ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
หน้าแรกบอร์ด >> มาลุ้นแชมป์กันครับ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 28 Oct 2013
ตอบ: 148
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Nov 26, 2013 20:10
มาลุ้นแชมป์กันครับ
ลิเวอร์พูลมีโอกาสลุ้นแชมป์ครับ'

ก่อนที่ผมจะอธิบายเหตุผลของความคิด ผมขอนิยามคำว่าลุ้นแชมป์ของผมเสียก่อนเพื่อป้องกันความเข้าใจผิดของผู้อ่านทุกท่าน 'ลุ้นแชมป์' ในความหมายของผม คือ ลิเวอร์พูลมีโอกาสที่จะเกาะกลุ่มนำ ขับเคี่ยวลุ้นแชมป์ไปจนถึงโค้งสุดท้ายของการแข่งขัน ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ลิเวอร์พูลอาจจะได้แชมป์ รองแชมป์ ลำดับที่สาม หรือที่สี่ หรือกระทั่งหลุดจากท็อปโฟร์ก็ได้ แต่ผมเชื่อว่าลิเวอร์พูลจะไม่ถูกถีบออกจากทีมลุ้นแชมป์ตั้งแต่ไก่โห่เหมือนหลายๆ ฤดูกาลก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน

อ่านมาถึงตรงนี้อย่าเพิ่งหาว่าผมเพ้อฝันจนเกินไปเลยครับ ลองมาฟังเหตุผลก่อนว่าเหตุใดจึงเชื่อว่าลิเวอร์พูลมีดีที่จะลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้

ปัจจัยแรก คือ ผลงานของลิเวอร์พูลในปัจจุบันสะท้อนความเป็นไปได้ในการขับเคี่ยวลุ้นแชมป์ในช่วงท้ายฤดูกาล ผมได้ค้นหาข้อมูลผลงานของลิเวอร์พูลย้อนหลังเพื่อสนับสนุนสมมติฐานดังกล่าว ซึ่งค่าสถิติในอดีตบ่งชี้ว่า หากลิเวอร์พูลสร้างผลงานได้ไม่น้อยไปกว่าผลงานในปัจจุบัน (แข่งไป 12 นัด ทำได้ 24 คะแนน รั้งรองจ่าฝูงของตาราง) ลิเวอร์พูลจะจบฤดูกาลด้วยคะแนน 72-78 คะแนน และเมื่อเอาคะแนนดังกล่าวเป็นเกณฑ์ แล้วไปเทียบกับคะแนนเมื่อจบฤดูกาลของทีมในพรีเมียร์ลีกย้อนหลังไปห้าปีนับจากนี้ (ฤดูกาล 2012-2013, 2011-2012, 2010-2011, 2009-2010 และ 2008-2009) พบว่าลิเวอร์พูลจะจบฤดูกาลด้วยตำแหน่งที่ 3, 3, 2, 3, และ 4 ตามลำดับ หรือพูดง่ายๆ หากลิเวอร์พูลรักษามาตรฐานการเล่นในช่วง 12 นัดแรก ลิเวอร์พูลจะมีโอกาสในการจบอันดับท็อปโฟร์เป็นอย่างน้อย แต่ถ้าหากลิเวอร์พูลสามารถยกระดับการเล่นของทีมให้สูงขึ้นไปกว่า 12 นัดแรก โดยสามารถเร่งเครื่องเก็บแต้มในช่วงกลางและท้ายฤดูกาลได้มากกว่าช่วงต้นฤดูกาล ลิเวอร์พูลจะมีโอกาสไม่น้อยในการก้าวไปเป็นแชมป์

