[รีวิวหนัง] WARFARE ของดีท้ายปี!!
หนังเรื่องล่าสุดของ Alex Garland (Civil War) และ A24 (อีกแล้ว) ช่วงนี้มือขึ้นมาก ช่วงหลังๆ มีหนังดีๆ ออกมาเรื่อย
ว่ากันตามจริง ที่ผ่านมาหนังสงครามส่วนใหญ่ก็ทำออกมาอยู่ในมาตรฐานที่ดีถึงดีมากหลายเรื่อง ทั้ง Saving Private Ryan, Black Hawk Down, Hurt Locker, The Kingdom แม้แต่หนังไมเคิล เบย์ อย่าง 13 Hours: The Secret Soldiers of Benghazi ก็ยังทำออกมาได้ดี
ถึงจะเป็นหนังที่ดี แต่ทั้งหมดมีความคล้ายกันคือ ยังมีความเป็นหนัง (Cinematic) อยู่มาก มันมีช็อตเชิดชูทหารอเมริกัน ทำให้ดูเท่ บิ้วอารมณ์
นี่คือสิ่งที่ Warfare ต่างจากหนังสงครามทุกเรื่องที่เล่ามา
Warfare มันดู "Realistic" มากกว่าเพื่อน ดูไม่บิ้วอารมณ์ ไม่มีช็อตปั้นความเท่ ไม่มีแม้แต่การใช้ดนตรีประกอบ มันแทบจะกลายเป็นสารคดีอยู่แล้ว!
สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้สมจริงได้ขนาดนี้ น่าจะมาจากการดึงเอานายทหารที่อยู่ในเหตุการณ์จริงมาเขียนบทร่วมและกำกับร่วม ทำให้รายละเอียดที่สร้างขึ้นน่าจะใกล้เคียงของจริงเกือบ 100%
พล็อตเรื่องแทบไม่มีอะไรเลย เป็นเหตุการณ์จริงในอิรัก ปี 2006 เกิดขึ้นภายในเวลา 10 กว่าชม. ตั้งแต่กลางคืนถึงเช้าวันถัดมา ณ บ้านหลังเดียว ที่กลุ่มนาวิกฯ อเมริกันเข้าไปขอใช้ (ยึด) เป็นจุดสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวในชุมชน แต่กลายเป็นว่าจุดที่ใช้ซุ่มดูชาวบ้าน มันไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คิด เหตุการณ์รอบๆ บ้านเริ่มผิดปกติ เริ่มสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวแปลกๆ ของคนในชุมชน ซึ่งคนดูที่ติดอยู่กับนาวิกฯ ภายในบ้าน ถูกผลักให้ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน คือ ไม่รู้เลยว่า ข้างๆ บ้านมันมีใคร กำลังทำอะไรอยู่ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น
ครึ่งชม.แรก ทหารทุกคนแทบไม่ได้ทำอะไร ทุกคนเฝ้ารอ สังเกต เก็บข้อมูล สื่อสารกับหน่วยเหนือ แต่เป็นช่วงเงียบที่โคตรเครียดดด บรรยากาศมันไม่น่าไว้ใจเลยซักนิดเดียว เราไม่รู้จะมันจะมีอะไรเกิดตูมตามขึ้นตอนไหน
จนจุดเริ่มต้นการปะทะก็มาจนได้.. แล้วหลังจากนั้น ก็หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ดูแล้วผมโคตรเหนื่อย จำได้ว่าตอนดู Black Hawk Down หรือ 13 Hours ก็เหนื่อย แต่ไม่เหนื่อยเท่านี้ มันยังมีช่วงหยุดพักหายใจ แต่ Warfare ไม่มี พอกระสุนลูกแรกยิงออกมาก็ไม่มีจุดให้หยุดพักอีกเลย
นอกจากความเครียดจากการปะทะกันแล้ว หนังเรื่องนี้ยังมีภาพบาดแผลที่สมจริงมาก ผมต้องหรี่ตาดู ทนดูเต็มๆ ไม่ไหว แล้วมันไม่ได้มาแต่ภาพ เสียงก็ชวนให้หดหู่ด้วย
พระเอกของหนังเรื่องนี้น่าจะเป็น "Sound Design" ด้วยความที่หนังไม่ใช้ดนตรีประกอบ เสียงทุกเสียงเลยกลายเป็นพระเอกตัวจริง ผกก.เก็บทุกดอกจริงๆ ลูกเล่นการใช้เสียงเพียบ (ผมคิดว่าเรื่องนี้น่าจะเต็ง Oscar sound design ปีหน้า)
ใครชอบหนังสงคราม ผมว่ายังไงก็ต้องไปดูเรื่องนี้ครับ แล้ว "ต้องดู" ในโรงด้วย เพราะอย่างที่บอก Sound design คือประสบการณ์ที่เราหาจากหนังเรื่องอื่นได้ยาก แต่ก็เตือนอีกรอบครับ หนังเรื่องนี้เล่นคนดูหนักมากจริงๆ ถ้าจิตแข็งก็ลุยเลยครับ ของดี!