ไทย เตรียมดันกฎหมาย ผู้ใช้โซเชียลมีเดีย ต้องยืนยันตัวตน แพลตฟอร์มร่วมรับผิด
Nobody But You พิมพ์ว่า:
2017Generation พิมพ์ว่า:
ไม่ต้องยำพรบ.ตัวใหม่ออกมาก็ได้นะ ไอ้ที่มีอยู่อย่าง pdpa แก้ไขก่อนก็ได้ ความผิดในบทกำหนดโทษกับข้อบังคับส่วนใหญ่ก็ครอบคลุมอยู่แล้ว
PDPA กับเรื่องการยืนยันตัวตนและ Scammer มันคนละเรื่องครับ ผมทำงานด้านนี้โดยตรง
ถ้าสมมุติยำออกมาอันเดียว มันจะกลายเป็นมาตราที่ครอบจักรวาล ตีความยาก และบางครั้งแทนที่จะโดนหลายข้อหารวมกัน จะกลายเป็นโดนข้อหาเดียว ค่าปรับและโทษจะลดลงโดยปริยายครับ
ขอบคุณที่เสนอมุมมองและยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนที่ทำงานด้านนี้โดยตรงครับ (เป็นตำแหน่ง DPO ขององค์กรตามพรบ.นี้หรือเปล่าผมขอเดา )
ผมขอตอบตามความเห็นของผมแบบนี้ก็แล้วกัน ผิดถูกประการใดขออภัยล่วงหน้าด้วยนะครับ
ตามปกติโทษพวก scammer ผิดทีก็เข้าหลายกระทงอยู่แล้วครับ ไม่ใช่พรบ.นี้ตัวเดียว อาทิ คุณอาจผิดฐานนำข้อมูลอ่อนไหวไปใช้แสวงหากำไร ตาม พรบ.นี้ ซึ่งจะโดนทั้งโทษแพ่ง ม.77 โทษอาญา ม.79 และโทษปรับปกครองม.84 (เลขมาตราผมไม่ชัวร์อาจคาดเคลื่อน แต่มันเข้า 3 กระทงในรวดเดียวแน่ๆ แต่แยกกระบวนการกัน)
แต่คุณก็ยังผิดกฎหมายอาญาและแพ่งอิ่น หรืออาจจะพรบ.ตัวอื่นที่คลอบคลุมความผิดด้วยอยู่ดี เช่นข้อเท็จจริงปรากฏว่า จำเลยนำข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวที่ได้มาโดยมิชอบไปแสวงหากำไรด้วยวิธีฉ้อโกงหลอกลวงผู้อื่น ด้วยอุปกรณ์หรือโปรแกรมที่กฎหมายบัญญัติว่าต้องห้าม แค่นี้ก็ได้เป็นเซทนึงแล้วหลายกระทง
มันไม่ใช่โทษที่ซ้ำซ้อนกันที่จะเลือกบทที่โทษแรงและเข้าเจตนามากที่สุด เหมือนอย่างพวกตั้งโรงงานผิดพรบ.โรงงาน ควบโรงงานเองก็ตั้งโดยไม่ได้อนุญาตตามพรบ.ควบคุมมลพืษอีก (เพื่อประกอบคำอธิบายเรื่องบทลงโทษว่าควรพิจารณาว่าอันไหนหลายกรรมหรือกรรมเดัยว ขอยกฏีกา 450/2567ประกอบความเข้าใจของผมครับ ในฏีกาจะอธิบายว่าทำไมศาลถึงเลือกลงโทษความผิดโรงงานแปรรูปไม้แค่กระทงเดียว ในความผิดเกี่ยวกับโรงงาน)
จึงไม่มีความจำเป็นต้องร่างบทกำหนดโทษเฉพาะเจาะจงก็ได้ แต่ถ้าอยากจะทำด้วยพรบ.ตัวใหม่ โทษมันต้องสาสมหรือรุนแรงกว่าหลายกระทงในกฎหมายอื่นรวมกัน แบบนี้ผมเห็นด้วยและเหมาะสม จะได้อัดไปเลย
ส่วนเรื่องยืนยันตัวตนกับเจ้าของแพลตฟอร์ม ผมมองว่าการมีมาตราเพิ่มเพื่อกำหนดออกกฎกระทรวงก็เพียงพอแล้ว เพราะผู้ควบคุมข้อมูลที่ติดตามกิจกรรมของผู้ที่อยู่ในราชอาณาจักร แม้อยู่นอกราชอาณาจักรก็จำเป็นต้องปฏิบัตืตามพรบ.ตัวนี้อยู่แล้ว (น่าจะมาตรา 5 วรรคสอง ว่าด้วยเรื่องการบังคับใช้นอกอาณาเขต)
ดังนั้นผมเลยคิดว่าเราอาจจะเพิ่มมาตราเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องยืนยันข้อมูล แล้วค่อยไปออกกฎหมายลูกอย่างกฏกระทรวงโดยอาศัยอำนาจตามมาตราที่ิออกมาใหม่อีกที แบบนี้ดีกว่าไปยกร่างสร้างใหม่ทั้งฉบับเยอะ เพราะ pdpa มีส่วนควบคุมทั่งผู้ควบคุมข้อมูล และผู้ประมวลผลอยู่แล้ว
และเหตุผลอีกประการเรื่องยืนยันตัวตนเกี่ยวข้องกับ พรบ.pdpaเต็มๆเลยครับ เวลายืนยันตีวตนคุณต้องส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปอยู่ในความดูแลของผู้ควบคุมข้อมูล (ยกตัวอย่างจากข่าวคือMeta ) แค่นี้ก็เข้าแล้วครับ
ก็ราวๆนี้ล่ะครับมุมมองของผมที่ว่าทำไมถึงไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการออก พรบ.ตัวใหม่มา
อาจจะไม่แม่นเท่าไหร่ แต่ขอแลกเปลี่ยนความเห็นในฐานะผู้ศึกษากฎหมายที่อยากทราบมุมมองผู้ปฏิบัติงานก็แล้วกันครับ