BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1194
ที่อยู่: Sir Matt Busby Way UK.
โพสเมื่อ: Wed Dec 04, 2013 15:01
ประวัติศาสตร์ "บัลลง ดอร์"
ช่วงนี้เป็นช่วงสิ้นปีแล้วตามธรรมเนียมก็ใกล้จะถึงช่วงประกาศผลรางวัล บัลลง ดอร์ของทุกๆปีกันแล้วจึงอยากนำเสนอประวัติศาสตร์ของรางวัลนี้และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของรางวัลนี้กันครับผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ ถ้าเกิดถูกใจรบกวนฝากเลียเเละโหวตด้วยครับ




บัลลง ดอร์(Ballon d'Or)

รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของทวีปยุโรปหรือที่รู้จักกันในทั่วไปว่า รางวัล “บัลลง ดอร์” (Ballon d'Or) ซึ่งคำว่า”บัลลง ดอร์” มาจากภาษาฝรั่งเศสแปลว่า “ลูกฟุตบอลทองคำ” ซึ่งจัดโดยนิตยสาร “ฟร๊องซ์ ฟุตบอล”(France Football) นิตยสารฟุตบอลที่เป็นที่ยอมรับในวงกว้างของฝรั่งเศสและในยุโรป ซึ่งจะทำการมอบให้กับนักฟุตบอลที่มีผลงานโดดเด่นในรอบปีนั้นๆโดยแต่เดิมรางวัลนี้จะมอบให้กับผู้เล่นที่เล่นในยุโรปซึ่งเป็นรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของทวีปยุโรปแต่ในภายหลังในปี ค.ศ.2010 ” ฟีฟ่า”(FIFA)ได้นำมารวมกับรางวัล “ผู้เล่นยอดเยี่ยมของโลกแห่งปี”( FIFA World Player of the Year) กลายมาเป็นรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของโลกหรือ “ฟีฟ่า บัลลง ดอร์”(FIFA Ballon d’Or)ในปัจจุบัน





จุดกำเนิด

จุดเริ่มต้นของ “บัลลง ดอร์” นั้นต้องย้อนกลับไปในปี ค.ศ.1956 โดย “กาเบรียล ฮาโนลท์ (Gabriel Hanolt) บรรณาธิการของนิตยาสาร “ฟร๊องซ์ ฟุตบอล”(France Football) ในยุคสมัยนั้นมีแนวคิดริเริ่มที่จะให้ผู้สื่อข่าวเพื่อนร่วมอาชีพของเขาที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการฟุตบอลของยุโรปมาช่วยกันโหวตและแสดงความคิดเห็นกันเพื่อสรรหานักฟุตบอลสัญชาติยุโรปและเล่นในทวีปยุโรปที่มีผลงานโดดเด่นเพื่อเป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรปโดยรางวัลอันทรงเกียรติในปีแรกนั้นตกเป็นของ

“เซอร์ แสตนลี่ย์ แมตธิวส์”ตำนานชาวอังกฤษที่ขณะนั้นเล่นให้กับสโมสร”แบล็คพูล”ของอังกฤษซึ่งผู้มีสิทธิ์โหวตในขณะนั้นจะเป็นนักข่าวในสังกัดเท่านั้นและจากกฎกติกาทำให้ผู้เล่นระดับตำนานของโลกที่อยู่นอกยุโรปและไม่ได้มีสัญชาติยุโรปอย่าง
“เปเล่” “มาราโดน่า” และ “การินชา”ไม่เคยได้สัมผัสรางวัลอันทรงเกียรตินี้






เปลี่ยนแปลงกฎ

-ในปี ค.ศ.1995 ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับการโหวตคือไม่จำเป็นต้องมีสัญชาติอยู่ในยุโรปแต่ยังคงต้องเล่นอยู่ในสโมสรของยุโรปภายใต้ “ยูฟ่า”(UEFA)ทำให้ผู้เล่นที่ไม่ได้มีสัญชาติในยุโรปที่ได้รับรางวัลคนแรกคือ “จอร์จ เวอาห์”ศูนย์หน้าตำนานตลอดกาลของทีมชาติ “ไลบีเรีย”และสังกัดสโมสร เอซี มิลาน ในปีเดียวกันนี้

-ในปี ค.ศ.2007 ได้มีการเพิ่มผู้มีสิทธิ์โหวตแต่เดิมจากนักข่าวในยุโรปจำนวน 52คนเป็นนักข่าวจากทั่วโลกจำนวน96คนแทน






