แสดงความเห็น
1, 2, 3 ... 13, 14, 15
ไปที่หน้า
GO
ชมรมคลังความรู้ นิยาย-ประวัติศาสตร์ ต่างๆ
สมาชิก 93 คน, จำนวนคอมเมนต์ 220
Description
ให้ข้อมูลด้านนิยายเทพเจ้ากรีก - โรมัน หรือประเทศต่างๆ และให้ข้อมูลด้านประวัติศาสตร์เรื่องเล่าต่างๆของทุกมุมโลก ซึ่งเป็นชมรมที่ให้สาระแก่เพื่อนชาว SS โดยเพื่อนชาว SS สามารถเสนอหรือบอกกล่าวว่าอยากได้ข้อมูลของประเทศนั้นประวัติของบุคคลสำคัญท่านต่างๆได้ โดยจะมีทีมงานหาข้อมูลโดย จะมี ผม 1.Falcon_Pee V0.1 , 2.ท่านพริกหวาน ,3.ท่านmubmibkung เป็นคนหาข้อมูลมาให้เพื่อนๆได้อ่านกันคับ ขอฝากชมรมน้องใหม่ด้วยน่ะคับผม

ระเบียบการชมรม

  • สมาชิกที่ต้องการเข้าร่วมชมรมให้กดปุ่ม join ที่อยู่ด้านบนของกระทู้
  • สมาชิกที่เข้าร่วมชมรมเสีย 10 แผล่บครั้งเดียวถาวร(หัวหน้าไม่เสีย)
  • สมาชิกที่เข้าร่วมแล้วเสีย 10 แผล่บจะได้รับการคืนหากหัวหน้ากดปฏิเสธไม่ให้ร่วมกลุ่ม
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
แข้งลีกเอิง
Status:
เข้าร่วม: 07 Sep 2013
ตอบ: 27975
ที่อยู่: District 9
โพสเมื่อ: Wed Feb 05, 2014 22:04
สมาชิกใหม่ รายงานตัว ครับ ขอเข้าร่ว ม ชมรม ครับ
Request เรื่อง แอตแลนติส อาณาจักรที่สาบสูญ
นะครัช แหม่



แก้ไขล่าสุดโดย เอ็นโซ่ เฟอร์นานเดซ เมื่อ Wed Feb 05, 2014 22:27, ทั้งหมด 1 ครั้ง
My Locker
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:
เข้าร่วม: 03 Nov 2010
ตอบ: 5811 (บอร์ดเก่า 2265)
ที่อยู่: ณ เวลาที่หิมะไม่ตกในประเทศไทย
โพสเมื่อ: Wed Feb 05, 2014 22:28
This-Is-Us พิมพ์ว่า:
สมาชิกใหม่ รายงานตัว ครับ ขอเข้าร่ว ม ชมรม ครับ
Request เรื่อง แอตแลนติส อาณาจักรที่สาบสูญ
นะครัช แหม่



 


รับแซ่บขอครัช
Rain & man Utd


ชมรมคลังความรู้ประวัติศาสตร์ - นิยายทั่วทุกมุมโลก คับผม
http://www.soccersuck.com/clubs/detail/64

[url=https://img.soccersuck.com/image/XuxaK8]
My Locker
ออฟไลน์
แข้งลีกเอิง
Status:
เข้าร่วม: 07 Sep 2013
ตอบ: 27975
ที่อยู่: District 9
โพสเมื่อ: Thu Feb 06, 2014 04:09
Falcon_pee V 0.1 พิมพ์ว่า:
This-Is-Us พิมพ์ว่า:
สมาชิกใหม่ รายงานตัว ครับ ขอเข้าร่ว ม ชมรม ครับ
Request เรื่อง แอตแลนติส อาณาจักรที่สาบสูญ
นะครัช แหม่



 


รับแซ่บขอครัช  


ขอบใจ ครับ
My Locker
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
เข้าร่วม: 07 Sep 2013
ตอบ: 150
ที่อยู่: Anfield
โพสเมื่อ: Fri Feb 07, 2014 15:10
ผมสมาชิกใหม่ขอฝากตัวด้วยนะครับ ^^
My Locker
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
เข้าร่วม: 09 Jun 2009
ตอบ: 2007 (บอร์ดเก่า 860)
ที่อยู่: https://www.facebook.com/amornpod.hantragool
โพสเมื่อ: Tue Feb 11, 2014 16:27
สวัสครับผมชื่อตี๋นะครับ ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วย และขอขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆที่น่าสนใจนะครับ
My Locker
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
เข้าร่วม: 09 Jun 2009
ตอบ: 2007 (บอร์ดเก่า 860)
ที่อยู่: https://www.facebook.com/amornpod.hantragool
โพสเมื่อ: Tue Feb 11, 2014 16:58
จะว่าผมสนใจเรื่องประวัติศาสตร์จีนและชนเผ่ารอบๆนะครับ พวกกิมก๊ก แมนจู มองโกล พวกเหลียว(อันนี้ไม่แน่ใจเรียกงี๊เปล่าเคยเจอใน8เทพฯมังกรฟ้าน่ะแหะๆ) ถ้ามีก็รบกวนแนะนำมอบความรู้ด้วยนะครับ
My Locker
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
เข้าร่วม: 09 Jun 2009
ตอบ: 2007 (บอร์ดเก่า 860)
ที่อยู่: https://www.facebook.com/amornpod.hantragool
โพสเมื่อ: Tue Feb 11, 2014 17:15
22nd พิมพ์ว่า:
"ยอดคนต้องลิโป้ ยอดม้าต้องเซ็กเธาว์"




นักอ่านหลายๆท่านอาจจะได้ทราบแล้วว่า ฝีมือลิโป้นั้น ไม่เป็นสองรองใคร
เพียงแต่อาจเป็นเพราะความเขลาของลิโป้ (บ้างก็ว่าไม่ได้เป็นคนเขลาแต่เพราะเป็นคนใจร้อน ขาดสติ)จึงไม่สามารถทำการใหญ่ได้


