‘เท้ง’ ไม่ปิดทางจับมือ ‘ภูมิใจไทย’ หาก ‘พรรคประชาชน‘ เป็นพรรคอันดับ 1 ขีดเส้นตายห้ามมีรัฐมนตรีสีเทา ย้ำ แก้ ’ม.112 ไม่มีในนโยบาย และจะไม่มีในนโยบายรัฐบาล‘ บอก คำวินิจฉัยศาล รธน.ไม่ให้ใช้ ม.112 หาเสียง ’อนุทิน-อภิสิทธิ์‘ ไม่ควรนำมาใช้หาเสียงต่อไป

วันที่ 28 ธ.ค.68 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 1 นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ลำดับที่ 2 และนายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรค ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ลำดับที่ 3 นำทีมผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เข้าสมัครรับเลือกตั้งที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ แจ้งวัฒนะ

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้ยิ่งมีความมั่นใจขึ้นทุกวัน เพราะ สส.บัญชีรายชื่อมาจากหลายแวดวง เมื่อเปรียบเทียบที่มาผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เราไม่ได้มาจากโควตาของมุ้งการเมือง หากมองพรรคการเมืองอื่นๆ บางพรรคอาจจะมีการย้ายพรรคไปรวมกันบ้าง มีการแบ่งโควตากันบ้าง แต่ยืนยันว่าผู้สมัครบัญชีรายชื่อพรรคประชาชน เราไม่ได้แบ่งโควตากันแบบนั้น เพราะประเมินผ่านความรู้ความสามารถ ส่วน สส.บัญชีรายชื่อตั้งเป้าสูงสุดที่จะทำให้พรรคประชาชนมีความเข้มแข็งมากพอในการจัดตั้งรัฐบาล และไม่ถูกฉีกสัญญาอีกต่อไป

เมื่อถามว่ากดดันหรือไม่ นายณัฐพงษ์ ยอมรับว่า ไม่ได้มีความกดดัน ตั้งแต่อนาคตใหม่ ก้าวไกล จนถึงพรรคประชาชน ถูกหลายหลายคนวิเคราะห์ แต่ทำได้มากกว่าเป้าที่ได้รับการวิเคราะห์มาโดยเสมอ ครั้งนี้มีความมั่นใจเป็นอย่างมากว่า เราจะได้คะแนนเสียงมากขึ้นแน่นอน เราไม่เคยดูถูกคะแนนเสียงของประชาชน ไม่มีพรรคการเมืองใดที่เป็นเจ้าของประชาชนตลอดไป แม้ตนเองและเพื่อนๆ มีความมั่นใจขนาดไหน แต่จากวันนี้เป็นหน้าที่ของเราที่ลงไปพบปะประชาชนให้มากที่สุด

ส่วน ’มาตรา 112‘ ไม่มีในนโยบายพรรค อนาคตจะเปิดทางหรือจับมือกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ หาก ปชน.เป็นพรรคอันดับหนึ่ง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า นายอนุทินยอมรับเงื่อนไขของพรรคประชาชนได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมา นายอนุทินได้มีการตั้งเงื่อนไขและบิดเบือนคำพูดของตนบนเวทีดีเบต

“เรื่องนี้เป็นประเด็นที่เราควรจะจบได้แล้ว เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญออกมาแล้วว่าไม่ให้ใช้ ม.112 ในการหาเสียง นายอนุทิน และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ควรนำมาใช้ในการหาเสียงต่อไป”

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หากเราเป็นพรรคอันดับ 1 หรืออันดับ 2 ก็อยู่ที่เขาจะรับเงื่อนไขเราได้หรือไม่ เราตั้งเงื่อนไขไว้ว่า ตัวรัฐมนตรีหากมีส่วนพัวพันกับเรื่องสีเทา ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด บ่อนการพนันออนไลน์ผิดกฎหมาย หรือเครือข่ายสแกมเมอร์ เรายกหลักการที่ว่า มาตรฐานทางด้านการเมืองต้องสูงกว่ามาตรฐานด้านกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องรอหลักฐานหรือรอคดีถึงที่สิ้นสุด คนที่อยู่ในอำนาจควรแสดงความรับผิดรับผิดชอบ

อย่างไรก็ตาม พรรคประชาชน ยังยึดในเงื่อนไขเดิมที่ได้ประกาศไปแล้วคือ จะไม่มี สส.พรรคประชาชนคนไหน โหวตให้แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคภูมิใจไทย

เมื่อถามว่า หากเข้าสภาฯ แล้ว สามารถยืนยันได้หรือไม่ว่า จะไม่มีการผลักดันแก้มาตรา 112 นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าในเมื่อไม่เป็นนโยบายในการหาเสียง ก็จะไม่เป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภา

ส่วนในอนาคตจะมีการผลักดันหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การที่สังคมตกผลึกร่วมกันว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร ขึ้นอยู่กับเสียงสนับสนุนของพรรคประชาชน เชื่อว่าประชาชนที่จะเข้าคูหาให้ประชาชนในวันที่ 8 ก.พ.นี้ เรารู้ดีว่าจุดยืนของพรรคประชาชนคืออะไร ซึ่งได้สื่อสารไปหลายครั้งในสภาฯ ขณะที่การนิรโทษกรรมในมาตรา 112 จุดประสงค์ของการนิรโทษ จะต้องนิรโทษกรรมให้กับคนทุกกลุ่ม เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่เกิดความเป็นธรรม สังคมก็จะเจริญก้าวหน้าต่อไม่ได้

สำหรับแคนดิเดตนายกฯ 3 คน จะเป็นบัญชีรายชื่อใน 3 อันดับแรก ซึ่งทุกอันดับใน 100 คน มีเซอร์ไพรส์แน่นอน บางส่วนจะเป็นทีมบริหารอยู่ในบัญชีรายชื่อ และทีมบริหารบางส่วนไม่ได้อยู่ในบัญชีรายชื่อ ทั้งนี้หากเป็นรัฐบาลแล้ว แคนดิเดตและทีมบริหารจะลาออกจาก สส.เป็นสปิริตของผู้แทนที่มาจากพรรคประชาชน เราต้องการเปิดให้สภาฯ มีตัวเลือกและมีคนทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติอย่างเต็มที่ เราคิดเรื่องนี้ไว้แล้วว่า จะมีการลาออกเพื่อขยับบัญชีรายชื่อให้เพื่อนๆ ขึ้นมาทำหน้าที่ในสภาฯ ได้อย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้น

เมื่อถามว่า การที่พรรคประชาชนไปกาในช่องเห็นชอบให้แก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกิจกรรมของทาง iLaw หลายฝ่ายกังวลว่าอาจทำให้ผิดกฎหมายและไม่สามารถไปต่อได้ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า พรรคการเมืองทุกพรรคควรจะต้องรณรงค์ได้ ไม่ว่าจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ กับคำถามประชามติอย่างใดอย่างหนึ่งก็ตาม จริง ๆ กฎหมายประชาติได้บอกไว้ว่า การรณรงค์สามารถทำได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อวานที่มีความกังวลอยู่คือ การแสดงความเห็นที่ออกมาจากทาง กกต. เรื่องนี้ืเมื่อวานที่ตนตัดสินใจกาไปในฐานะส่วนตัว คืออยากยืนยันในจุดนี้และให้ กกต.มาให้ความชัดเจน อยากให้สื่อมวลชนไปถาม กกต. ด้วยว่า ทำไมถึงออกมาให้ความเห็นแบบนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

