บทความเวิ่นเว้อจากเด็กหงส์คนนึง
จริงๆมันก็ไม่ใช่บทความหรอกครับ ไม่ได้มีสาระอะไรเลย ถ้าท่านมีธุระต้องทำก็ไม่ต้องอ่านนะครับ เสียเวลาเปล่าๆ แต่ขออนุญาตระบายหน่อยละกัน เก็บไว้ไม่อยู่แล้ว
เชียร์หงส์มาก็นาน แต่ละยุคอารมณ์ก็จะต่างกันไป ที่ผมพยายามจะไล่ไปทีละยุค เผื่อหลายคนจะได้เข้าใจความรู้สึกของแฟนบอลที่ทนเชียร์ทีมตัวเองมา 20 กว่าปี ทั้งที่ไม่เคยได้แชมป์ลีกเลย
ยุคซูเนสส์ เห็นความพังพินาศของทีมที่เคยยิ่งใหญ่ ถึงจะยังดูบอลไม่ค่อยเป็น แต่ก็รู้สึกได้ว่าทีมกำลังไปผิดทาง
ยุคอีแวนส์ สนุกสนานกับเกมรุก แบ็กเติมอย่างมัน รวมกับสีสันของสไปซ์บอย ก็เป็นช่วงที่มีความสุขดี
แต่ความไม่สม่ำเสมอ ทำให้หงส์เป็นได้แค่ตัวประกอบ ไม่เคยเป็นผู้ท้าชิงได้เลย กองเชียร์ก็เชียร์ไปเรื่อยๆ กับฝันลมๆแล้งๆ
ยุคอุลลิเย่ร์ ทรงบอลก็ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้น แต่ละปีก็จะมีสเต็ปเชียร์ซ้ำๆ
ก่อนเปิดฤดูกาลก็จะมีความหวัง ยิ่งเวลาผ่านไป ความหวังก็ริบหรี่ลงเรื่อยๆ
ดีหน่อยที่ช่วงนั้นเป็นเซียนบอลถ้วย แล้วก็มีสตาร์เกิดขึ้นเรื่อยๆ โอเว่น เจอร์ราร์ด ฮูเปีย
ยิ่งตอนที่ได้แฮรี่ คีลล์เข้ามาเสริมทีม ช่วงนั้นตื่นเต้นมาก เป็นจุดกำเนิดของคำว่า "จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย"
(หลังจากนั้นก็มีชิ้นสุดท้ายเข้ามาร่วมทีมอีกหลายชิ้น...)
ยุคราฟา มาพร้อมความหวังว่า กุนซือคนนี้แหละดูดีที่สุดในรอบเกือบ 20 ปี น่าจะพาหงส์กลับไปอยู่ในจุดสูงสุดได้เสียที
แล้วก็เหมือนปาฏิหาริย์ ปีแรกกับแชมป์ UCL หัวใจพองโต ความฝันใกล้เป็นจริง
ทุกปี อันดับของทีมจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ปีละอันดับ จนไปพีคปีที่เบียดกับแมนยู แล้วไปจบที่รองแชมป์
นักเตะเกรดเอเต็มทีม แผงมิดฟิลด์ที่เอาไปแข่งกับบาร์ซ่า มาดริดได้เลย
แต่ก็ไม่รู้ทำไม ถึงผลงานจะดี แต่ทรงบอลผมกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่บอลแบบที่อยากเห็น
ยิ่งนับวันแท็กติกของราฟาก็เริ่มแปลกประหลาดมากขึ้นเรื่อยๆ ดูไปก็อึดอัดไป
ยุคที่ความฝันใกล้จะเป็นจริงก็มาจบในปีต่อมา กับผลงานอันดับ 7 ในลีก จบฤดูกาล
ราฟาแยกทางกับลิเวอร์พูล ทุกอย่างจบสิ้น ต้องเริ่มใหม่อีกแล้ว.....