ตัวละครลิโป้นั้นได้โผล่ครั้งแรกตอนต้นเรื่อง
ในขณะที่ตั๋งโต๊ะได้เรียกเหล่าขุนนางมาประชุมเพื่อดูความเกรงขามของอำนาจตน
ในที่ประชุมมิไม่ใครกล้าต่อต้านเลยซักคน คงมีแต่เต็งหงวนที่กล้าท้าทายอำนาจของตั๋งโต๊ะ



เนื่องจากเต็งหงวนนั้นมีลูกบุญธรรมชื่อลิโป้ ที่คอยติดตามเต็งหงวนตลอดเวลา
ลิยูสะดุดจากับลิโป้เข้าอย่างจัง เพราะลิโป้มีร่างกายสูงใหญ่ น่าเกรงขาม สมเป็นทหารเอก
ลิยูกลัวว่าลิโป้นั้นจะเป็นภัยต่อตน จึงได้เสนอแผนการแก่ตั๋งโต๊ะ ให้ซื้อลิโป้ด้วยม้าเซ็กเธาว์ เงินทอง ยศฐาบรรดาศักดิ์
ลิโป้เป็นคนโลภเมื่อเจอสิ่งดึงดูดใจ จึงยอมตัดคอเต็งหงวนผู้ซึ่งเป็นพ่อบุญธรรมของตน ไปสวามิภักดิ์ต่อตั๋งโต๊ะ และนับถือกันเป็นพ่อ-ลูก
*มีเรื่องที่ผมยังไม่แน่ใจคือ เดิมลิยูเป็นคนบ้านเดียวกันรู้จักกับลิโป้อยู่แล้ว จึงหว่านล้อมลิโป้ได้ไม่ยาก




เมื่อครั้งกองทัพ 18 หัวเมืองรวบรวมตัวกับต่อต้านตั๋งโต๊ะ ลิโป้จึงได้สู้กับ 3 พี่น้องแห่งสวนท้อ
เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย เข้ารุมลิโป้คนเดียว นับว่าลิโป้นั้นสุดยอดมากที่รับเมืองยอดฝีมือทั้ง 3 คนได้




ขุนนางอ้องอุ้นไม่พอใจในตัวทรราชตั๋งโต๊ะ จึงได้วางแผนผลาญความสำพันธ์ระหว่างลิโป้กับตั๋งโต๊ะด้วยอุบายนางงาม
โดยใช้แม่นางเตียวเสี้ยนผู้ที่มีโฉมงามคอยยุยงหว่านเสน่ห์ให้ลิโป้กับตั๋งโต๊ะแตกคอกัน
จนในที่สุดลิโป้ได้ฆ่าตั๋งโต๊ะซึ่งเป็นพ่อบุญธรรมคนที่สอง
*ว่ากันว่าแม่นางเตียวเสี้ยนนั้น ไม่ได้มีตัวตนอยู่ในประวัติศาสตร์จริง ลิโป้กับตั๋งโต๊ะ ผิดใจกันเอง
แต่ยังมีบางแหล่งบอกว่าเตียวเสี้ยนนั้นมีตัวตนจริง และไม่ได้อยู่ในอุบายของอ้องอุ้น เป็นแค่สาวรับใช้ในจวนของตั๋งโต๊ะ





ลิโป้ได้ไปเข้าร่วมกับอ้องอุ้น(หนึ่งในคนที่ลิโป้นับเป็นพ่อ)
แต่แล้วก็เสียทีให้แก่ลิฉุย กุยกี เตียวเจ หวนเตียว ที่เป็นลูกน้องเก่าของตั๋งโต๊ะ
จนลิโป้ต้องเร่ร่อนหนีไป จากนั้นก็ไปขอเข้ากับอ้วนสุด แต่อ้วนสุดไม่รับอยู่ด้วย ลิโป้จึงไปขออยู่ด้วยอ้วนเสี้ยว
แต่ลิโป้ก็กำเริบฆ่าทหารอ้วนเสี้ยวไปหลายคน อ้วนเสี้ยวจึงโกรธตามฆ่าลิโป้ ลิโป้จึงหนีไปอยู่กับเตียวเมี่ยว
จนได้พบกัยตันก๋ง ลิโป้ได้ยกทัพไปตีเมืองกุนจิ๋วที่โจโฉครองอยู่ทำให้โจโฉโกรธเป็นอันมาก ลิโป้จึงโดนโจโฉหมายหัว



ลิโป้เสียทีโจโฉจนต้องมาอาศัยกับเล่าปี่ เตียวหุยไม่ชอบใจลิโป้ ถึงลิโป้แม้จะเป็นคนเก่ง
แต่ก็เป็นคนหยาบช้า ขาดคุณธรรม และไร้สติปัญญา เป็นคนที่เลี้ยงไว้ไม่ได้
เป็นบุคคลที่เตียวหุยด่าว่าเป็น "ไอ้ลูกสามพ่อ"


ความดีงามสำคัญของลิโป้
คือ การเสี่ยงเกาทัณฑ์ห้ามทัพ ไม่ให้กองทัพของอ้วนสุด 50,000 นายที่นำมาโดยกิเหลง บุกตีเล่าปี่ที่เมืองชีจิ๋ว
โดยให้ทั้งสองฝ่ายตกลงยินยอมว่า หากลิโป้ยิงเกาทัณฑ์ในระยะ 5 เส้น (ประมาณ 200 เมตร) ถูกปลายทวน ก็ให้ถือว่าเป็นมติสวรรค์ ทั้งสองฝ่ายต้องเลิกรบกันไป
*เหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าลิโป้ได้ช่วยเล่าปี่ไว้ เพราะทัพของเล่าปี่ไม่สามารถต้านทัพของกิเหลงได้แน่นอน



