"พรี่หนู“ ลั่นฟันสแกมเมอร์ไม่เลี้ยง ไร้หนี้บุญคุณใคร !!
กต.แจ้งทูตทั่วโลก ไทยเสนอเจ้าภาพถกปราบสแกมเมอร์ปลายปี "อนุทิน" ลั่นฟันหมดไม่เว้นไร้หนี้บุญคุณใคร
.
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประทศ แถลงข่าวสรุปการบรรยายสรุปเกี่ยวกับผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 32 โดยนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีคณะทูตานุทูต 100 คน จาก 68 ประเทศ 1 องค์กร และ 1 องค์การระหว่างประเทศร่วมรับฟัง โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า การเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ยังเป็นการแสดงต่อประชาคมโลก ว่าไทยพร้อมร่วมมือกับประเทศต่างๆ แก้ไขปัญหาทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค
.
เช่น การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งยังเป็นโอกาสที่ไทยได้เน้นย้ำจุดยืนถึงความสำคัญระบอบพหุภาคีนิยม และระบอบภูมิภาคนิยม ว่าไม่มีประเทศใดสามารถรับมือกับปัญหาในระดับโลกและระดับภูมิภาคได้เพียงลำพัง โดยไทยได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระหว่างประเทศในด้านการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมาย การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน และการเสริมสร้างขีดความสามารถในการร่วมแก้ไขปัญหาดังกล่าว คาดว่าจะเกิดขึ้นปลายปีนี้
.
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เปิดเผยภายหลังเดินทางมาเป็นประธานเปิดการประชุมหัวหน้าตำรวจอาเซียนครั้งที่ 43 ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมหัวหน้าตำรวจอาเซียน ครั้งที่ 43 ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพ โดยเน้นอาชญากรรมทางออนไลน์ และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รวมถึงการค้ามนุษย์ ไซเบอร์สแกมเมอร์ เป็นเรื่องที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้บรรจุเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ
.
ทำให้ประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลไม่ได้เพิกเฉยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานต่อเนื่องมาโดยตลอด มีความมุ่งมั่นแน่วแน่ที่จะปราบปรามอาชญากรรมเหล่านี้ เพราะเป็นอาชญากรรมที่ทำลายเศรษฐกิจ ทรัพย์สิน และชีวิตของประชาชน หากไม่ดำเนินการอย่างเต็มที่และไม่ได้ความร่วมมือจากประเทศในภูมิภาคจะส่งผลให้ความเสียหายเกิดขึ้นในทั่วทุกภูมิภาค ส่วนตัวมั่นใจว่า ไม่มีประเทศไหนยอมวันนี้เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นชัดอีกครั้งหนึ่งว่า รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำงานด้านนี้ไม่ได้ทำอยู่ฝ่ายเดียว ยังหาความร่วมมือในประเทศภูมิภาคอาเซียนและยืนยันว่า ทุกหน่วยงานจะทำหน้าที่ด้วยความเด็ดขาดและเข้มงวด
.
ส่วนกรณีการดูแลแนวชายแดนไทย-เมียนมา ที่ขณะนี้พื้นที่ KK Park ได้รับการปราบปรามอย่างหนัก จะมีการเพิ่มมาตรการอย่างไร นายกฯกล่าวว่า เรื่องนี้ได้ดำเนินการในทุกๆ ด้าน ไม่ใช่เฉพาะชายแดนฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ส่วนไหนที่พบว่า การข่าวได้รับทราบมา และประเมินแล้วมีความสุ่มเสี่ยงต่อประเทศไทย ชีวิต และทรัพย์สินประชาชน ทุกหน่วยงานจะดำเนินการอย่างเต็มที่ ที่ผ่านมาได้มีการยึดทรัพย์บุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก พร้อมดำเนินคดีอีกหลายข้อหา ซึ่งทำอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
.
ส่วนกรณีการปราบปรามในเรื่องนี้มักมีบุคคลสำคัญ และนักการเมืองอยู่เบื้องหลังอาชญากรรมเหล่านี้ นายกฯ กล่าวว่า ได้มีการหารือกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และ รมว.ยุติธรรม ซึ่งเดี๋ยวนี้ได้ทำงานปิดชื่อ ดูพฤติกรรม เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงการกระทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะไปโดนใครก็จะไม่ยกเว้น ซึ่งต้องทำความเข้าใจว่า เราไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณใคร
.
“พวกผมกินเงินเดือน ภาษีจากประชาชน ดังนั้น การที่จะปกป้องหรือคุ้มครอง ทำคุณประโยชน์ให้ ก็คือ คนที่จ่ายภาษี จ่ายเงินเดือนให้กับพวกเรา นั่นก็คือ ประชาชน ขอให้เลิกกังวล เลิกพยายามคิดว่า กระแสข่าวที่ไปเกี่ยวข้องหรือขัดขวางการปราบเรื่องนี้ ขอให้มั่นใจว่า ทุกท่านที่ยืนอยู่ตรงนี้ขึ้นมาด้วยความสามารถของตนเองทั้งนั้น ไม่ได้ติดใครหรือมีหนี้บุญคุณที่ต้องชำระใคร นอกจากบุญคุณประเทศ และประชาชนและเป็นหน้าที่ที่พิทักษ์ปกป้อง” นายอนุทินกล่าว
.
ส่วนการประชุมนี้จะมีการพูดคุยกับกัมพูชาในการเพิ่มมาตรการปราบปรามอย่างไร นายกฯกล่าวว่า แน่นอนจะต้องมีการพูดคุย และได้มีการทำงานร่วมกันมาอยู่แล้ว ไม่ได้หยุด ถึงแม้ว่ามีปัญหาอยู่ แต่ในปฏิญญาที่ได้ลงนาม เรื่องสแกมเมอร์ เป็นเรื่องหนึ่งในสี่ข้อที่ได้หารือกับกัมพูชาและเป็นเงื่อนไขที่สองประเทศจะต้องปฏิบัติร่วมกัน
.
#ThePolitics #สแกมเมอร์ #รัฐบาล #อนุทิน
เชื่อท่านนายกจั๊บ