: 0 ใบ
: 0 ใบ
จากประตูของ เจฟ เฮิตซ์ ด้านขวา ซึ่งเถียงกันเป็นร้อยปีก็ไม่มีทางจบ ว่าเข้าประตูไปหรือยัง แม้แต่ผู้ตัดสินชาวสวิตเซอร์แลนด์ ก๊อตฟรีด ดีนส์ ก็ยังไม่มั่นใจจนกระทั่งหันไปส่งสัญญาณภาษามือกับผู้ช่วยผู้ตัดสิน ทอฟิค บาร์ฮามอฟ ชาวรัสเซีย (ซึ่งสื่อสารกันไม่รู้เรื่องเนื่องจากไม่มีภาษากลางให้ใช้) ซึ่งผู้ช่วยผู้ตัดสินรายนี้ท่าทางจะมั่นใจเอามากๆ ทำให้ ก๊อตฟรีด เป่าให้เป็นประตูกับทางอังกฤษ ซึ่งฉลองกับประตูไปก่อนหน้านี้แล้ว เล่นเอาทางเยอรมันนั้นพยายามประท้วงกันเสียใหญ่ แต่ไร้ผลหลัง ก๊อตฟรีด ปฏิเสธที่จะกลับคำตัดสิน นั่นทำให้ ทอฟิค ผู้ช่วยผู้ตัดสินรายนั้นได้ถูกจดจำไปอีกนานแสนนาน อย่างไรก็ตาม เฮิตซ์ก็มาซัดประตูที่สามเป็นแฮตทริกให้กับตนเอง ส่ง อังกฤษ เป็นแชมป์โลกในที่สุด ทำให้เยอรมันเจ็บแค้นไปอีกนานแสนนานกับการตัดสินประตูปริศนาเช่นนี้ ดาวเตะเยอรมันในยุคนั้นก็เช่น ไกเซอร์ฟรานซ์ เบคเค่นบาวเออร์ หรือ คาร์ล-ไฮนซ์ ชเนลลินเกอร์ เป็นต้น
เหตุการณ์แบบเดียวกันวนมาเกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลอังกฤษอีกครั้ง ภายหลังการแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก ในฤดูกาล 2004-05 เป็นการแข่งขันฟุตบอลระหว่าง ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในภาพเป็นการอยู่ห่างประตูมากเกินไปของ รอย แครอล นั่นทำให้ถูก เปรโด เมนเดส มิดฟิลด์ชาวโปรตุกีสซัดไกลแล้วบอลเข้าประตูไป แม้ว่า รอย แครอล พยายามจะชกออกมาก็ตาม นั่นทำให้ฝ่ายสเปอร์สประท้วงเอาประตูกันใหญ่ แต่ผู้ตัดสิน มาร์ค แคล็ตแทนเบิร์ก ปฏิเสธให้ประตู ซึ่งน่าตกใจเป็นอย่างยิ่งว่า ทั้งไลน์แมน และผู้ตัดสินไม่มีใครเห็นเลยว่าลูกฟุตบอลเข้าประตูไปหรือยัง ซึ่งในเวลานั้น BBC Sport ได้จัดให้มีการโหวตว่าควรหรือยังในการนำวิดิโอมาใช้ในการแข่งขัน ซึ่งมีผู้เห็นด้วยถึง 85% เลยทีเดียว แน่นอนประธาน เซปป์ แพล็ตเตอร์ย่อมเห็นด้วยและเริ่มทำการทดลองในฟุตบอลโลก U17 เมื่อปี 2005 และ 2007 แต่เนื่องจากประธานฟีฟ่าเห็นว่า "แม่นยำแค่ 95% เท่านั้น" จึงถูกยกเลิกไป
เหตุการณ์เช่นนี้ยังรังควานวงการฟุตบอลอังกฤษไม่เลิก การแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน เกมส์ที่อังกฤษพบกับทีมชาติเยอรมัน นาทีที่ 39 แฟรงค์ แลมพาร์ด ยิงไกลจากนอกกรอบเขตโทษไปชนคาน แล้วกระเด้งเข้าประตู หมดปัญญาที่ มานูเอล นอยเออร์ นายประตูชาวเยอรมันจะเซฟได้ แต่โชคเข้าข้าง บอลนั้นดูเหมือนจะยังไม่ข้ามเส้น นั่นทำให้ นอยเออร์ รีบไปคว้าลูกฟุตบอลออกมาในทันที อังกฤษพยายามประท้วงเอาประตู แต่เช่นเคย ผู้ตัดสินชาวชาวอุรุกวัย ยอร์เก้ ลาร์ริออนด้า ปฏิเสธให้ประตูอีกครั้ง เมื่อดูจากภาพช้า พบว่าบอลนั้นข้ามเส้นไปแล้วอย่างแน่นอน นับเป็นความผิดพลาดอีกครั้ง ส่งผลทำให้ เยอรมัน ถล่มอังกฤษเละเทะ 4-1 ตกรอบฟุตบอลโลกไปอย่างน่าเสียดาย บางคนอาจกล่าวการกระทำครั้งนี้ว่าเป็นการแก้แค้นอังกฤษ ที่ทำให้พวกเขาชวดแชมป์ฟุตบอลโลก 1966 เพราะปัญหาลูกข้ามเส้นเช่นเดียวกัน
ปัญหาบอลข้ามเส้นนี้ยังตามมารังควานอังกฤษถึงฟุตบอลยูโร 2012 นัดสุดท้ายในรอบแบ่งกลุ่มนั้น เป็นเกมส์ระหว่างอังกฤษ พบ ยูเครน ขณะนั้นอังกฤษขึ้นนำ 1-0 จากเวยน์ รูนี่ย์ จากนั้นยูเครนมีโอกาสยิงแต่โดนเคลียร์จากเส้น แม้ว่าจะเป็นลูกล้ำหน้าก็ตามแต่หากผู้ช่วยผู้ตัดสินไม่เห็นนั้น มีโอกาสเหลือเกินที่จะเป็นประตูเนื่องจากบอลได้ข้ามเส้นไปเรียบร้อย นั่นทำให้ยูฟ่า และหัวหน้าการตัดสิน เพียร์ลุยจิ คอร์ลิน่า ยอรับความผิดพลาดและชี้ว่ายูเครนควรได้ประตู ประธานฟีฟ่า เซปป์ เพลตเตอร์ จึงได้บอกว่าการใช้เทคโนโลยีเข้าตัดสินฟุตบอลนั้น "เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้"
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
: 0 ใบ