ถ้าผีไม่มีจริง
https://www.soccersuck.com/boards/topic/2622425
แล้วพวกเรื่องเล่าทั้งหมดมันเป็นเรื่องแต่งหรอครับ
แต่เดี๋ยวก่อนผมไม่ได้มาเถียงจริงไม่จริงนะครับ

ผมแค่สงสัย เรื่องเล่า -แต่ง พวกเจอวิญญาณคนตาย/ฆตต ต้องใช้กรรม อยู่ตรงนั้นตลอดไปจนกว่าจะหมดอายุไขบลาๆ


ส่วนตัวแค่คิดว่า วิญญาณมีจริงเป็นรูปแบบพลังงาน สุดท้ายค่อยสลายไปหมด จะช้าไวไม่ทราบ

ผมแค่อยากหายไปจากโลกใบนี้
ด้วยวิธีใดวิธีนึงที่ไม่เจ็บปวด
แต่ผมก็กลัวว่าเรื่องเล่านั้นจะเป็นจริง ต้องทนอยู่กับที่ตรงนั้นจนกว่าจะหมดอายุไข
ทำอะไรก็ไม่ได้ เข้าssก็ไม่ได้ เล่นเกมก็ไม่ได้ ดูนมสาวก็ไม่ได้ ดูหนัง ดูเมะ อ่านการ์ตูนก็ไม่ได้
ต้องเป็นผีจับเจ่าฆตตไปเรื่อยๆน่าเบื่อตายชัก
ไม่ก็กลัวเป็นบาปแบบที่ศาสนาชอบพูด ฆตตแล้วเป็นบาป

แต่ผมก็ไม่อยากอยู่แบบไร้ค่าแบบนี้
อยากเริ่มต้นใหม่
จะต่างโลก ย้อนเวลาอะไรก็ตาม
แต่ผมก็รู้ว่ามันไม่มีจริง

ผมก็ต้องอดทนต่อความเจ็บปวดต่อไป แล้วไม่รู้จะจบลงที่ตรงไหน
ตอนนี้ได้แต่เศร้าทุกวัน
ไม่อยากอยู่ไร้ค่าแบบนี้แล้ว
ที่โพสไม่ได้ว่าจะฆ่าตัวตายนะครับ อาจจะระบายเฉยๆ แล้วก็ถกกันเรื่องผี เรื่องบาปบุญคุณโทษ
แต่ผมก็ไม่รู้ว่าวันไหนน้อตจะหลุดจนไปจริงๆเหมือนกัน

ถ้ามีจริง คนที่เรารัก หรือรักเรา จากไป เค้าต้องมาหาเราบ้างแล้ว

ผมเคยพิมพ์ไปนานแล้วคับ
ถ้าผีไม่มีจริง หมายความว่า คนเล่าเรื่องผีทั่วโลกล้านๆเรื่อง=เป็นพวกจอมโกหกหมดเลย
เเบบนี้ พ่อเเม่ ตา ยายพวกเราเป็นพวกขี้โกหกหมด
ซึ่งมันไม่น่าใช่ปะ
.
เเล้วถ้าถามต่อว่า ทำไมเห็นบางครั้ง บางคนไม่เห็นไรงี้
ก็พอจะสรุปได้ว่าถ้าจูนคลื่นติดก็เห็น จูนคลื่น พลังงานไม่ติดก็ไม่เห็น
ประมาณนั้นหละ

มันหลากหลายความเชื่อ
แต่พอคนพูดแบบนี้ มันก็ปลดสลักในใจผมว่า ถ้าผมตายไปก็คงไม่ต้องนั่งจับเจ่า ชีวิต สลาย ไปก็จบไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมไม่ต้องมากลัวเป็นผีติดแหงกอยู่อย่างนั้น

ส่วนเรื่องคนที่เรารักจากไป
ตอนยายผมเสีย
แม่ผมไปนอนบ้านที่ยายเสีย แม่บอกว่า แกรู้สึกว่ามีคนมาดึงขาแกตอนนอน
ส่วนผมก็นอนบ้านนันแต่ไม่เจออะไรเลย มีแต่นอนกลัวผีคนเดียว

คืองี๊ครับพี่แจ๊ค

เห็นเงา สิ่งของแล้วจินตนาการไปเอง

ไม่ก็ฝัน จินตนาการจากหนัง

คิดง่ายๆ นักวิทยาศาสตร์ ที่ไม่ได้เชื่อเรื่องพวกนี้แต่แรก ทำไมไม่เคยมีใครเห็น

จิตปรุงแต่งเรา รวมทั้งเรื่องผี ก็มาจากสมอง..และเล่าต่อๆกันมา ผ่านการสื่อสารทั้งนั้นแหละฮะ

ร่างกายถ้าตาย ถึงสมองมันจะตาย lag ออกไป ก็แค่ไม่กี่วินาที หมดออกซิเจน หมดเลือดไปเลี้ยง สุดท้ายก็ shut down อยู่ดี

ไม่มีหรอกพลังงานที่มีสมอง คิดเองได้ แล้วดันทะลึ่งรู้ว่าตัวเองเป็นพลังงาน(อยู่ไปจนหมดอายุขัย บลาๆๆ) ท่านไม่ต้องห่วง

เรื่องผีมันมีมาตั้งแต่ก่อนมีวิทยาศาสตร์ ก่อนมีศาสนาด้วยซ้ำ มันก็แค่สิ่งที่คนยุคนึงยังไม่รู้เลยตั้งสมมติฐาน แล้วถ่ายทอดออกมารุ่นสู่รุ่น

คนเล่าเรื่องผีไม่ใช่คนโกหกทุกคน แต่ก็แค่คนที่มีความเชื่อจากที่ฟังต่อกันมา แล้วมีเหตุผลจากอคติส่วนตัวมาประกอบความเชื่อตัวเอง

มันไม่แปลกหรอ ทุกวันนี้มีการเล่าอ้างว่าเจอผีอีกเป็นพัน เป็นหมื่นเคส..มันจะไม่มีผีตัวไหนมาเล่าให้คนที่เจอตัวเองฟังเลยว่านี่เรื่องจริง

(ผีนักวิทยาศาสตร์ ผีนักวิจัย ผีนักข่าว ผีนักสำรวจ..คือพอตายไปเป็นผีแล้ว ไม่อยากบอกเล่าให้คนเป็น รู้ความจริงเรื่องผีแล้วว่างั้น)

ออกมาถ่ายรูป ถ่าย vdo คู่กับกุที แล้วเอาวิญญานกุไปเลยก็ได้ แต่ให้กุโพสลงโซเชียลก่อนนะ กล้ามั้ยไอ้ผี

เรื่องไหนไม่จริง เรื่องนั้นยิ่งต้องการความเชื่อ

เจอเด็กๆโคตรกลัว พอโตมาแล้วได้บวช ก็ไม่กลัวผีอีกเลย ตอนคืนออกมาเดินนอกกุฏิมืดๆไม่เห็นจะมีอะไร สรุปไม่เชื่อเรื่องผี

มันเป็นความเชื่อน่ะครับ ซึ่งจุดประสงค์ของความเชื่อของคนที่สร้างขึ้นมาก็แตกต่างกัน เช่น ทำให้คนกลัวโลกหลังความตาย กลัวนรก อะไรพวกนี้

ส่วนตัวผมจากคนที่เคยกลัวผีมาก กลายเป็นไม่กลัว และสุดท้ายได้พิสูจน์จนรู้ว่าผีไม่มีจริง ครับ

คนส่วนใหญ่ไม่ได้กลัวผี ส่วนใหญ่ที่คนกลัวคือ ความมืด ความมมืดทำให้เราไม่สามารถเห็นอะไรได้ชัด ทำให้สมอง จิตเรา คิดไปต่างๆนานๆครับ

ส่วนเรื่องเล่าต่างๆ สำหรับผมมมองมี  2 แบบ คือตั้งใจแต่งขึ้นมา กับ ไม่ได้ตั้งใจแต่จิตปรุงแต่งขึ้นมาเอง

ผมแค่คิดว่า ถ้ามันไม่มีจริง
ผมก็แค่หายไป ไม่มีใครรับรู้ ไม่มีใครสนใจ และกลายเป็นอดีต
ผมก็แค่ต้องชั่งใจ ว่าจะอยู่กับพวกท่านในเว็บนี้ต่อไป
อยู่กับความทุกข์ที่ทนอยู่ต่อไป

สลักที่พวกท่านถอดให้ผม ไม่ใช่เรื่องดี ไม่ใช่เรื่องชั่ว ไม่ต้องคิดมาก
ผมอาจจะไม่ตาย หรือผมอาจจะหายไป มันบอกไม่ได้จริงๆ

แต่มันเป็นความรู้สึกทุกข์ที่ทนและแบกรับ
สำหรับใครคนอื่นมันเรื่องเล็กน้อย
เป็นธรรมชาติที่มนุษย์ต้องเจอ
ผมไม่ได้บอกว่าปัญหามันใหญ่จนแก้ไขไม่ได้
แต่มันเป็นปัญหา ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมเป็นเพียงคนไร้ค่า

ผมแค่มาขอความสนใจเล็กน้อยจากพวกท่าน
ปลดสลักทางความคิดเรื่องผี

ใข่ครับ โกหก
คนจินตนาการไปเรื่อย ถ้าคนเชื่อเห็นอะไรนิดๆหน่อยๆก็พร้อมบอกเป็นผีแล้ว

คนอีสานเห็นคนกินของดิบก็บอกเขาเป็นปอป เป็นเรื่องเล่าไป
แต่คคิดๆตามเหตุผล คนอีสานหลายคนก็กินลาบก้อย ซอยจุกันอยู่แล้วนี่

จะอธิบายตามความเชื่อผมนะ
คนเรามี2ร่าง
1ร่างเนื้อ
2ร่างจิต
ร่างจิตควบคุมร่างเนื้อ เวลาไปนั่งสมาธิ พอถึงจุดที่เรามีฌาน เราจะแยกร่างเนื้อออกจากร่างจิตได้ เรียกว่าควบคุมการเชื่อมต่อระหว่าง ร่างเนื้อกับร่างจิต

ร่างจิตเกิดจากอะไรผมไม่แน่ใจ แต่ร่างจิต จะแบกรับกรรม คือการกระทำไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว ร่างจิตแต่ละร่างก็จะไปชดใช้กรรมในแต่ละภพภูมิที่เหมาะสม

พูดถึงเรื่อง ฆตต. เมื่อเราตัดตอนชีวิต โดยที่ยังชดใช้กรรมไม่หมด ร่างจิตก็ยังตกค้างอยู่ในภพภูมิเดิม เพราะยังไม่ถึงเวลาในการย้ายภพภูมิ ตรงนี้สามารถอธิบายได้ว่า ผีคือจิตที่ตกค้างในภพภูมิและยังไม่สามารถเปลี่ยนภพภูมิได้ด้วยตัวเอง เพราะไม่รู้ว่าจะต้องไปไหน อุบัติเหตุก็เช่นกัน

การที่เรามองไม่เห็นจิตที่ตกค้าง หรือเรียกว่าผี นั่นก็เพราะเราไม่สามารถจูนคลื่นให้ตรงกับจิตนั้นๆ เหมือนสัญญาณวิทยุ ที่เราหมุนไม่ตรงคลื่น หรือไม่รู้วิธีหมุนด้วยซ้ำ

แล้วแต่เรานิยามคำว่าผีครับ.

บางทีมันก็อาจเป็นแค่ความบังเอิญ 1 ในแสนล้านที่ทำให้เราเข้าใจไปว่ามี "บางสิ่งมาดลใจ" หรือมาทำให้เกิดความจริงที่ยากจะเกิดได้.

ถ้ามันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เราจะไปตัดความเชื่อเขาได้ไง.
เช่นกรณีที่รอดจากเครื่องตก เพราะเมียบอกฝันเห็นแม่มาบอกว่าเครื่องตกอย่าขึ้น แล้ววันนั้นเขาเชื่อเมียไม่ขึ้นเครื่อง.
เครื่องทะลึ่งตก กรณีนี้จะเอาอะไรไปเถียงให้คนไม่เชื่อครับ.

ทั้งที่มันก็แค่ความฝัน + สามีเชื่อ + เครื่องตก.
ซึ่งมันก็เกิดได้ยากแบบยากมากกกกกกกก แต่มันก็มีเกิดขึ้นแหละ.
เรื่องแบบนี้เราจะไปให้เขาไม่เชื่อยังไง.
ซึ่งถ้านิยามว่าผีคือวิญญาณหลังความตาย ที่มาติดต่อคนได้ อันนี้ผีมีจริง.
ถ้านิยามว่าผีคือพลังงานที่มีเจตจำนง อันนี้ไม่น่าใช่ผี.
ประมานนี้ครับ.