ฟีฟ่า บัลลง ดอร์ (FIFA Ballon d’Or)

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดของรางวัลนี้คือในปี ค.ศ.2010 “ฟีฟ่า” (FIFA)ภายใต้การนำของ “เซปป์ แบล็ตเตอร์”ประธานคนปัจจุบันมีนโยบายที่จะรวมรางวัล “บัลลง ดอร์” (Ballon d’Or)เข้ากับรางวัล“ผู้เล่นยอดเยี่ยมของโลกแห่งปี”( FIFA World Player of the Year) เพราะมีความคิดเห็นว่าเป็นการมอบรางวัลที่มีความซ้ำซ้อนกันโดยได้เซ็นสัญญากับทางนิตยาสาร “ฟร๊องซ์ ฟุตบอล”(France Football) ในปี ค.ศ.2010 และได้เปลี่ยนการโหวตใหม่โดยการรวมระหว่างนักข่าวจากทั่วโลก (บัลลง ดอร์) กับผู้ฝึกสอนและกัปตันทีมชาติ (ผู้เล่นเล่นยอดเยี่ยมของโลกแห่งปี) รางวัล”ฟีฟ่า บัลลง ดอร์” (FIFA Ballon d’Or)จึงถือกำเนิดขึ้นในปี ปี ค.ศ.2010 โดยผู้ที่ได้รางวัลนี้ครั้งแรกคือ อัจฉริยะจากต่างดาว “ลิโอเนล เมสซี”สัญชาติ”อาร์เจนตินา”แห่งสังกัด
“เอฟซี บาร์เซโลนา”ซึ่งหมายความว่าผู้เล่นจากทั่วทุกมุมโลกสามารถได้รางวัลนี้เเต่ในเชิงคุณภาพเเละมาตรฐานก็ต้องยกให้ฟุตบอลยุโรปอยู่ดี โดยที่ทางฝั่ง “ยูฟ่า” (UEFA) เองก็มาจัดรางวัล”ผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรป”( UEFA Best Player in Europe Award)เช่นเดียวกันโดยจัดครั้งแรกในปี ค.ศ. 2010 โดยผู้เล่นคนแรกที่ได้รางวัลก็คือ“ลิโอเนล เมสซี”นั่นเองและผู้เล่นที่ได้รางวัลในปีล่าสุด (ค.ศ.2013) คือ “ฟร้องค์ ริเบรี” ปีกมหากาฬชาวฝรั่งเศสแห่งค่าย “บาร์เยิน มิวนิค”






กระแสแง่ลบและข้อถกเถียง

หลังจากเปลี่ยนรางวัลเป็นรูปแบบใหม่มีข้อถกเถียงและกระแสแง่ลบมากมายไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการโหวตแบบใหม่ ความไม่โปร่งใส

- ค.ศ.2010 “ลิโอเนล เมสซี” ผู้ชนะเลิศในปีนั้นโดนโจมตีว่าไม่เหมาะกับรางวัลเนื่องจาก “เวสลี่ย์ ชไนเดอร์”ยอดเพลย์เมเกอร์ชาวดัตช์ของ “อินเตอร์ มิลาน”โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมพาต้นสังกัดผงาดคว้าเทรบเบิลแชมป์หรือว่าจะเป็น
“อันเดรส อินเนียสต้า”ยอดกองกลางจากบาร์เซโลน่าที่มีดีกรีเป็นแชมป์โลกพร้อมยิงประตูชัยในรอบชิงชนะเลิศ
และ “ชาบี้ เออร์นานเดซ”จอมทัพดีกรีแชมป์โลกที่เล่นได้คงเส้นคงวาทั้งในสโมสรและทีมชาติโดยเป็นข้อถกเถียงกัน ต้องยอมรับว่า “ลิโอเนล เมสซี”ทำได้สุดยอดในแง่ผลงานส่วนตัวซึ่งในปีนั้นเจ้าตัวทำลายสถิติเป็นว่าเล่นให้กับตัวเองและต้นสังกัดแต่ผลงานความสำเร็จในปีนั้นเจ้าตัวเทียบกับ3คนข้างต้นไม่ได้และ 3 นักเตะข้างต้นที่ชวดรางวัลไปแสดงถึงคุณภาพในแง่ความสำเร็จจึงยังคงเป็นที่ถกเถียงกันว่ารางวัลนี้ควรจะเป็นของใครระหว่างคนที่ทำผลงานส่วนตัวได้ดีกับคนที่เป็นกลไกในแง่ความสำเร็จในปัจจุบันรางวัลนี้จึงถูกวิจารณ์ว่าไม่ใช่รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของโลกแต่เป็นรางวัลขวัญใจชาวโลกแทน