ถึงตรงนี้ ผู้อ่านหลายท่านคงมีเครื่องหมายคำถามผุดขึ้นในใจว่า แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าลิเวอร์พูลจะรักษาความยอดเยี่ยมในช่วงต้นฤดูกาลไว้ได้ คำตอบ คือ ผมก็ไม่แน่ใจนักหรอกครับ แต่หากพิจารณาจากผลงานของร็อดเจอร์สในฤดูกาลที่แล้ว โดยแบ่งเป็นสามช่วงระยะเวลาจะเห็นว่า ในช่วงต้นฤดูกาล ลิเวอร์พูลมีฟอร์มที่ย่ำแย่ ผ่านไป 12 นัด เก็บได้เพียง 15 คะแนน อยู่ลำดับที่ 11 ของตาราง ในขณะที่ผ่านไป 24 นัดลิเวอร์พูลเก็บแต้มได้ 20 คะแนน อยู่อันดับที่ 7 ของตาราง และเมื่อจบฤดูกาลลิเวอร์พูลสามารถเก็บแต้มได้ถึง 26 คะแนน อยู่อันดับที่ 7 ของตาราง เมื่อเอาผลงานของร็อดเจอร์สในฤดูกาลที่แล้วเป็นเกณฑ์ อาจจะพูดได้ว่าผลงาน 12 นัดแรก ของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้เป็นแค่ผลงานระดับอุ่นเครื่องเท่านั้น และมีแนวโน้มจะดีขึ้นเรื่อยๆ แม้หลายคนอาจจะโต้แย้งว่าการเปรียบเทียบอย่างนี้อาจจะไม่ถูกต้องนัก เมื่อคู่แข่งแต่ละช่วงของฤดูกาลนี้กับฤดูกาลก่อนไม่เหมือนกัน และในช่วงต้นฤดูกาลนี้ลิเวอร์พูลเจอโปรแกรมการแข่งขันที่ค่อนข้างง่ายกว่าก็ตาม ซึ่งผมเห็นด้วยว่าข้อมูลดังกล่าวไม่สามารถเปรียบเทียบแล้วให้ผลที่ถูกต้องแน่นอน แต่อย่างน้อยก็ทำให้เราเห็นภาพและสามารถคาดการณ์ความเป็นไปได้ ซึ่งหากนี่คือเหตุผลเดียวที่ผมยกขึ้นมาสนับสนุนว่าลิเวอร์พูลจะมีโอกาสลุ้นแชมป์ ก็คงเป็นเหตุผลที่เลื่อนลอยจนเกินไป ผมจึงมีเหตุข้อต่อๆ ไปที่มาสนับสนุนข้อกล้าวอ้างของผมด้วย ลองอ่านต่อไปนะครับ

ปัจจัยสำคัญต่อมาในการผลิตฟอร์มอันยอดเยี่ยมในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังของลิเวอร์พูลในฤดูกาลที่แล้ว คือ การซื้อตัวอย่างยอดเยี่ยมของร็อดเจอร์สในช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคม ซึ่งทั้งคูตินโญ่และสเตอร์ริดจ์สามารถเข้ามาเติมเต็มและสร้างความแตกต่างให้กับทีมได้ทันที โดยร็อดเจอร์สเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาชื่นชอบการซื้อขายผู้เล่นในช่วงเดือนมกราคมมากกว่าการซื้อขายในช่วงปิดฤดูกาล เนื่องจากสามารถเฟ้นหานักเตะที่ดีในราคาไม่แพงได้มากกว่าเพราะหลายทีมชั้นนำตกรอบฟุตบอลยุโรปทำให้ทีมดังกล่าวเต็มใจปล่อยนักเตะในทีมของตนออกไปในราคาที่เหมาะสม และด้วยเหตุที่นักเตะดังกล่าวเคยลงเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรปมาแล้ว จึงทำให้ทีมที่ยังคงอยู่ในการแข่งขันถ้วยยุโรปไม่สนใจ เพราะซื้อมาก็เอามาเล่นบอลถ้วยยุโรปไม่ได้ ทำให้ลิเวอร์พูลสามารถอาศัยโอกาสนี้เข้าตลาดได้โดยไม่เผชิญกับการแข่งขันที่สูงจนเกินไป ส่งผลให้ได้นักเตะที่ดีในราคาไม่แพง



ข้อมูลในอดีตแสดงให้เห็นว่า ร็อดเจอร์สทำหน้าที่ในการซื้อตัวในช่วงเดือนมกราคมอย่างยอดเยี่ยม นับตั้งแต่คุมทีมสวอนซี เขาได้ยืมตัวซิกูรด์สันมาในเดือนมกราคม และสามารถสร้างความแตกต่างได้ทันที เช่นเดียวกับที่เขาดึงตัวสเตอร์ริดจ์และคูตินโญ่มาสร้างผลงานอันเอกอุกับลิเวอร์พูล ดังนั้น หากร็อดเจอร์สสามารถทำอย่างเดียวกันได้อีกครั้งในช่วงเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ โดยนำตัวนักเตะที่สามารถเข้ามาและใช้งานได้เลยอีกสักสองคน ผมเชื่อว่าจะสามารถยกระดับขุมกำลังของลิเวอร์พูลให้สามารถสร้างผลงานได้ยอดเยี่ยมมากกว่าครึ่งฤดูกาลแรก และย่อมส่งผลให้ลิเวอร์พูลมีโอกาสขับเคี่ยวลุ้นแชมป์ท้ายฤดูกาลมากขึ้นด้วย

