วันนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 7 ซึ่งควรจะเป็นเพียงรอบ “ทวนมาตราที่ค้างไว้” แต่กลับกลายเป็นหนึ่งในวันที่ร้อนแรงที่สุดนับตั้งแต่กระบวนการเริ่มมา

เพราะเกิดเหตุการณ์ที่ ท้าทายหลักการพื้นฐานของการกำกับดูแลรัฐ อย่างที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลยในกฎหมายด้านสุขภาพสาธารณะ

ประเด็นใหญ่ที่สุดวันนี้: การ “ใส่ตัวแทนทุน” เข้าไปนั่งเป็นกรรมการทุกชุด
กมธ. สว. เสนอให้
ตัวแทนสภาอุตสาหกรรม
ตัวแทนสภาหอการค้า
เข้าไปนั่งเป็น กรรมการทุกชุด

ตั้งแต่ระดับ “ออกนโยบายประเทศ” → “กำกับดูแลภาครัฐ” → “คณะกรรมการวิชาการ” → “คณะกรรมการจังหวัด”

รวมถึงบางข้อเสนอที่ขอเพิ่ม “สมาคมธนาคาร” เข้าไปอีกด้วย
❗ นี่คือ ตำราการยึดกุมรัฐ (State Capture) แบบสด ๆ ตรงหน้า
เรากำลังเห็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมประชาธิปไตยด้านสิ่งแวดล้อม:
• ผู้ถูกกำกับ → จะได้เป็นผู้กำกับ
• ผู้ปล่อยมลพิษ → จะได้ประเมินการทำงานของรัฐ
• ผู้มีอำนาจเศรษฐกิจ → จะนั่งกำกับกฎหมายสุขภาพสาธารณะ
นี่ไม่ใช่แค่ “ความไม่เหมาะสม”
นี่คือ การบิดผันโครงสร้างอำนาจ ที่เสี่ยงต่ออนาคตความปลอดภัยของประเทศทั้งประเทศ

ปัญหาหลักการที่อันตรายที่สุด
1) Conflict of Interest เต็มรูปแบบ
กฎหมายฉบับนี้ต้องกำกับมลพิษจากโรงงาน อุตสาหกรรม การผลิต–ขนส่ง–การปล่อยควัน
แล้วเหตุใดตัวแทนของกลุ่มผู้ปล่อยมลพิษถึงจะได้มานั่ง
“ออกแบบนโยบาย – วางมาตรการ – ตรวจสอบหน่วยงานรัฐ”?

2) ผิดหลัก Governance อย่างรุนแรง
กฎหมายต้องสร้างระบบตรวจสอบถ่วงดุล
แต่ข้อเสนอนี้กลับให้ “ผู้ถูกตรวจสอบ” มานั่งกำกับ “ผู้ตรวจสอบ”

3) มีช่องให้ภาคธุรกิจเข้ามาเสนอความเห็นอยู่แล้ว
การ “ล็อกเก้าอี้” ให้ 2 องค์กร เป็นการเปิดทางให้กลุ่มทุนเฉพาะกลุ่มมีอำนาจเกินควร ขัดหลักสากลด้านธรรมาภิบาลโดยตรง

สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ = สัญญาณอันตรายมากต่ออนาคตของกฎหมายอากาศสะอาด

⚠️ ภาคประชาชนใน กมธ. สู้สุดใจ… และแพ้อีกครั้ง
เสียงเราน้อยกว่า
แต่เหตุผลเราหนักกว่า
และยังจะสู้ต่อ
เพราะเราไม่สามารถปล่อยให้กฎหมายที่ควรปกป้อง “สิทธิในการหายใจ”
กลายเป็นกฎหมายที่ถูกออกแบบเพื่อ “ปกป้องผู้ก่อมลพิษ” ได้
เรายอมรับผลโหวต
แต่ เราจะไม่ยอมให้ประชาชนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ทำไมประชาชนต้องลุกขึ้นมาจับตา?
เพราะถ้ากฎหมายฉบับนี้
ซึ่งควรจะ “ปกป้องสิทธิที่จะหายใจ”
กลับกลายเป็นกฎหมายที่ถูกออกแบบให้เอื้อต่อกลุ่มทุน
ผลลัพธ์คือ:
• นโยบายที่อ่อนต่อผู้ก่อมลพิษ
• การบังคับใช้กฎหมายที่ไร้เขี้ยวเล็บ
• สุขภาพของคนไทยทั้งประเทศตกอยู่ในความเสี่ยง
• เจ้าหน้าที่รัฐถูกกำกับโดยผู้ที่ควรถูกกำกับ
• หลักการอากาศสะอาดเพื่อประชาชน…อาจถูกทำให้ไร้ความหมาย
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องในห้องประชุม
นี่คือเรื่องของ ชีวิตและลมหายใจของประเทศทั้งประเทศ
ขอให้ประชาชนร่วมจับตาอย่างใกล้ชิด
แชร์ข้อมูลนี้ให้มากที่สุด
กดดันผู้มีอำนาจให้รักษาหลักการ – ไม่ใช่ล็อกอำนาจ
เพราะกฎหมายอากาศสะอาด…
ไม่ควรถูก “ออกแบบโดยผู้ก่อมลพิษ”
แต่วางขึ้นเพื่อ ปกป้องคนไทยทุกคนที่กำลังหายใจอยู่
#Saveพรบอากาศสะอาด #จับตาร่างพรบอากาศสะอาดในชั้นสว #วุฒิสภา
#เศรษฐกิจดีต้องไม่แลกด้วยชีวิตคน #ปอดของคนไทยไม่ใช่เครื่องฟอกอากาศของนายทุน #กกร #อย่าเห็นแก่ตัว


https://www.facebook.com/photo/?fbid=1253887576773115&set=a.471786351649912

อห พวก สว = สวะ จริงๆ
อีกอย่างถ้าไอ้หนูยุบสภาก่อน พรบ จะเสร็จ พวกทุนก็สบายไปอีกนาน

ต้องไปถึง สรยุทธ์หรือพวกรายการสด เชิญ มาคุยให้ประชาชนเห็นในที่แจ้ง ทำไมถึงเสนอ แล้วโดน พิธีกร จี้ถามถึงเหตุผลที่ทำ

ไม่งั้น ไม่มีกระแส ทำกันเงียบ ชนะแบบประชาชนไม่รู้ตัว รู้อีกทีคือ ต้องทำตามเนื่องจากเป็นกฏหมายไปแล้ว

แล้วมันมีปัญหายังไงเหรอครับ คณะกรรมการนี้ไม่ควรมีตัวแทนกลุ่มทุนเหรอ ให้ภาคประชาชนกับภาครัฐนั่งเป็นกรรมการอย่างเดียว จะชี้ขวาชี้ซ้ายกลุ่มทุนก็ต้องทำตาม กลุ่มทุนไม่มีสิทธิในการออกเสียงอย่างนี้เหรอ การใส่กลุมทุนเข้าไปไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องดูสัดส่วนมากกว่าว่าวางแต่ละภาคส่วนลงไปเท่าไหร่ในคณะกรรมการ

ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเฮโลไปเชื่อว่ากลุ่มทุนจะทำให้ทุกอย่างมันพัง จะเอาเปรียบประชาชน นู่นนี่นั่น ทั้งๆ ที่กลุ่มนี้มีเงิน ที่จะขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ถ้าทุกฝ่าย (รัฐ ประชาชน ทุน) ตกลงร่วมกันได้ เรื่องทุกอย่างมันจะไปได้ไวแท้ๆ แต่นี่กับกีดกันเค้าออกไป อยากเขียนกติกาเองแล้วให้เค้าทำตาม มันต่างอะไรกับเผด็จการที่คุณเกลียดนักเกลียดหนาละ

ตัวแทน มันต้องมีคนทุกภาคส่วน เข้าไปเป็นกรรมการ

ผมว่าก็ถูกแล้วนะ มันก็ต้องมีตัวแทนทุกฝ่าย เพียงแต่ไม่ให้ฝ่ายทุนเป็นเสียงข้างมากแค่นั้นเอง แต่ถ้าไปกดเค้าทุกทาง ก็ไม่ต้องให้เค้าทำธุรกิจเลย ก็กลับไปขี่เกวียนกัน อากาศจะได้สดใสเหมือนแต่ก่อน