- ค.ศ.2010 โกรัน ปานเดฟ ผู้มีสิทธิ์โหวตในฐานะกัปตันทีมชาติ ”มาซิโดเนีย”กล่าวว่าจากการโหวตในตำแหน่งโค้ชยอดเยี่ยมประจำปีที่เจ้าตัวโหวตให้ “โชเซ่ มูริณโญ่”แต่ผลโหวตของเจ้าตัวกลับเป็นโหวตให้กับ “บิเซนเต้ เดล บอสเก้” กุนซือทัพกระทิงดุแทน

- ค.ศ.2011 “โชเซ่ มูริณโญ่” กุนซือ”เรอัล มาดริด”ในขณะนั้นออกมาโจมตีว่ารางวัลในปีนั้นก็ถูกล็อกผลให้กับ “ลิโอเนล เมสซี” เป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งเขากล่าวว่ารางวัลควรจะเป็นของ “คริสเตียโน โรนัลโด้”ปีกจอมถล่มประตูพันล้านลูกทีมของเขาในเวลานั้นพร้อมให้เหตุผลว่า “โรนัลโด้” ประสบความสำเร็จทั้งในแง่ส่วนตัวและกับต้นสังกัดหลังพาต้นสังกัดเถลิงแชมป์ “ลาลีกา สเปน”

- ค.ศ.2013 “อาร์เซน เวงเกอร์”กุนซือขงเบ้งแดนน้ำหอมของปืนใหญ่ “อาร์เซนอล” ให้สัมภาษณ์ว่าไม่สนใจให้เครดิตรางวัลนี้เนื่องจากให้เหตุผลว่าตัวเขาคัดค้านการให้รางวัลนักเตะเป็นตัวบุคคล พร้อมชี้ว่ากันประสานงานกันในทีมฟุตบอลสำคัญกว่า


ทำเนียบรางวัล บัลลง ดอร์ (Ballon d'Or)

1956: Stanley Matthews (ENG) Blackpool

1957: Alfredo Di Stefano (ESP)Real Madrid C.F.

1958: Raymond Kopa (FRA) Real Madrid C.F.

1959: Alfredo Di Stefano (ESP) Real Madrid C.F.

1960: Luis Suarez (ESP) Barcelona

1961: Omar Sivori (ITA) Juventus

1962: Josef Masopust (CZE) Dukla Prague

1963: Lev Yachine (USSR) Dynamo Moscow

1964: Denis Law (SCO) Manchester United

1965: Eusebio (POR) Benfica

1966: Bobby Charlton (ENG) Manchester United

1967: Florian Albert (HUN) Ferencvárosi TC

1968: George Best (NIR) Manchester United

1969: Gianni Rivera (ITA) A.C. Milan

1970: Gerd Mueller (GER) Bayern Munich

1971: Johan Cruyff (NED) Ajax

1972: Franz Beckenbauer (GER) Bayern Munich

1973: Johan Cruyff (NED) Barcelona

1974: Johan Cruyff (NED)Barcelona

1975: Oleg Blokhine (USSR)Dynamo Kyiv

1976: Franz Beckenbauer (GER)Bayern Munich

1977: Alan Simonsen (DEN) Borussia Mönchengladbach

1978: Kevin Keegan (ENG) Hamburg

1979: Kevin Keegan (ENG) Hamburg

1980: Karl-Heinz Rummenigge (GER) Bayern Munich

1981: Karl-Heinz Rummenigge (GER) Bayern Munich

1982: Paolo Rossi (ITA) Juventus

1983: Michel Platini (FRA) Juventus

1984: Michel Platini (FRA)Juventus

1985: Michel Platini (FRA)Juventus

1986: Igor Belanov (USSR) Dynamo Kyiv

1987: Ruud Gullit (NED) A.C. Milan

1988: Marco van Basten (NED)A.C. Milan

1989: Marco van Basten (NED)A.C. Milan

1990: Lothar Matthaeus (GER)Inter Milan

1991: Jean-Pierre Papin (FRA) Marseille

1992: Marco van Basten (NED) A.C. Milan

1993: Roberto Baggio (ITA) Juventus

1994: Hristo Stoichkov (BUL) Barcelona

1995: George Weah (LBR)A.C. Milan

1996: Matthias Sammer (GER)Borussia Dortmund

1997: Ronaldo (BRA)Inter Milan

1998: Zinedine Zidane (FRA)Juventus

1999: Rivaldo (BRA) Barcelona

2000: Luis Figo (POR) Real Madrid

2001: Michael Owen (ENG)Liverpol

2002: Ronaldo (BRA)Real Madrid

2003: Pavel Nedved (CZE)Juventus

2004: Andrei Shevchenko (UKR) A.C. Milan

2005: Ronaldinho (BRA)Barcelona

2006: Fabio Cannavaro (ITA)Juventus

2007: Kaka (BRA)A.C. Milan

2008: Cristiano Ronaldo (POR) Manchester United

2009: Lionel Messi (ARG)Barcelona

2010: Lionel Messi (ARG)Barcelona

2011: Lionel Messi (ARG)Barcelona

2012: Lionel Messi (ARG)Barcelona

เเยกตามสโมสร

1.Juventus 7คน 9ครั้ง
2.A.C.Milan 6คน 8ครั้ง
3.Barcelona 6คน 10ครั้ง
4.Real Madrid 4คน 5ครั้ง
5.Bayern Munich 3คน 5ครั้ง
6.Manchester United 4คน 4ครั้ง



เเยกตามสัญชาติ

1.Germany 5คน 7ครั้ง
2.Netherland 3คน 7ครั้ง
3.France 4คน 6ครั้ง
4.Italy 5คน 5ครั้ง
5.Brazil 4คน 5ครั้ง
6.England 4คน 5ครั้ง


เเยกตามบุคคล

1.Lionel Messi (ARG) 4ครั้ง
2.Johan Cruyff (NED) 3ครั้ง
3.Michel Platini (FRA) 3ครั้ง
4.Marco van Basten (NED) 3ครั้ง
5.Alfredo Di Stefano (ESP) 2ครั้ง
6.Franz Beckenbauer (GER) 2ครั้ง
7.Kevin Keegan (ENG) 2ครั้ง
8.Karl-Heinz Rummenigge (GER)2ครั้ง
9.Ronaldo (BRA) 2 ครั้ง


ได้ติดต่อกัน
1.Lionel Messi (ARG) 4สมัยติด
2.Johan Cruyff (NED) 3สมัยติด
3.Michel Platini (FRA) 3สมัยติด


CR.en.wikipedia.org
th.wikipedia.org








แก้ไขล่าสุดโดย soccerfootball เมื่อ Wed Dec 04, 2013 15:05, ทั้งหมด 4 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status: SENGPHOTOGRAPHER
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 18 Nov 2008
ตอบ: 3239
ที่อยู่: CRISTIANO RONALDO
โพสเมื่อ: Wed Dec 04, 2013 15:04
[RE: ประวัติศาสตร์ "บัลลง ดอร์"]
ปีนี้เชียร์โด้

0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
PERFECT MAN
ออฟไลน์
ผู้ช่วยแมวมอง
Status: 誰でも人生を享受する権利を持っている…
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 47155
ที่อยู่: Forbidden Siren
โพสเมื่อ: Wed Dec 04, 2013 15:07
[RE: ประวัติศาสตร์ "บัลลง ดอร์"]
ริเบรี่ได้แล้วหรอ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
1yZGZS.png
ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1194
ที่อยู่: Sir Matt Busby Way UK.
โพสเมื่อ: Wed Dec 04, 2013 15:12
[RE: ประวัติศาสตร์ "บัลลง ดอร์"]
taMoN พิมพ์ว่า:
ริเบรี่ได้แล้วหรอ  


ริเบรี่ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมยุโรปของ UEFA ครับผม
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status: Mayonnaise13
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 37065
ที่อยู่: สมุทรปราการ,ไทย
โพสเมื่อ: Wed Dec 04, 2013 15:14
[RE: ประวัติศาสตร์ "บัลลง ดอร์"]
บอกตรงๆ ชักเอือมกะ บัลลงดอร์ ...

ใครได้ก็ไม่น่าเกียรติ ..ให้จบๆไปซะที


แม่งเอ้ย!! อยากขี้เหร่
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออฟไลน์
ผู้ช่วยแมวมอง
Status: 誰でも人生を享受する権利を持っている…
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 47155
ที่อยู่: Forbidden Siren
โพสเมื่อ: Wed Dec 04, 2013 15:15
[RE: ประวัติศาสตร์ "บัลลง ดอร์"]
soccerfootball พิมพ์ว่า:
taMoN พิมพ์ว่า:
ริเบรี่ได้แล้วหรอ  


ริเบรี่ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมยุโรปของ UEFA ครับผม  


อ่าวอ่านไม่ดี มามะๆ เดี๋ยวพี่ให้รางวัล
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
1yZGZS.png
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 535
ที่อยู่: หัวหมาก บางกะปิ 10210
โพสเมื่อ: Wed Dec 04, 2013 15:15
[RE: ประวัติศาสตร์ "บัลลง ดอร์"]
นำความรู้ดีๆมาให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ผมจัดให้ 1 แผล่บครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status: Whiteboyz
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Jul 2009
ตอบ: 5917
ที่อยู่: City Lights
โพสเมื่อ: Wed Dec 04, 2013 15:31
[RE: ประวัติศาสตร์ "บัลลง ดอร์"]
หลุย ซัสเรสก็เคยได้มาแล้ว
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน



ออฟไลน์
อวาตาร์&ลายเซ็นต์ผิดกฏ
Status: Mia San Mia - FCB
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 23 Sep 2013
ตอบ: 2432
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Dec 04, 2013 15:44
[RE: ประวัติศาสตร์ "บัลลง ดอร์"]
5.Bayern Munich 3คน 5ครั้ง

0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status: Am I blue?
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 8735
ที่อยู่: Stamford bridge
โพสเมื่อ: Wed Dec 04, 2013 17:07
[RE: ประวัติศาสตร์ "บัลลง ดอร์"]
1995: George Weah (LBR)A.C. Milan

จากนักเตะที่โดนโห่ ว่ายังไงก็ไม่เกิด มันคือใครวะ

หลังจากนั้นเขาก็ทำให้แฟนบอลอึ้งไปทั่วโลก
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะหมู่บ้าน
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Sep 2013
ตอบ: 596
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Dec 04, 2013 17:28
[RE: ประวัติศาสตร์ "บัลลง ดอร์"]
“อาร์เซน เวงเกอร์”กุนซือขงเบ้งแดนน้ำหอมของปืนใหญ่ “อาร์เซนอล” ให้สัมภาษณ์ว่าไม่สนใจให้เครดิตรางวัลนี้เนื่องจากให้เหตุผลว่าตัวเขาคัดค้านการให้รางวัลนักเตะเป็นตัวบุคคล พร้อมชี้ว่ากันประสานงานกันในทีมฟุตบอลสำคัญกว่า

จริงที่สุด ฟุตบอลเล่นคนเดีนวไม่ได้ต้องเล่นเป็นทีม
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 09 Dec 2008
ตอบ: 1519
ที่อยู่: Emirates Stadiam
โพสเมื่อ: Wed Dec 04, 2013 17:32
[RE: ประวัติศาสตร์ "บัลลง ดอร์"]
โดยรวมแล้วปีนี้ผมว่าต้องให้ ริเบรี่ ครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 12386
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Dec 04, 2013 19:10
[RE: ประวัติศาสตร์ "บัลลง ดอร์"]
Marktone พิมพ์ว่า:
1995: George Weah (LBR)A.C. Milan

จากนักเตะที่โดนโห่ ว่ายังไงก็ไม่เกิด มันคือใครวะ

หลังจากนั้นเขาก็ทำให้แฟนบอลอึ้งไปทั่วโลก  


ลูกยิงประตูที่ดีที่สุดของ Weah น่าจะเป็นลูกที่เลี้ยงจากหน้าประตูฝั่งตัวเองแล้วไปยิงถ้าผมจำไม่ผิด

แก้ไขล่าสุดโดย Flix เมื่อ Wed Dec 04, 2013 19:12, ทั้งหมด 1 ครั้ง
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status: Am I blue?
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 8735
ที่อยู่: Stamford bridge
โพสเมื่อ: Wed Dec 04, 2013 19:48
[RE: ประวัติศาสตร์ "บัลลง ดอร์"]
Flix พิมพ์ว่า:
Marktone พิมพ์ว่า:
1995: George Weah (LBR)A.C. Milan

จากนักเตะที่โดนโห่ ว่ายังไงก็ไม่เกิด มันคือใครวะ

หลังจากนั้นเขาก็ทำให้แฟนบอลอึ้งไปทั่วโลก  


ลูกยิงประตูที่ดีที่สุดของ Weah น่าจะเป็นลูกที่เลี้ยงจากหน้าประตูฝั่งตัวเองแล้วไปยิงถ้าผมจำไม่ผิด

 


ถั่วต้ม
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 9830
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Dec 04, 2013 21:41
[RE: ประวัติศาสตร์ "บัลลง ดอร์"]
ความรู้ทั้งนั้น
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel