ตามสภาพการทหารในเมืองไทย

มันไม่ได้อิงกับคำว่าควร/ไม่ควรครับ เพราะทหารเกณฑ์ทุกคน ถูกบรรจุประจำในบัญชีกำลังพลตำแหน่งต่างๆในระดับพลทหาร
เช่น ตอนสมัยผมเกณฑ์ ก็ถูกบรรจะในตำแหน่งพลวิทยุ/บก.ร้อย ซึ่งในบัญชีกำลังพลนี้ มันไม่ได้แยกว่านี่ทหารอาชีพ นี่นายร้อย นี่ทหารเกณฑ์ ทุกอย่างทุกตำแหน่งอยู่ในบัญชีเดียวกัน

บัญชีก็จะประมาณ 1 นายสิบคุมพลทหาร 4 คน ประกอบกันเข้าไปเป็นหมู่ เป็นตอน เป็นหมวด เป็นกองทัพตามลำดับ
เวลามีการฝึกรบ ก็ยกโขยงไปเหมือนจำลองการรบ วิ่งเหมือนกันทั้งพลทหาร ประทวน สัญญาบัตร ปีบะราวๆ 3 ครั้ง
ซึ่งถ้าคิดในมุมนี้ ทหารเกณฑ์ก็จำเป็นต้องออกรบ

และแน่นอนว่าเป็นคนละคำถามกับ ควรเกณฑ์ทหารมั๊ย...ซึ่งเป็นการเปลี่ยนวิธีคัดเลือก"พลทหาร"เข้าบรรจุบัญชีกำลังพลครับ

ให้ไปตัดหญ้าซักเกงในก็ด่าพอไปรบจริงก็ไม่สมควรทหารควรเริ่มต้นที่ยศนายสิบงั้น

ทหารเกณฑ์ที่ไปส่วนใหญ่ก็ผ่านการฝึกประจำหน่วยมาแล้วครับ เขาฝึกทบทวนเรื่อยๆ ไม่ใช่ทหารเกณฑ์ใหม่

พลทหารน่าจะได้รับภารกิจเช่น ควบคุมพื้นที่มากกว่า การเข้าตีไทยเราใช้สามเหลี่ยม ซีล

พลทหารต้องไปรบอยู่แล้วมั้ง แต่พวกพลทหารใหม่ ฝึกแค่ไม่กี่เดือน ควรจัดสรรหน้าที่ให้เหมาะด้วยล่ะครับ

เข้าใจเรื่อง จิรัฏฐ์ ที่พูดเรื่อง พลทหารไปรบนะ เพราะพรรคนี้ต้องการ Modernize กองทัพอยู่

เพราะจะเอาตามแบบ อเมริกาไงที่มันไม่มีพลทหาร (แต่จัด Squad ของเมกา ก็เอายศที่ต่ำที่สุด มาเป็นพลปืนเล็กนะ)




แต่นิสัยเดิมของ จิรัฏฐ์ ก็คือ มันใช่เวลาที่จะมาพูดไหม

ของไทยมันมีพลทหารไง แล้วเท่าที่ผมเข้าใจที่ไปรบครั้งนี้ พลทหารที่ไปรบ มันไม่ใช่แบบ ฝึก 3 เดือนแล้วเอาไปลุยเลย เค้าเอาอาสาสมัครพลทหาร ที่ฝึกมาแล้ว ไปรบนะ เพราะตอนนี้ก็ยังไม่ใช่ Full scale war ขนาดที่ต้องโถมกำลังพลไปให้หมดทั้งภาคส่วน

รบที่ไหนก็ใช้พลทหาร หมดแหละ

พลทหารที่พึ่งฝึกมา ความพร้อมทั้งทางร่างกายและความเชี่ยวชาญมากกว่าคนอื่นอีก เอาพวกนายทหารไปรบ ต้องฝึกอีกหลายสัปดาห์

ในกรณีทหารราบ แทบทุกประเทศ ใช้พลทหารออกแนวหน้าสำหรับทหารราบทั้งสิ้นครับ และใช้นายทหารยศสูง ๆ บัญชาการอยู่แนวหลังห่างออกมา ยิ่งยศสูงยิ่งจะอยู่ห่างจากแนวหน้า เพื่อจะได้มองภาพรวมได้ละเอียดและควบคุมกำลังพลได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
หลักการรบสากลมันเป็นแบบนี้ทั้งนั้น เพราะมันคือวิธีที่เขาพิสูจน์มาแล้วว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุดในการปฏิบัติการในแนวราบ

จริง ๆ แล้วแนวหน้าไม่ใช่มีแค่พลทหาร แต่ในแต่ละหมูุ่ที่ได้รับมอบหมายให้ออกรบแนวหน้า จะมีทหารยศต่าง ๆ รวมอยู่ในหมู่นั้นหมดครับ ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้ขนาดกำลังพลระดับไหนในการปฏิบัตภารกิจ

ถ้าเป็นการลาดตระเวณ อาจจะใช้แค่ระดับหมู่
ในกองทหารราบ แต่ละหมู่จะมีอยู่ 10-13 คน ซึ่งแต่ละหมู่จะมีจ่าหรือสิบตรีเป็นหัวหน้าคุม และมีรองหมู่ซึ่งก็เป็นนายสิบอีก 1-2คน ที่เหลือจะเป็นพลทหารหรืออาสาสมัครอีก 7-10 คน

แต่ถ้ากำลังใหญ่ขึ้นไปถึงระดับหมวด ซึึ่งเป็นการรวมหมู่หลายหมู่เข้าด้วยกัน โดยมักจะมี 3หมู่ หรืออาจจะมากกว่า ก็จะมีนายร้อยคุมหมวดนี้ไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยศร้อยโท (ที่เขาเรียกกันว่าผู้หมวดนั่นแหละครับ)

ถัดจากหมวด ก็จะเรียกว่ากอง หรือกองร้อย ซึ่งมักจะรวม 3หมวดเข้าด้วยกัน โดยระดับกองก็จะมีร้อยเอกเป็นหัวหน้าคุมไป (เขาจึงเรียกร้อยเอกว่าผู้กอง)

ถัดขึ้นไปก็จะเป็นระดับกองพัน กองพล ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะมีนายทหารระดับยศสูงขึ้นในการคุมไป หลักการสากลเป็นแบบนี้ทั้งสิ้น เพราะมันพิสูจน์มานักต่อนักแล้วว่ามันคือวิธีควบคุมกองทัพได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

ไม่ใช่จะยัดแต่นายพัน นายพล มาอยู่แนวหน้า ซึึ่งการปฏิบัติภารกิจแนวหน้าที่จำเป็นต้องใช้พละกำลังและความอึดทางร่างกายย่อมไม่เทียบเท่าคนหนุ่มอยู่แล้ว
ไม่มีกองทัพไหนที่จะยัดนายพลอายุมาก มารวมกันเยอะ ๆ เพื่อปะทะแนวหน้า แล้วให้ทหารหนุ่มส่งบำรุงอยุ่ด้านหลังหรอกครับ เพราะมีแต่จะแพ้เท่านั้น
นายพัน นายพล จะมีความเชี่ยวชาญด้านกลยุทธ เพราะมีประสบการณ์สูง รู้ยุทธวิธีการรบและควบคุมกำลังพลมากกว่าจะทำงานใช้พละกำลัง จึงต้องคุมอยู่แนวหลังเพื่อดูภาพรวมเพื่อจะได้ออกคำสั่งได้อย่างเฉียบขาดและเหมาะสม

(นายพัน นายพล เหล่านี้ สมัยหนุ่มเขาก็ต้องเป็นนายร้อยมาก่อน ซึ่งผ่านการปฏิบัติงานแนวหน้ามาอย่างโชกโชนมาแล้วเช่นกันครับ เขาจึงใช้ความรู้และประสบการณ์เพื่อมาเน้นสั่งการแทนเมื่อร่างกายโรยรา แต่สมองและประสบการณ์เพิ่มขึ้น)


ดังนั้น ในการปฏิบัติงานต่าง ๆ จึงต้องมีพลทหารไปอยู่แนวหน้าในอัตรามาก เพราะพลทหารจะได้รับการฝึกภายในหมู่ต่าง ๆ จนมีความชำนาญ และมีทีมเวิร์คเข้าขากัน จนพร้อมที่จะออกปฏิบัติงานครับ

แต่ถ้าเป็นพวกภารกิจเฉพาะทาง เช่นการบินไปทิ้งระเบิดนั้น ไม่มีพลทหารขึ้นปฏิบัติภารกิจแน่นอนครับ เพราะต้องใช้นายทหารระดับสัญญาบัตรที่มีความชำนาญสูงและผ่านการฝึกเฉพาะทางมาแล้วในการขับเครื่องบินเหล่านี้

ควรสิ ในการรบก็ไม่ใช่ทุกคนต้องจู่โจมต้องบุกไปแนวหน้าต้องปะทะ ต้องใช้ทักษะพิเศษ มันยังมีอีกหลายหน้าที่ในสนามรบ

สำหรับระบบการเกณฑ์ทหารแบบบ้านเรา ไม่ควร

พลหทารที่ฝึกฝนมาแล้ว มีสกิลระดับหนึ่ง ก็สมควรไปรบได้ครับ แต่มองว่าขึ้นอยู่กับความสมัครใจด้วยก็จะดีมาก เพราะไปรบไม่มีอะไรมาการันตีว่าจะตายหรือรอด เซ็นเอกสารอะไรก็ว่าไป

ถ้าป้องกันประเทศ แบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ผมว่ามันคือหน้าที่พลทหารเลยนะ

ผมเห็นด้วย พลทหาร ไปรบแนวหน้า ฝึกไม่ถึงปี จากจะไปช่วย จะกลายเป็นไปถ่วง แล้วก็ตายมากกว่า ไปช่วยทำอย่างอื่น ฝ่ายสนับสนุนอะไรจะดีกว่า

อันนี้รู้จริงหรือป่าวครับ น้องแถวบ้านผมฝึกไม่ถึง 6 เดือน ทบ1 ยังโดนไปเขมรเลยครับ ถ้าไม่ต้องออกจากกรมก่อนก็โดนครับ