นอกจากนั้น ลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ยังสามารถกำจัดจุดอ่อนของทีมที่มีมาช้านานได้ นั่นคือการเป็นทีมที่พลาดท่าทำแต้มตกหล่นต่อทีมเล็กๆ และไม่สามารถเก็บแต้มกับทีมใหญ่ได้ ซึ่งปีนี้เราพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะการเก็บแต้มเมื่อเล่นกับทีมเล็กได้แน่นอนมากขึ้น ลิเวอร์พูลแพ้ยากขึ้นจริงๆ ในฤดูกาลนี้ โดย 12 นัดที่ผ่านมาลิเวอร์พูลแพ้เพียงสองครั้ง คือ แพ้ให้กับอาร์เซนอล และเซาท์แฮมป์ตัน ซึ่งปัจจุบันอยู่อันดับหนึ่งและอันดับห้าของตารางตามลำดับ นั่นแปลว่าลิเวอร์พูลพลาดท่าพ่ายให้กับทีมในหัวตารางเท่านั้น ส่วนทีมเล็กๆ อย่าง สโต๊ก ซิตี้ (ที่เคยเป็นตัวแสบของลิเวอร์พูลมาหลายต่อหลายครั้ง) ซันเดอร์แลนด์ ฟูแล่ม เวสต์บรอมวิช อัลเบียน และคริสตัล พาเลซ ลิเวอร์พูลจัดการเก็บสามแต้มได้อย่างเด็ดขาด แถมยังยิงประตูไม่น้อยกว่าสามลูกแทบทั้งนั้น (ยกเว้นเพียงเกมเอาชนะสโต๊กที่ยิงได้เพียงลูกเดียว) ขณะที่พลาดท่าเสมอให้ทีมสวอนซี และนิวคาสเซิล ในเกมเยือนเท่านั้น ดังนั้น จึงน่าเชื่อได้ว่าลิเวอร์พูลได้ก้าวข้ามจุดอ่อนการพลาดท่าต่อทีมเล็กได้แล้ว



ส่วนการเผชิญหน้ากับทีมใหญ่ (เมื่อพิจารณาจากขนาดของทีม งบประมาณการทำทีม และความสำเร็จในอดีต ผมมองว่าทีมใหญ่หมายถึง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อาร์เซนอล เชลซี ลิเวอร์พูล และสเปอร์ส เท่านั้น) ความสำเร็จยังไม่ชัดเจนเท่าไรนัก เมื่อนับจนถึงปัจจุบัน ลิเวอร์พูลเผชิญหน้ากับทีมใหญ่เพียงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และอาร์เซนอลเท่านั้น และผลคือ ชนะหนึ่ง แพ้หนึ่ง จึงยังต้องดูต่อไปว่าเมื่อลิเวอร์พูลพบกับทีมใหญ่ทั้งหมดแล้วจะสามารถพัฒนาจากฤดูกาลที่แล้วที่สามารถเอาชนะทีมใหญ่ได้เพียงครั้งเดียว นั่นคือในเกมเหย้ากับสเปอร์ส ได้หรือไม่

สุดท้าย คือ ปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ในฤดูกาลนี้ดูเหมือนจะเอื้อประโยชน์ให้กับทีมลิเวอร์พูลมากกว่าฤดูกาลที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยที่อยู่ภายนอกทีม เช่น การเปลี่ยนแปลงและปรับตัวของหลายทีมคู่แข่งแย่งแชมป์ ทั้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ล้วนมีการเปลี่ยนแปลงการบริหารภายในทีม ซึ่งทำให้ต้องปรับตัวและมีผลกระทบต่อผลการแข่งขันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เห็นได้ชัดจากทีมที่มีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวต่างทำแต้มตกหล่นให้กับทีมเล็กๆ หลายครั้ง ขณะที่ทีมที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงการบริหารอย่างอาร์เซนอล และลิเวอร์พูลกลับทำผลงานได้สม่ำเสมอ และดีกว่าฤดูกาลที่แล้ว ทำให้ยึดตำแหน่งจ่าฝูงและรองจ่าฝูงในขณะนี้ได้