จุดจบของลิโป้
โจโฉทดน้ำและเข้าล้อมเมืองแห้ฝือ ลิโป้ก็กลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ที่ลอยไปลอยมาอยู่เหนือปัญหา
ไร้ความรับผิดชอบ วัน ๆ เอาแต่เสพสุรา แล้วอ้างว่าจะกลัวอะไรกับน้ำท่วม ม้าเซ็กเธาว์มีกำลังมาก
ข้ามแม่น้ำได้ดั่งควบบนบก แล้วก็ผลักภาระให้เป็นหน้าที่ของทหารและพลเมือง
จุดจบของคนแบบลิโป้ ไม่ได้ตายเพราะไร้ฝีมือ แต่ตายเพราะ "ศรัทธาเสื่อม"
เขาตายเพราะคนสนิทมิตรสหายใกล้ตัว ถูกลูกน้องขโมยม้าเซ็กเธาว์กับทวนคู่ใจ แล้วจับเขามัดส่งให้กับโจโฉ ประหารชีวิต
*ตรงนี้มีบางแหล่งบอกไว้ว่า จริงๆแล้วลิโป้ยอมมอบตัวแก่โจโฉเอง ไม่ได้ถูกลูกน้องหักหลัง รักษาชีวิตลูกน้องเพื่อแลกกับหัวของตน



ถึงคราวประหารลิโป้ ลิโป้ขอลดตนสวามิภักดิ์ต่อโจโฉ ว่าอย่าประหารตนเลย เพราะตนสามารถเป็นกำลังให้โจโฉได้
ซึ่งขณะนั้นเล่าปี่ก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย โจโฉจึงถามเล่าปี่ว่ามีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง
เล่าปี่ตอบสั้นๆว่า "ท่านลืมเหตุกาณ์ของเต็งหงวนกับตั๋งโต๊ะแล้วหรือ?"(ทั้งสองเป็นพ่อบุญธรรมที่โดนลิโป้สังหารกับมือ)
โจโฉจึงตัดสินใจประหารลิโป้ดีกว่าจะเก็บไว้เป็นหอกข้างแคร่





ลิโป้โกรธเล่าปี่มาก เพราะตนเคยช่วยเล่าปี่จากเงื้อมมือของกิเหลงมาแล้ว แต่กลับสั่งให้โจโฉประหารตนซะ
ขณะที่ลิโป้ถูกทหารลากตัวไปได้แต่ร้องว่า "เล่าปี่คนทรยศ"






เครดิตเนื้อหา
http://isamkok.blogspot.com/2011/12/blog-post.html
http://samkok911.blogspot.com/2013/06/Among-Men-Taksin.html
เพิ่มเติมเสริมแต่งนิดหน่อย - 22nd-  


ได้ข้อมูลเพิ่มเติมกว่าที่เคยอ่านมาอีกขอบคุณมากครับ
My Locker
ออฟไลน์
แข้งลีกเอิง
Status:
เข้าร่วม: 07 Sep 2013
ตอบ: 27975
ที่อยู่: District 9
โพสเมื่อ: Fri Feb 14, 2014 16:30
นะครัส แหม่
My Locker
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
เข้าร่วม: 09 Apr 2010
ตอบ: 742 (บอร์ดเก่า 674)
ที่อยู่: I am not a royalist !
โพสเมื่อ: Sat Feb 15, 2014 07:57
ขอบคุณที่รับเข้าชมรมครับ ^^

ผมชอบเรื่องราวแนวนี้มานานมากแล้ว โดยเฉพาะเรื่องของศาสนจักรคาทอลิค และเรื่องเกี่ยวกับตำนานอสูรต่างๆ

My Locker
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status:
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 8033
ที่อยู่: Ok,bye!
โพสเมื่อ: Wed Feb 19, 2014 02:50
My Locker
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:
เข้าร่วม: 03 Nov 2010
ตอบ: 5811 (บอร์ดเก่า 2265)
ที่อยู่: ณ เวลาที่หิมะไม่ตกในประเทศไทย
โพสเมื่อ: Wed Feb 19, 2014 15:10
ขอบคุณคับที่สมาชิกมาเข้าร่วมชมรมเยอะขนาดนี้ ไม่ริดว่าจะมาไกลขนาดนี้ ขอบคณมากๆน่ะคับผม
Rain & man Utd


ชมรมคลังความรู้ประวัติศาสตร์ - นิยายทั่วทุกมุมโลก คับผม
http://www.soccersuck.com/clubs/detail/64

[url=https://img.soccersuck.com/image/XuxaK8]
My Locker
ออฟไลน์
แข้งลีกเอิง
Status:
เข้าร่วม: 07 Sep 2013
ตอบ: 27975
ที่อยู่: District 9
โพสเมื่อ: Sat Feb 22, 2014 04:39
เงียบเหงา เลยครับ เรื่อง ที่ Request 5555

My Locker
ออฟไลน์
นักเตะอบต.
Status:
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 3017
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Mar 28, 2014 21:13
น้องใหม่รายงานตัวฮะ สวัสดีทุกๆคนครับ
My Locker
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:
เข้าร่วม: 03 Nov 2010
ตอบ: 5811 (บอร์ดเก่า 2265)
ที่อยู่: ณ เวลาที่หิมะไม่ตกในประเทศไทย
โพสเมื่อ: Fri Mar 28, 2014 22:54
แอตแลนติส อาณาจักรเล้นลับที่สาบสูญ
แอตแลนติส (Atlantis) คืออาณาจักรโบราณที่อยู่ในความทรงจำของคนทั้งโลก ซึ่งผู้ที่สร้างตำนานอาณาจักรลึกลับนี้ คือ เพลโต นักปรัชญาชาวกรีกโบราณที่มีอิทธิพลอย่างสูงต่อแนวคิดตะวันตก กล่าวกันว่าอาณาจักรแอตแลนติส เป็นทวีป ๆ หนึ่งที่อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นที่อยู่อาศัยของพลเมืองผู้ทรงคุณธรรมและเทคโนโลยีที่สูงส่ง กำแพงเมืองเป็นทองคำและวิหารสร้างด้วยเงิน มีอุทยานหย่อนใจและสนามแข่งม้า ทว่ามันถูกทำลายพังพินาศด้วยความพิโรธของเทพเจ้าผู้เนรมิตรมันขึ้นมา

ที่มาของเรื่องแอตแลนติส คือ ข้อเขียนในรูปของบทสนทนาสองเรื่อง โดยพลาโต ( Plato : 427 ก่อน ค.ศ. - 347 ก่อน ค.ศ.) เรื่องหนึ่ง ชื่อ Timaeus อีกเรื่องหนึ่ง ชื่อ Critias ซึ่งสำหรับวงการวิทยาศาสตร์โดยทั่วไป เชื่อว่า แอตแลนติส เป็นเรื่องเล่าในรูปของนิยายวิทยาศาสตร์ มิใช่เรื่องจริง แต่คนเป็นจำนวนมากก็เชื่อว่า อาจจะเป็นเรื่องจริง และได้มีความพยายามค้นหาแอตแลนติสกันเรื่อยมา โดยพยายามตีความหมายตำแหน่งของแอตแลนติสว่า อยู่ที่ไหนกันแน่ เพราะพลาโต ระบุว่า แอตแลนติสได้ล่มจมหายไปแล้วในทะเล อยู่ห่างจาก "Pillars of Hercules" ( เสาหินเฮอร์คิวลีส ) ออกไป



คำทำนายเกี่ยวกับอาณาจักรแอตแลนติส ที่เชื่อกันว่าเป็นแหล่งอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในสมัยแรกของโลก
เอ็ดการ์ เคย์ซี ได้พยากรณ์ไว้ตอนหนึ่งว่า
...ทวีปแอตแลนติส เป็นทวีปที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีขนาดใหญ่กว่ายุโรปทั้งหมด รวมกับแผ่นดินรัสเซีย มีดินแดนต่อทอดไปทั่วโลก ชนชาติทีอาศัยอยู่บนทวีปแอตแลนติสเป็นชนชาติผิวแดงที่มีความเฉลียวฉลาดเป็นเลิศ ผู้คนทั่วไปมีประสิทธิภาพอย่างดียิ่ง มีความรู้ความสามารถในศาสตร์ต่าง ๆ ทั้งปวง รวมทั้งงานด้านประติมากรรม วิศวกรรมและสถาปัตยกรรมด้วย โดยเฉพาะความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์นั้น เคย์ซีได้บันทึกไว้เป็นคำพยากรณ์ในบทที่ 2794-L-1
โดยสรุปว่า ชาวแอตแลนติสมีความรู้ ความเจริญก้าวหน้าทางด้านเคมี ฟิสิกส์ และจิตวิทยามาก พวกเขารู้จักประดิษฐ์ไฟฟ้าใช้ รู้จักผลิตพลังปรมาณูจากยูเรเนียม รู้จักผลิตแสงเลเซอร์ ตลอดจนผลิต คลื่นวิทยุติดต่อกับดินแดนอื่นได้

สิ่งสำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ชาวแอตแลนติสสามารถผลิตพลังงาน มหาศาลจากพลึกมหัศจรรย์ชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถรวมเอาพลังธรรมชาติ ทั้งหมดที่มีอยู่ในโลกและจักรวาล เข้าด้วยกัน และเป็นที่น่าสังเกตว่าความสำเร็จในทางวิทยาศาสตร์ของชาวแอตแลนติสนั้น อาศัยพลังงาน แสงอาทิตย์เป็นสำคัญ วัฒนธรรมสูงส่งของชาวแอตแลนติสพัฒนาตลอดมา โดยมีความเกี่ยวพันทางศาสนา เริ่มตั้งแต่มีการทำพิธีบูชาพระอาทิตย์และเทพเจ้า วัฒนธรรมของอาณาจักรแอตแลนติสหายสาปสูญไปในที่สุด เมื่อเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ ดินแดนของมหาอาณาจักรเกิดสั่นสะเทือน และได้ถล่มทลายลงไปภายใต้ท้องทะเลเพียงชั่วคืนชั่ววัน

ใต้ทะเล ภายในชั่วคืนกับชั่ววัน ดังน้นเมื่อ ปี 9500 ก่อนคริสต์กาล ชาติแอตแลนติสก็หายไปจากโฉมหน้าของโลก

เคย์ซีกล่าวว่า วัฏจักรแห่งประวัติศาสตร์ มักจะหมุนเวียนกลับมาอีกเสมอ ดังนั้นวิญญาณของชาวแอตแลนติสย่อม
มีโอกาสกลับมาเกิดใหม่ได้อีก จากดินแดนหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง และจากทวีปหนึ่งไปยังอีกทวีปหนึ่งหรือจากเกาะหนึ่งไปยังเกาะอื่น ๆมหาอาณาจักรแอตแลนติสมีความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการเท่ากับโลกเราสมัยปัจจุบัน หรือบางอย่างมีความก้าวหน้า มากกว่า พวกเรารู้จักพัฒนา โดยนำเอาพลังงานอันมหาศาลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ในปัจจุบันเคย์ซีเชื่อว่า โลกเราได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างปัจจุบันทันด่วนที่ร้ายแรงที่สุดมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งอาจมีผลทำให้อาณานิคมหรือดินแดนบางส่วนของมหาอาณาจักรแอตแลนดิสโผล่ขึ้นมาให้ชาวโลกได้เห็นอีกก็เป็นได้ เช่น เมื่อปี 2483 เคย์ซีทำนายว่าพื้นที่บางส่วนทางด้านตะวันตกของแอตแลนติสจะโผล่ขึ้นมาใกล้ ๆบริเวณหมู่เกาะบาฮามาในช่วงระหว่าง พ.ศ.2511-2512 ปรากฏว่าคำทำนายของเคย์ซีได้กลายเป็นความจริงคือ ได้มีการค้นพบซากเมืองใต้บาดาลใกล้ ๆหมู่เกาะบาฮามา เรียงต่อกันอย่างประณีต ราวกับมีการใช้เทคโนโลยีทางวิศวกรรม และสถาปัตยกรรมชั้นสูง หินบางก้อนมีขนาดใหญ่ พอ ๆ กับขนาดรถบรรทุกเลยดีเดียว ลำพังจะใช้กำลังคนช่วยกันแบกหาม ขึ้นไปวางเรียงต่อกันก็คงจะไม่ทำได้เรียบร้อยและปราณีตเช่นนั้น เคย์ซียังทำนายต่อไปอีกว่าภัยพิบัติครั้งร้ายแรงที่เกิดขึ้น จนทำให้มหาอาณาจักรแอตแลนติส อันกว้างใหญ่ไพศาลถล่มทลายพังพินาศจมหายไปใต้ทะเลนั้น จะเกิดขึ้นอีกหลายแห่งในโลก


เคย์ซีกล่าวว่า
ในช่วงแรกสุดของโลกเรา เมื่อประมาณ 10 ล้านห้าแสนปีมาแล้ว มีอารยธรรมเกิดขึ้นแล้วเสื่อมสลายไปหลายครั้ง
ยุคเจริญรุ่งเรืองของอารยธรรมชาวแอตแลนติสอยู่ระหว่างช่วงนับจาก 200000 ลงมาจนถึงปี 10700 ก่อนคริสต์กาล คือนับตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 13000 ปี ถอยหลังเป็นต้นไปคือสรุปแล้ว จะมีอายุนานประมาณ 80000-900000 ปี
นี่ก็เป็นคำพยากรณ์บางส่วนของ เอ็ดการ์ เคย์ซี ที่ทำนายอดีตของโลกเราย้อนหลังไปหลายแสนหลายล้านปี ซึ่งความเป็นจริงในสิ่งที่เขาพยากรณ์ไว้นั้นต้องรอคอยให้นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ในโลกปัจจุบันพิสูจน์ให้เห็นเด่นชัดในอนาคต



อาณาจักรที่ล่มสลายไปในอดีตกาล ที่ซึ่งนักสำรวจทั่วโลกต่างให้ความสำคัญในการค้นหา จาก บทบันทึกของเพลโตได้กล่าวถึงดินแดนแห่งนี้ไว้ว่า เป็นอาณาจักรที่มีอารยธรรมรุ่งเรืองถึงขีดสุด แต่ได้ล่มสลายลง และถูกคลื่นยักษ์ กวาดกลืนจนไร้ร่องรอย แอตแลนติส (Atlantis) เป็นเรื่องราวที่ปรากฏอยู่ในงานเขียนของเพลโตชื่อทีมาอุส (Timaeus) และ ครีติอัส (Critias) ซึ่งเป็นบทสนทนาเกี่ยวกับสิ่งที่บรรพบุรุษของเพลโตเล่าต่อกันมาว่า แอตแลนติสเป็นชนชาติที่อยู่บนเกาะ ในช่วงระหว่าง 11,500 ปีที่แล้ว ซึ่งได้พัฒนาอารยธรรม จนเจริญก้าวหน้าไปมาก ส่วนสาเหตุที่ทำให้ดินแดนแห่งนี้ล่มสลายนั้นมีทั้งจากภัยธรรมชาติหรือ จากตำนานเทพเจ้ากรีกที่ระบุว่าชาวเมืองแอตแลนติสมีความละโมบ และกระหายอำนาจ เทพเจ้า จึงลงโทษด้วยการทำลายเมืองไปในที่สุด นอกจากนี้ยังมีผู้สงสัยว่า แอตแลนติสที่แท้จริงอาจเป็น เพียงแค่จินตนาการของเพลโตก็เป็นได้



แต่จากความรุ่งเรืองของอารยธรรมแห่งนี้ จึงเป็นมนเสน่ห์ดึงดูดให้ทั้งนักประวัติศาสตร์และนัก สำรวจพยายามค้นหาที่ตั้งของแอตแลนติส จากที่เพลโตได้เขียนไว้ว่า แอตแลนติสตั้งอยู่เลยเสา หินแห่งเฮอร์คิวลีส (Pillars of Hercules) ออกไป ซึ่งในปัจจุบัน คือ ช่องแคบยิบรอลตา (Gibraltar) ดังนั้นแอตแลนติส จึงควรอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก โดยน่าจะเป็นหมู่เกาะ อะซอเรส (Azores) หรือ มาดีราส (Madeiras) หรือ คานารีส (Canaries) แต่การศึกษา ทางโบราณคดีที่หมู่เกาะเหล่านี้ไม่ได้ให้หลักฐานใดๆ ว่าเคยเป็นอาณาจักรแอตแลนติส มาก่อน เมื่อไม่มีหลักฐานใดๆ ในแอตแลนติก ผู้คนที่ยังมีความศรัทธาในเรื่องของอาณาจักรแอตแลนติส ก็ได้หันมาพิจารณาคำของเพลโต ที่ว่า พิลาร์ ออฟ เฮอร์คิวลีส นั้นจริงๆ แล้ว เพลโตน่าจะหมาย ถึงช่องแคบ ดาร์ดาแนลเลส (Dardanelles) ของทะเลดำ (Black Sea) มากกว่าช่องแคบ ยิบรอลตา ดังนั้นการค้นหาแอตแลนติสจึงได้ถูกย้ายจากมหาสมุทรแอตแลนติกมากระทำในแถบ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean) แทน





โรเบิร์ต ซาร์แมสต์ (Robert Sarmast) นักวิจัยจากสหรัฐฯ ค้นพบว่าแอ่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean) ได้จมลงไปขณะน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อประมาณ 1,900 ปีก่อนคริตกาล จึง สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นบริเวณซึ่งเป็นที่ตั้งของแอตแลนติส โดยบริเวณนี้จมลึกลงไปถึง 1 ไมล์ใต้ ้ทะเลระหว่างไซปรัส (Cyprus) และซีเรีย (Syria) จากการสแกนฟังเสียงสะท้อนใต้น้ำลึก แสดงว่ามีสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นบริเวณหุบเขาที่จมน้ำ รวมถึงกำแพงที่ยาวประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งกั้นอยู่บนยอดเขาและมีคูลึกล้อมรอบอยู่ด้วย เชื่อว่าพื้นที่ดังกล่าวน่าจะเป็นตำแหน่งของวิหาร แห่งเมืองแอตแลนติส

แต่การค้นพบของซาร์แมสต์ ก็ถูกโต้แย้งโดย คริสเตียน ฮูบเชอร์ (Christian Huebscher) นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน ฮูบเชอร์กล่าวว่า พื้นที่ที่ซาร์แมสต์พบนั้นเป็นปรากฏการณ์เมื่อ 10,000 ปี ีที่แล้ว ที่ภูเขาไฟได้พ่นดินโคลนออกมา

ก่อนหน้านี้นักสำรวจได้พุ่งเป้าที่ชายฝั่งของสเปน คิวบา และทางตะวันตกของเกาะอังกฤษ ไม่เว้น แม้กระทั่งทะเลจีนใต้ โดยงานสำรวจที่เป็นชิ้นเป็นอันก่อนหน้านี้คือ ภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณ อุทยานแห่งชาติดอนานาของสเปน (Donana) จากนักโบราณคดี มหาวิทยาลัยเอดินเบอร์ก (University Edinburgh) ของอังกฤษ ซึ่งภาพดังกล่าวได้พบสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่รูปสี เหลี่ยม 2 หลังจมอยู่ในโคลนใต้ทะเล โดยพบโลหะที่มีรัศมีเป็นวงกลมและมีสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ล้อมรอบ ทีมวิจัยในครั้งนั้นเชื่อว่าสิ่งก่อสร้างทั้ง 2 คือ วิหารทองคำที่ชาวแอนแลนตีสสร้างขึ้น เพื่อบูชาเทพโพเซดอน และวิหารเงินเพื่อบูชาพระนางไคลโต อันเป็นผู้ถือกำเนิดกษัตริย์ที่ปกครอง นครแอตแลนติส ซึ่งหลังที่ภาพถ่ายดาวเทียมได้ถูกเผยแพร่ออกไปแล้ว พื้นที่ดังกล่าวก็ยังไม่ได้รับ การขุดพิสูจน์แต่อย่างใด

ขอโทษทีครับที่หายไปนาน ครับ ผมพึ่งได้คอมเครื่องใหม่มาอ่ะคับเลยพึ่งจะอัพเดต ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยน่ะคับที่ ล้าช้า


Rain & man Utd


ชมรมคลังความรู้ประวัติศาสตร์ - นิยายทั่วทุกมุมโลก คับผม
http://www.soccersuck.com/clubs/detail/64

[url=https://img.soccersuck.com/image/XuxaK8]
My Locker
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:
เข้าร่วม: 03 Nov 2010
ตอบ: 5811 (บอร์ดเก่า 2265)
ที่อยู่: ณ เวลาที่หิมะไม่ตกในประเทศไทย
โพสเมื่อ: Sun Mar 30, 2014 15:15
10 ข้อเท็จจริงที่หายไปในประวัติศาสตร์
เป็นเรื่องราวท่ทิ้งไว้นานแล้ว วันนี้มาต่อให้จบกันเลยดีกว่า ครับ


5.ครีโอพัตราไม่ใช่คนอียิปต์

คลีโอพัตรา ที่ 7 ฟิโลปา หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ คลีโอพัตรา) เป็นราชินีแห่งอียิปต์โบราณ และเป็นสมาชิกคนสุดท้ายของราชวงศ์ปโตเลมีแห่งมาเซโดเนีย แต่จนบัดนี้ยังมีหลายคนเข้าใจว่าเธอเป็นคนอียิปต์(อย่างน้อยก็การ์ตูนญี่ปุ่นล่ะ) เพราะว่าเธอเป็นชาวกรีกแท้ๆ บิดาของพระนางคือปโตเลมีที่ 12 โอเลเตส และคาดว่าพระมารดาเป็นเชษฐภคินีของโอเลเตส ทรงพระนามว่า คลีโอพัตราที่ 5 ทรีฟาเอ พระนางทรงมีความเฉลียวฉลาดมาก ทรงแตกฉานถึง 14 ภาษา เช่น ภาษาฮิบรู ภาษาละติน ภาษามาซิโดเนีย ภาษาเอธิโอเปียน ภาษาซีเรีย ภาษาเปอร์เซีย ภาษาอียิปต์ ซึ่งแม้แต่ในราชวงศ์ก็น้อยคนนักที่จะแตกฉานในภาษานี้ และเธอเป็นผู้ปกครองอียิปต์คนสุดท้ายที่มีเชื้อสายกรีก

4.คิงอาเธอร์มีตัวตนในประวัติศาสตร์จริงเหรอ?



กษัตริย์อาเธอร์ (King Arthur) เป็นกษัตริย์อังกฤษผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในตำนานเล่าขานในฐานะวีรบุรุษในยุคกลาง ซึ่งได้ปกป้องเกาะบริเตนจากการรุกรานของชาวแซ็กซอนในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 6 รายละเอียดส่วนใหญ่เกี่ยวกับกษัตริย์อาเธอร์ปรากฏอยู่ในเรื่องเล่าขาน ตำนานพื้นบ้าน และวรรณกรรมที่แต่งขึ้นโดยส่วนมากมักเกินจริงไปหน่อย เช่น มีพ่อมดเมอร์ลินเป็นผู้ช่วยทำสงคราม, อาเธอร์สามารถต่อสู้ตามลำพังด้วยมือเปล่า และสังหารศัตรูไปถึง 960 คน และแน่นอนเรื่องราวภูมิหลังที่แท้จริงทางประวัติศาสตร์ของตำนานกษัตริย์อาเธอร์เป็นที่ถกเถียงในหมู่นักวิชาการมาเป็นเวลานานแล้ว หลายคนเชื่อว่าอาเธอร์เป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งระหว่างปลายคริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 6 แต่กระนั้นก็ยังขาดหลักฐานสนับสนุนที่หนักแน่นเพียงพอ(ปละหลักฐานส่วนใหญ่เป็นของปลอม) นักประวัติศาสตร์ในยุคหลังโดยมากจึงไม่นับว่าอาเธอร์เป็นหนึ่งในกษัตริย์ที่มีตัวตนจริง นักประวัติศาสตร์ จนมีนักประวัติศาสตร์ออกมาบอกว่า "ไม่มีบุคคลใดในกรอบประวัติศาสตร์และตำนานที่จะทำให้นักประวัติศาสตร์เสียเวลามากเท่านี้”



3. เลดี้โกไดวา มีตัวตนอยู่จริงเหรอ??



