 4Dx 4 ผ่าน พร้อม Gold Buzzer เลย

ผมก็พึ่งไปดูมา สนุกระดับนึงนะครับ แต่เรื่องนี้ผมขัดใจดนตรีประกอบมากๆ ไม่รู้ใครคิดเหมือนผมไหม 555+

หนังมาร์เวลเรื่องนี้เป็นหนังที่ใช้นักแสดงค่อนข้างประหยัดนะครับ เมื่อเทียบกับเรื่องก่อนๆ
มีกันอยู่ไม่กี่คน

กัปตันอเมริกา เป็นหนังฮีโร่ที่ผมชอบสุดในมาร์เวลนะ รองลงมาก็ Antman, Ironman1, GoTG
ส่วนตัวให้สูสีกับ Ironman1

หมอบอก เด่วรอกูใน Infinity War จะร่ายเมเทโอใส่ธานอสเลย