ส่วนความกังวลเกี่ยวกับคดี 44 สส. นายณัฐพงษ์ ระบุว่า เราได้บริหารความเสี่ยงไว้หมดแล้ว นอกจากคดี 44 สส.ยังมีคดีอื่นๆ ที่ผู้สมัคร สส.แบ่งเขตอาจจะเคยมีการแสดงความเห็น และถูกกระบวนการนิติสงคราม ซึ่งเราได้มีการย้ายบางคนมาลงสมัครในบัญชีรายชื่อแล้ว หากมีอุบัติเหตุทางการเมือง บัญชีรายชื่อสามารถลาออกเพื่อขยับขึ้นมาได้ อยากให้ความมั่นใจต่อประชาชน ไม่ต้องกังวล ส่วนนี้เราได้บริหารจัดการความเสี่ยงไว้หมดแล้ว หากพรรคประชาชนเราได้คะแนนเสียงมากที่สุด เราสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคประชาชนได้แน่นอน

เท้งพูดตรงนะเรื่องนี้ พอเขียนข่าวพาดหัวแล้วก็มาบิด

ก็ห้ามใช้เป็นนโยบายหาเสียง พรรคก็ไม่เอามาเป็นนโยบายหาเสียง ไม่เอาเรื่องนี้มาตั้งเป็นนโยบายรัฐบาล

แต่ผมยังไม่เคยได้ยินเท้งพูดว่าไม่แก้นะ แถมยังย้ำว่าแม่งมีปัญหา ลองเลือกส้มกันเข้าไปซัก 300 ดูสิ

"เมื่อถามว่า หากเข้าสภาฯ แล้ว สามารถยืนยันได้หรือไม่ว่า จะไม่มีการผลักดันแก้มาตรา 112 นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าในเมื่อไม่เป็นนโยบายในการหาเสียง ก็จะไม่เป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภา" ก็คือไม่ได้เเก้นั้นเเหละคับตามที่เท้งสัมภาษเรื่อง112 น่าจะเคลียจบเเล้วไม่ได้เล่นเรื่องนี้ จะไปตรงนิรโทษกรรมมากกว่า

เอาจริงๆ แค่บอกไปเลยว่าไม่มีนโยบายและไม่แก้112 ก็จบแล้ว บ้างทีมันจะสื่อสารให้ยากเย็นทำไม พี่ไม่ต้องพระเอกเลยเรื่องแค่นี้เองไม่ต้องไปอธิบายเพิ่มให้มันเสียเวลา

ไม่อยู่ในนโยบายเพราะศาลห้าม

แต่แก้ในสภาได้ ศาลไม่ห้าม

จะตั้งมู้บิดเบือนอะไรกันหนักหนาวะ

หัวข้อข่าวบิดไปเยอะ ไม่มีในนโยบาย ไม่ได้แปลว่าไม่แก้นะครับ แล้วคำว่าพรรคเราไม่แก้112ก็ไม่ได้พูดด้วย
จริงๆดูก็รู้ว่า แค่เอาออกจากนโยบาย และไม่ใช้หาเสียงเพื่อเลี่ยงคำตัดสินของศาลเฉยๆ

"จะไม่เป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภา" แต่สส. ก็ยื่นแก้ได้อยู่ดีครับ(สส.20คนup) หรือไม่ก็ให้ภาคประชาชนยื่นเข้ามาก็ได้(10000ชื่อup) ซึ่งถ้า ปชน เป็นรัฐบาลเค้าก็คงไม่ดองเรื่องหรือตีตกแบบรัฐบาลอื่นๆ

ผมคิดว่าแก้แน่นอน ไม่ใช่แค่นิรโทษกรรม (ทั้งความหวังและความเชื่อ55 เพราะผมมองว่ามันเป็นปัญหาจริงๆ)

อีกประเด็นที่ เท้งต้องการชี้คือ ในเมื่อ ศาล รฐน สั่งห้ามใช้ในการหาเสียง = ห้ามพูดถึง ทั้งในแง่ที่บอกว่า "จะแก้" และ ในแง่ที่บอกว่า "จะไม่แก้" คือต้องห้ามเอามาเป็นเงื่อนไขใดๆ แต่ตอนนี้คือพรรคอื่นๆนอกจาก ปชน. ใช้กันฉ่ำๆ ในมุมกลับกัน

ถ้าผมจำไม่ผิด เหมือนเคยฟังอ.ปิยบุตร ในรายการไหนสักที่ แกก็เสนอแบบนี้ตั้งแต่ต้นแหละ

คือจะแก้ 112 ได้ พรรคต้องได้เป็นรัฐบาลก่อน บริหารจนคนยอมรับได้รับความนิยมสูงสุดก่อน (ฟีลชนะเลือกตั้งพรรคเดียว 300 กว่าที่นั่ง)

ระหว่างทางไปถึงจุดนั้น ก็ทำงานด้านความคิดกับคนไปด้วย ทำการเมืองให้โปร่งใส สุดท้ายพอประชาชนเห็นว่างบประมาณที่เกี่ยวกับสถาบัน มันถูกเอาไปใช้คอรัปชั่นอย่างไร เมื่อถึงเวลานั้น เราจะเสนอแก้ 112 มันจะได้มีมวลชนเป็นที่พิงหลัง (เพราะอย่างไรก็ต้องทำประชามติ)

ทีนี้พอมีกระแสม๊อบปี 63-65 แรงขึ้นมา ตอนเลือกตั้งปี 66 พรรคเลยคิดว่าต้องตีเหล็กตอนมันร้อน เลยจัดซะเลย ผลคือถูกยุบพรรค

รอบนี้เลยกลับไปแผนเดิมเหมือนสมัยอนาคตใหม่ คือขอเข้าไปปฎิรูปเรื่องอื่นให้ได้ความนิยมก่อน แล้ว 112 ค่อยตามมา ซึ่งส่วนตัวผมเห็นด้วย เพราะถ้ายังมีเรื่องนี้ คงไม่มีวันได้เป็นรัฐบาล

ถ้าพวกซ้ายจัดมันจะโกรธจนไม่เข้าใจ roadmap นี้ ก็ต้องปล่อยไปครับ

นี่แหละ เกมที่พวกมันวางไว้ เพื่อให้คนในพรรคเอาไปพูดเยอะๆ ว่าไม่ใช่นโยบาย เพื่อจะเอาคำพูดไปบิดให้เสียคะแนนจากกลุ่มที่เลือกเพราะเรื่องนี้

ทั้งที่จริงๆคือมันตอบอะไรมากไม่ได้ แต่ก็นั่นแหละ เกมการเมืองของพวกมัน

ทั้งทั้งที่ไม่เคยเป็นนโยบายหลัก แต่จะมีแต่พวกที่จะลากเรื่องนี้ออกมาให้พูดให้ได้ เพราะรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องเลือกใช้คำพูดให้ระวังที่สุด

เมื่อวานเห็นจารย์เจียมยังโพสต์ด่าเรื่องนี้ ว่าไม่เลือกมันแล้ว

ใจร้อนกันชห กองเชียร์เนี่ย

เอาเป็นว่าตราบที่เจตจำนงค์ยังคงอยู่ สุดท้ายก็แค่รอโอกาสที่จะทำ

แหมมม วันก่อนจะทำทรงเก้วกราด ไม่จับมืออาหนูไปทำไม

หัวข้อ Mislead ไปเยอะอยู่
ไม่มีนโยบาย ไม่เท่ากับ ไม่แก้

ไม่เอามาเป็นนโยบาย ไม่ได้แปลกูจะไม่แก้นะ

ไม่ใช่นโยบายรัฐบาล ห้ามเอามาหาเสียง เขียนใส่ในพรรคไม่ได้ ไม่งั้นโดนยุบ

แต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่แก้ป่ะ สุดท้ายโดนบิดอยู่แล้วแหละว่าปชนไม่แก้ 112 หนูยังพูดเลยว่าไม่แก้แล้วใช่มั้ย

สิ่งที่เท้งบอกน่าจะเป็นการไม่ยกมือให้หนูเป็นนายก แต่ภจท จะมาร่วมรัฐบาลได้ และต้องยกให้ปชน เข้าใจอย่างนี้นะ

จะก้ พวกเอาก็เอาด่าหาว่าล้มล้างการปกครอง
พอบอกไม่แก้ เดี๋ยวพวกก็จะบอกว่าตระบัดสัตย์