เลดี้โกไดวา (Lady Godiva) เป็นสตรีสูงศักดิ์ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งเมืองโคเวนทรี (ประเทศอังกฤษมีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 997-1067 เธอเป็นภรรยาของลีโอฟริก เอิร์ลแห่งเมอร์เซียและลอร์ดแห่งเมืองโคเวนทรี ผู้มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดินอังกฤษ เป็นคนละโมบและกดขี่ชอบเก็บภาษีประชาชนอย่างบ้าเลือด แม้เลดี้โกไดวาเฝ้าขอร้องสามีให้ลดภาษี แต่เขาไม่เคยยอม

จนกระทั้งวันหนึ่งลีโอฟริกได้คิดสนุกเลยบอกเลี้โกไดวาว่าถ้าเธอกล้าเปลือยกายขี่ม้ารอบเมือง เขาจะยอมลดภาษีให้ตามที่ขอ ซึ่งการการกระทำดังกล่าวสำหรับผู้หญิงอังกฤษสมัยกลางย่อมถือเป็นเรื่องต่ำช้าอย่างยิ่ง แต่เลดี้โกไดวาก็ตัดสินที่จะยอมทำตามดังกล่าว โดยเธอได้กระจายข่าวบอกชาวเมืองให้พวกเขาร่วมมือด้วยการปิด ประตูหน้าต่างหลบอยู่ในที่พักอาศัยขณะเธอขี่ม้าผ่านเปลือยกาย ซึ่งชาวบ้านก็ร่วมมือเป็นอย่างดี(ความจริงมีชายคนหนึ่งแอบดูนาง หากแต่เขาถูกสวรรค์ลงโทษด้วยการทำให้ตาบอดในเวลาต่อมา และชายคนนั้นชื่อทอม จนเกิดสำนวนว่า “ทอมนักถ้ำมอง” Peeping Tom ในเวลาต่อมา) จนนางสามารถทำสิ่งที่สามีบอกได้สำเร็จ และส่งผลให้สามีของเธอยกเลิกภาษาตามสัญญาที่ว่าไว้ อีกทั้งเธอก็ไม่ถูกประณามซ้ำยังชกลายเป็นวีรสตรีของชาวเมืองไปในทันที ทุกวันนี้ที่จัตุรัสกลางเมืองโคเวนทรีมีอนุสาวรีย์เลดี้โกไดวาตั้งอยู่อย่าง โดดเด่นเป็นสัญลักษณ์ที่ชาวเมืองภาคภูมิใจ ในวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1678 สภาเมืองโคเวนทรีได้เริ่มจัดให้มีขบวนแห่ "เลดี้โกไดวา" บันทึกไว้เป็นครั้งแรก โดยจัดหาผู้หญิงมาสวมผ้าสีเนื้อรัดกายให้ดูคล้ายเปลือยเปล่า นั่งบนหลังม้าแห่ไปรอบเมืองเพื่อรำลึกการกระทำอันงดงามของโกไดวา

ในขณะเดียวกัน นักประวัติศาสตร์ร่วมสมัยหลายคนไม่คิดว่าเรื่องของโกไดวาได้เกิดขึ้นจริง เนื่องจากหลักฐานระบุไว้เพียงว่าเธอเป็นภรรยาของเอิร์ลลีโอฟริก และข้อมูลยังบ่งชี้ว่าทั้งคู่ต่างก็มีน้ำใจงามและเคร่งศาสนา เช่นในปี 1043 ท่านเอิร์ลและเลดี้ได้บริจาคเงินพร้อมที่ดินเพื่อสร้างวัดในนิกายเบเนดิกทีนที่โคเวนทรี ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเดียวกับโบสถ์โคเวนทรีที่ถูกระเบิดทำลายไปบางส่วนในสงครามโลกครั้งที่ 2 วัดแห่งนี้ประดับด้วยพลอยล้ำค่างดงามอย่างที่ไม่มีวัดใดในอังกฤษยุคนั้นเทียบได้ และในช่วงทศวรรษ1050 ทั้งสองยังบริจาคที่ดินและเงินมหาศาลเพื่อสร้างวัดและโบสถ์อีกหลายแห่ง เช่นที่ลินคอล์นเชียร์ ลีโอมินสเตอร์ และอีฟแชม นักประวัติศาสตร์หลายคนจึงไม่คิดว่าท่านเอิร์ลจะโหดหินจนโกไดวาต้องเปลือยร่างขี่ม้าขอความเป็นธรรมให้ประชาชน

ส่วนผู้ที่เชื่อว่าตำนานนี้เป็นเรื่องจริงก็จะอิงบันทึกเกร็ดประวัติศาสตร์อังกฤษฉบับภาษาละตินที่ชื่อ Flores Historiarum (Flowers of History) ของโรเจอร์แห่งเวนโดเวอร์ (Roger of Wendover) ในคริสต์ศตวรรษที่ 13 ที่ระบุเรื่องราวของเลดี้โกไดวาไว้ตามที่ระบุข้างต้น ซึ่งนักประวัติศาสตร์บางคนแย้งว่าเวนโดเวอร์เป็นเพียงผู้บันทึกตำนานและเกร็ดประวัติศาสตร์ แต่ไม่ใช่นักประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเขียนบันทึกนี้ขึ้นเมื่อ 2 ศตวรรษหลังการตายของโกไดวา ข้อความดังกล่าวจึงไม่มีน้ำหนักพอให้เชื่อถือ แม้จะมีบันทึกระบุว่าครั้งหนึ่งลีโอฟริกได้ยกเลิกภาษีให้ประชาชนจริง และประทับตราด้วยตราประจำตัวของเขาเองเลยก็ตาม ส่วนคนอื่นก็เสริมว่าบางทีเลดี้โกไดวาอาจไม่ได้ปลดเปลื้องเสื้อผ้า หากแต่ปลดเชิงสัญลักษณ์ คือปลดทั้งเครื่องประดับกายและผม เพราะเมื่อสตรีสูงศักดิ์ปราศจากเครื่องประดับก็เท่ากับลดเกียรติของตนลงเทียบเท่าสตรีสามัญ