อีกทั้งปัจจัยภายในทีมของลิเวอร์พูลก็พัฒนาขึ้นอย่างมากจากฤดูกาลที่แล้ว นักเตะเริ่มเข้าขาและเข้าใจปรัชญาการทำทีมของร็อดเจอร์สมากขึ้น การเคลื่อนไหวของนักเตะดูเป็นระบบและไหลลื่น นักเตะรู้หน้าที่ความรับผิดชอบในตำแหน่งของตนดีขึ้น ที่สำคัญ คือ คู่ศูนย์หน้าของลิเวอร์พูลเล่นได้เข้าขารู้ใจราวกับมีโทรจิต ทำให้ประสานงานร่วมกันถล่มประตูให้กับทีมได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ นอกจากนั้น ลิเวอร์พูลยังมีระบบทีมที่ยืดหยุ่นหลากหลายมากขึ้นทั้ง 4-2-3-1, 4-1-3-2 หรือ 5-3-2 ร็อดเจอร์สก็ได้นำมาปรับใช้กับทีมลิเวอร์พูลในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสมในการรับมือกับทีมคู่แข่งที่มีความแตกต่างกันได้ ประกอบกับลิเวอร์พูลไม่ต้องลงแข่งถ้วยยุโรป และตกรอบบอลถ้วยแคปิตอลวันคัพ ทำให้ลิเวอร์พูลสามารถพุ่งสมาธิมาที่บอลลีกได้เต็มที่ และสามารถจัดขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของทีมลงได้ในทุกสัปดาห์อย่างไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง และขุมกำลังนักเตะตัวจริงและสำรองของทีมก็มีความสามารถไม่แตกต่างจนเกินไปเมื่อเทียบกับฤดูกาลที่แล้ว ดูได้จากรายชื่อตัวสำรองในนัดล่าสุด คือ โจนส์, ซาโก้, สเตอร์ลิง,โมเซส, ตูเร, อัลเบร์โต้ และสเตอร์ริดจ์ เมื่อเปรียบเทียบกับตัวสำรองในนัดที่พบกับเอฟเวอร์ตันที่กูดิสัน พาร์ก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว คือ เรน่า, เชลวีย์, เฮนเดอร์สัน, อัสไซดี้, ดาวนิ่ง, โคอาเตส และคาร์ราเกอร์ เราจะเห็นว่าทีมปัจจุบันทีมมีขุมกำลังสำรองที่แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าฤดูกาลที่แล้ว ยิ่งถ้าหากเราพบความจริงว่า ตัวจริงของทีมในนัดเดียวกันนี้ของฤดูกาลที่แล้วประกอบไปซูโซ่, สเตอร์ลิง, โจนส์ และวิสดอม ซึ่งทั้งหมดได้กลายเป็นตัวสำรองในฤดูกาลนี้ และบางคนก็ย้ายไปร่วมทีมอื่นแบบยืมตัวทั้งสิ้น จึงสามารถพูดได้เต็มปากว่าฤดูกาลนี้เรามีขุมกำลังนักเตะที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นด้วย

จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น จึงทำให้ผมเชื่อได้ว่า ลิเวอร์พูลจะมีโอกาสลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้ แม้ว่าทฤษฎีของผมดังกล่าวยังต้องรอการพิสูจน์เมื่อฤดูกาลแข่งขันสิ้นสุดลง และผู้อ่านที่เป็นแฟนบอลหงส์แดงหรือแฟนบอลทีมอื่นอาจจะไม่เห็นด้วยกับผมก็ตาม แต่อย่างน้อยผมก็ดีใจที่ในฤดูกาลนี้ ผมสามารถอธิบายถึงเหตุผลที่เราจะลุ้นแชมป์ด้วยกันได้ ซึ่งต่างจากหลายฤดูกาลที่ผมไม่สามารถหาเหตุผลที่เราจะลุ้นแชมป์ได้เลย นั่นเป็นเครื่องยืนยันอย่างแน่นอนว่าฤดูกาลนี้ทีมพัฒนามากขึ้น

หนทางลุ้นแชมป์ข้างหน้ายังอีกยาวไกล เปรียบไปก็เหมือนมหาสมุทรที่ยังมองไม่เห็นฝั่ง แต่ขนาดพี่ตูน บอดี้สแลม ยังบอกเลยว่า 'เรือเล็กควรออกจากฝั่ง' แล้วทำไมเราจะไม่ควรสู้เพื่อลุ้นแชมป์? ตอนนี้ทั้งนักเตะและผู้จัดการทีมก็เริ่มมองที่เป้าหมายแชมป์ร่วมกันแล้ว ในฐานะแฟนบอลผมว่าเราก็สามารถตั้งความหวังว่าทีมจะก้าวเข้าไปลุ้นแชมป์ได้เช่นกัน มาเถอะครับ ให้ความหวังนำทางเราไปแตะขอบฟ้าด้วยกัน มาลุ้นแชมป์กันครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
หน้าแรกบอร์ด >> มาลุ้นแชมป์กันครับ
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel