เทพ VI ถึงกับร้อง ตลาดหุ้นมันเป็นอะไรกัน
ดร.นิเวศน์ ถึงกับท้อ ! พอร์ตหุ้นเวียดนามติดลบ -20% ทั้งที่ปีนี้ตลาด บวกเกิน 30% เหตุผลเพราะไม่มีหุ้นยักษ์ที่ดึงตลาดหลาย 100% ... พอจะหันมองหุ้นไทยก็ได้แต่งง คงไม่เห็นอนาคต หุ้นใหญ่สุดราคาแพงหลุดโลกคือ DELTA แต่บริษัทผลประกอบการดี ธุรกิจแข็งแกร่ง ราคากลับไม่ไปไหนเลย ...
การเผยแพร่ 2 บทความล่าสุดของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ต้นแบบนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า (VI) ได้มีการพูดถึงตลาดหุ้นเวียดนามและตลาดหุ้นไทยไว้น่าสนใจทีเดียว ซึ่งเราได้สรุปบางส่วนมาฝาก
- ตั้งแต่ต้นปีจนถึงประมาณต้นเดือนตุลาคม 2568 น่าจะเป็นเวลาที่ผมรู้สึก “เศร้าหมอง” มากช่วงหนึ่งในชีวิต เหตุผลก็เพราะว่าตลาดหุ้นไทยตกลงมาอย่างต่อเนื่องและดูไม่เห็นอนาคต
- ที่หนักกว่านั้นก็คือ พอร์ตหุ้นไทยของผมก็ไม่ได้ดีไปกว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยเลยทั้ง ๆ ที่หุ้นที่ผมถืออยู่นั้นก็ยังดูดี ผลประกอบการเติบโตและธุรกิจก็ยังแข็งแกร่ง ราคาหุ้นไม่แพง แต่หุ้นก็ตกเอา ๆ ในขณะที่หุ้นเก็งกำไร ขนาดยักษ์บางตัวขึ้นเอา ๆ ทั้ง ๆ ที่ราคาแพงหลุดโลก
- ตลาดหุ้นไทย ณ ประมาณสิ้นเดือนตุลาคม 2568 มี Market Cap. ประมาณ 16.8 ล้านล้านบาท หุ้นใหญ่ที่สุด 10 ตัวมีมูลค่าตลาดรวมกันประมาณ 7.8 ล้านล้านบาท คิดแล้วเท่ากับ 46.3% ซึ่งสูงกว่าตลาด S&P500 ที่อยู่ที่ 42.2% น่าตกใจใช่ไหมครับ
- หุ้นใหญ่ที่สุดตัวเดียวคือ DELTA มี Market Cap. 2.73 ล้านล้านบาทหรือเท่ากับ 16.2% เทียบกับ Nvidia ที่ 8.2% งงไหมครับ? ที่ตลาดหุ้นไทยนั้น หุ้นยักษ์ 10 ตัวก็ครอบงำตลาดหุ้นไทย และครอบงำมากกว่าตลาดหุ้นอเมริกาด้วยซ้ำ
- พอร์ตหุ้นเวียตนามของผมนั้นยิ่งแล้วใหญ่ ผลตอบแทนติดลบมากมายระดับ -20% ทั้ง ๆ ที่ดัชนีตลาดหุ้นเวียตนามบวกเกิน 30% รวมแล้วพอร์ตผมแพ้ตลาด 50%
- เหตุผลก็เพราะว่าหุ้นขนาดยักษ์บางตัวและบางกลุ่มมีราคาเพิ่มขึ้นหลายร้อยเปอร์เซ็นต์และดึงดัชนีตลาดหุ้นให้สูงขึ้นแบบสูงที่สุดในโลก
- ส่วนหุ้นของผมนั้นเน้นหุ้น “VI” ที่ถูกกระทบจากปัญหาภาษีการค้าของทรัมป์ ทำให้ยอดขายและกำไรของบริษัทชะลอตัวลงทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นอย่างหนัก โดยเฉพาะจากนักลงทุนต่างประเทศ นอกจากนั้น ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นก็มีผลทำให้พอร์ตขาดทุนไปประมาณ 10% หรือครึ่งหนึ่งของการขาดทุนทั้งหมด
https://x.com/finnomena/status/1987161138992464373
ขนาด เทพ VI ยังขาดทุน