ยุคทาถู ตอนเข้ามาผมก็ไม่ได้หวังอะไรมากนัก อาจดีหน่อยที่ได้โจ โคลเข้ามาเสริมทีม
เพราะหงส์แดงยุคก่อนไม่ค่อยมีนักเตะเทคนิคดีๆ ประเภทนี้มากนัก
นัดแรกผ่านไป 3 นัดผ่านไป 7 นัดผ่านไป.... นี่มันบอลอะไรวะ โคตรจะไม่มีทรง ไม่ทันไร สโมสรก็แยกทางกับทาถู
ผลงานในสนามว่าแย่แล้ว ผลงานนอกสนามน่าปวดหัวยิ่งกว่า สโมสรติดหนี้ก้อนโต
ต่อสู้กันอยู่นาน เดอะค็อปทั่วโลกพร้อมใจกันส่งเสียงขับไล่สองปลิงมะกัน
ผมเองก็ถือป้าย get out ถ่ายรูปส่งไปร่วมกับเค้าด้วย ลุ้นกันอยู่นาน
เพราะปลิงมันเกาะไม่ยอมปล่อยเลยทีเดียว แต่สุดท้ายก็ผ่านมาจนได้... เริ่มต้นกันใหม่อีกรอบ
ยุคคิงเคนนี่ ยุค FSG คิงเคนนี่ยอมเอาตัวเข้ามาเสี่ยงรับเผือกร้อนประคองทีมไปจนจบฤดูกาล
ทรงบอลดูดีขึ้น ความที่เป็นตำนานของทีม ทำให้บรรยากาศในทีมดีขึ้นทันที
จริงๆ ผมก็ชอบนะ บอลสไตล์เคนนี่ pass&move ประสิทธิภาพดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่ก็เล่นบอลกันสนุกดี
อย่างที่ตอนนั้นมีหลายคนปรามาสว่าเคนนี่เป็นกุนซือหลงยุค ผมก็ค่อนข้างเห็นด้วย
ถ้าจะให้ทีมก้าวต่อไปข้างหน้าได้ ทีมก็ควรจะต้องมีกุนซือที่มีปรัชญาที่ทันสมัยกว่านี้
คิงเคนนี่ก็ยอมถอยตัวเองออกมาจากตำแหน่ง ทั้งที่ตัวแกเองก็คงอยากจะคุมต่อ
จนมาถึงยุคปัจจุบัน มาถึงตอนนี้ ผ่านมาปีครึ่ง อยากบอกว่า BR เป็นกุนซือหงส์ที่ผมชอบมากที่สุดตั้งแต่ดูคิงเคนนี่ยุคแรกมา
ไม่ได้เพิ่งมาชอบ แต่ชอบตั้งแต่ตอนที่มีข่าวว่า BR เอาเอกสารหนาหลายร้อยหน้าเข้าไปคุยกับ FSG เพื่ออธิบายแนวทางการทำทีมของเขา
แล้วที่ผ่านมา ผมว่า BR เค้าก็พัฒนาตัวเองอยู่ตลอด ระบบทีมถูกปรับมานับครั้งไม่ถ้วน เพื่อให้เข้ากับนักเตะที่ทีมมีอยู่
คือแทนที่ BR จะเรียกร้องว่าอยากได้นักเตะเกรดเอคนนู้นคนนี้ แต่ไม่ใช่เลย แกเลือกที่จะปรับแท็กติกให้เข้ากับทรัพยากรที่ตัวเองมีอยู่มากกว่า
จนตอนนี้ สิ่งที่ BR ใช้เวลาปรับมาปีกว่า เริ่มลงตัว ฟุตบอลที่มีปรัชญาชัดเจนว่าเกมรุกต้องมาก่อน
ปีนี้ดูหงส์แล้ว แทบจะไม่มีนัดไหนที่ทำให้หงุดหงิด คือ ผลออกมาเป็นยังไง แพ้ชนะ ก็ยังรู้สึกมีความสุขอยู่ดี
รู้สึกภูมิใจว่า ทีมที่เราเชียร์มันเล่นบอลกันมันจริงๆ เป็นฟุตบอลแบบที่ผมรอมา 20 กว่าปี (ไม่คิดว่าจะได้เห็นด้วยซ้ำ)
ถึงตรงนี้ จบฤดูกาลผลจะเป็นยังไง จะติด top4 หรือเลยไปถึงได้แชมป์ หรือแม้แต่หลุด top4
ผมก็มีความรู้สึกเดียว คืือ โคตรรักทีมตัวเอง โคตรรักผจก.ทีม แล้วก็โคตรรักนักเตะในทีม
จบเกม อาจจะมีด่าบ้างบางคน อย่าง GJ หรืออาลี แต่ยังไงก็รักอยู่ดี
พวกนายทำให้แฟนบอลมีความสุขมากเลยว่ะ เอาใจเราไปเลย
ปล. พิมพ์มาโคตรยาว ไม่มีสาระอะไรหรอกครับ ถ้าขี้เกียจก็ไม่ต้องอ่านก็ได้ แค่อยากบอกว่า
"รู้สึกภูมิใจมากที่เชียร์ลิเวอร์พูล"
แค่นี้แหละครับ