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของโกไดวาจะเป็นเพียงตำนานหรือความจริงย่อมยากที่จะพิสูจน์ไม่ต่างจากทุกตำนานในโลก หากเหนือข้อเท็จจริงย่อมเป็นคุณค่าของตำนานที่ถูกส่งผ่านมากับกาลเวลา เฉกเช่นเรื่องของเลดี้โกไดวาที่เนื้อหาแท้จริงได้แทรกตัวอยู่ทั้งในบทกวี รูปปั้น ภาพเขียนของจิตรกรหลายยุคสมัย หรือกระทั่งในกระดาษห่อช็อกโกแลตยี่ห้อโกไดวา



2.สวนอีเดนอยู่ที่ไหนกันแน่?



สวนอีเด็น หรือ สวนเอเดน (Garden of Eden) เป็นสถานที่บรรยายไว้ในพระธรรมปฐมกาลว่าเป็นสถานที่มนุษย์สองคนแรกที่พระเจ้าสร้างอาดัม และ อีฟ โดยสวนนั้นบรรยายไว้ว่าสวยงามราวกับสวรรค์ มีพืชพรรณอาหารอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยสัตว์ป่า แม่น้ำใสสะอาด แต่ปัญหาคือถ้าสถานที่นี้มีจริง มันจะอยู่จุดไหนของโลกกันแน่ โดยหลายคนเชื่อว่าสวนอีเดนนี้อยู่ในโมโสโปเตเนีย ทางภาคกลาง เนื่องจากบันทึกการสร้างโลกในพระธรรมปฐมกาลได้กล่าวถึงที่ตั้งของสวนอีเด็นว่าอยู่ในบริเวณแม่น้ำสำคัญสี่สาย: แม่น้ำพิชอน แม่น้ำกิฮอน แม่น้ำไทกริส และแม่น้ำยูเฟรติสซึ่งอยู่ในบริเวณอาร์เมเนีย, ยอดเขาอาระรัต, เยเรวาน หรือที่ราบสูงอาร์เมเนีย) (พระธรรมปฐมกาล บทที่ 2 ข้อที่ 10-14) ซึ่งอยู่ในบริเวณประเทศอิรักในปัจจุบัน ซึ่งน่าจะเป็นบริเวณคอเคซัสโบราณโดยเฉพาะบริเวณใกล้กับอาร์เมเนีย แต่ที่ตั้งของแม่น้ำทั้งสี่ยังเป็นที่ถกเถียงกันและยังไม่มีหลักฐานเป็นที่แน่นอนที่สนับสนุนที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของแม่น้ำนอกจากที่กล่าวในพระธรรมปฐมกาลเอง และ วรรณกรรมยิว-คริสเตียนเช่น “จูบิลี” สมมุติฐานอื่นก็ว่าตั้งอยู่ที่เมโสโปเตเมีย ทวีปแอฟริกา หรือ อ่าวเปอร์เซีย สมมุติฐานหลังมาจากหลักฐานของลุ่มแม่น้ำสี่สายที่มาพบกันที่เป็นที่ผลิตทองคำ และยางไม้หอม ซึ่งตรงกับการพรรณนาการสร้างโลกดังกล่าว

1 Prester John



เพรสเตอร์ จอห์น เป็นชื่อของกษัตริย์ในตำนานยุคกลางของยุโรปครับ โดยเชื่อว่ากษัตริย์องค์นี้อยู่ในดินแดนหนึ่งในเอเชีย หรืออาจเป็นแอฟริกา โดยดินแดนแห่งนั้นเป็นเดินแดนแห่งความเพียบพร้อม ไม่มีคนจน ไม่มีโจร ไม่มีคนพูดโกหกหรือมุ่งร้ายต่อกัน นอกจากจะเป็นกษัตริย์แล้วเพรสเตอร์ จอห์นยังเป็นประมุขศาสนาอีกด้วย ทำให้ดินแดนแห่งนี้มีคนนับถือศาสนาคริสต์อย่างเคร่งครัด กล่าวกันว่าเขาสืบเชื้อสายจากมากี 3 ท่านที่เดินไปให้พรแก่พระเยซูเมื่อครั้งประสูติบนโลกอีกด้วย เรื่องราวของเพรสเตอร์ จอห์นและอาณาจักรอันสมบูรณ์นั้นได้ถูกกล่าวถึงในบันทึกของบาทหลวงชาวเยอรมันท่านหนึ่ง ในสมัยเกิดสงครามครูเสดหลังชาวคริสต์ยึดดินแดนศักดิ์สิทธิจากชาวมุสลิม พวกเขาพยายามค้นหาอาณาจักรแห่งนี้ หากแต่ไม่พบ แต่เชื่อกันว่าดินแดนแห่งที่ว่าน่าจะเป็น อินเดีย หรือไม่ก็เอธิโอเปีย หรือจะอยู่ในอบิสซิเนีย
Rain & man Utd


ชมรมคลังความรู้ประวัติศาสตร์ - นิยายทั่วทุกมุมโลก คับผม
http://www.soccersuck.com/clubs/detail/64

[url=https://img.soccersuck.com/image/XuxaK8]
My Locker
1, 2, 3 ... 13, 14, 15
ไปที่หน้า
GO
ดูทีวีย้อนหลัง
แสดงความเห็น