สิบกว่าปีที่แล้ว คุณเคยทำธุรกิจอย่างหนึ่งแล้วประสบความสำเร็จมาก เรียกว่ามีเงินทุนตั้งตัว+ชื่อเสียง ทีนี้ เข้าสู่ยุค โควิท + หลังโควิท ก็ตามที่รู้ๆกันเศรษฐกิจมันพังพินาจ... ต่อมาคุณทำธุรกิจตัวเดิมแต่เจ๋งไม่เป็นท่า....


ณ ปัจจุบัน คุณกำลังเริ่มทำธุรกิจตัวเดิม โดยให้เหตุผลกับตัวเองว่า เราเคยประสบความสำเร็จมาจากตัวนี้ + เรามีความรู้เชื่ยวชาญ ถนัดรู้จริง เพราะเคยหาเงินได้มามากมายจากมัน + รอบล่าสุดที่จะทำ ก็เก็บเอาข้อเสียจากการเจ๊งครั้งที่แล้วมาแก้ไข

แต่...

คนรอบข้างแย้งทั้งหมด โดยเฉพาะ พ่อกับแม่เครียดมาก อยากให้ทำอย่างอื่นหาอย่างอื่นทำแทน ด้วยเหตุผลว่าเป็นห่วงกลัวเราจะเจ๊งอีก+ธุรกิจอันนี้ใครทำชมนี้ก็เจ๊ง บลาๆๆๆ

คำถามคือ คุณจะทำอย่างไรครับ.... ใจหนึ่งก็ทำอีกก็บอกว่าครั้งสุดท้ายล่ะถ้าไม่ดีจะหาไรทำ ใจหนึ่งก็สงสารพ่อกับแม่...

ปล ธุรกิจเกี่ยวกับปัจจัย4(ค้าขาย+บริการครับ) ครับขอไม่บอกล่ะกันว่าอะไร เพราะอยากได้ฟิวเพียวๆจากเพื่อนๆในนี้ครับ

***คุณไม่ได้ขอเงินที่บ้านนะครับ เงินทุนของคุณเอง แต่กลัวแม่เครียดมากครับแม่เป็นความดันสูงด้วย....ลืมบอกเงื่อนไขไปครับ

ถ้ามันเคยล้มหลังจากกลับมาตั้งหลักใหม่ ก็ต้องฟังความเห็นอื่นๆบ้างล่ะครับ บางทีเราอาจไม่เห็นจุดที่ผิดพลาด ไม่รับรู้ถึงน้ำหนัก เหมือนร้านเกมนั้นแหละ เคยบูมสุดๆ แข่งกัน 5-10ก็อยู่ได้ สเปคแค่พอเล่นเกมกากๆ แต่สมัยนี้ถ้าคนจะเริ่มทำคงโดนเตือนไม่ต่างกัน แต่ถ้ารู้ว่าตลาดมันเปลี่ยนเราก็ควรเปลี่ยนตาม ร้านสเปคกากๆอยู่ไม่ได้ แต่ร้านสเปคดีๆอยู่ได้สบาย ชั่วโมงละ20-30บาท คนมาจ่ายเงินเล่นกันเพียบ

มีประสบการณ์ทั้งทำสำเร็จ ทั้งทำเจ๊งมาแล้ว

มันก็ต้องบอกตัวเองได้แล้วว่าต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อเป้าหมาย

มั่นใจก็ลุย

ค้าขายและบริการ ในหัวผมตอนนี้คือร้านกาแฟร้านเหล้าร้านอาหาร

มีคนรอดครับ 10% มั้งนะ

ส่วนอีก 90% เจ๊ง

ถ้ามั่นใจในความสามารถและศักยภาพตัวเองก็ลองหาวิธีเป็น 10% ดูครับ

แต่ต้องดูพฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันด้วยนะครับ

ตอนนี้การทำธุรกิจไม่ใช่ว่าคุณออกหมัดได้หนักแค่ไหน
คุณรับหมัดได้หนักแค่ไหนต่างหาก

ธุรกิจตอนนี้มันทำเกมรุกไม่ได้ ถึงได้ก็แค่ฉาบฉวย
ตอนนี้การทำธุรกิจมันคือการทำธุรกิจในรูปแบบเกมรับครับ
ใครทนต่อความเจ็บปวดบริหารจัดการต้นทุนได้ดีกว่า ชนะไป

ธุรกิจตอนนี้เวลานี้มันไม่สนแล้วครับว่าคุณเก่งและมีประสบการณ์ขนาดไหน
คุณทนรับกับความเจ็บปวดได้ขนาดไหนต่างหาก

ชั่งน้ำหนักเอาว่าครั้งแรกกับครั้งที่ 2 อันไหนของจริงอันไหนเหตุบังเอิญ

ถ้าไม่มีประโยคนี้ผมคงคิดเหมือนคนในครอบครัวท่าน แต่ผมเห็นประโยคนี้แล้ว ถ้าผมเป็นท่าน ผมก็คงเดินหน้าต่อ

มันตอบไม่ได้ ตอบได้กว้างๆแค่ ก็ต้องประเมินให้ออกว่ามันยังทำได้อยู่ไหม

ทำไมธุรกิจอันนี้ใครทำชม.นี้ก็เจ๊ง ละท่านเห็นอะไรที่คนอื่นไม่เห็น มีวิสัยทัศน์ยังไง

ถ้าตอบได้อย่างชัดเจน มีภาพในหัว มีแผนในหัว มั่นใจว่าคนอื่นคิดผิด จะเป็นท่านที่ถูกเพราะ 1234... ก็ทำไปครับ

แต่ถ้าก้ำกึ่ง 50-50 ก็กลับไปคิดอีกที ไปปรึกษาคนที่ท่านเคารพ รุ่นพี่ ครูบาอาจารย์อะไรก็ได้

สุดท้ายก็ประเมินกำลังครับ ถ้าเลือกได้ก็ไม่ต้องใช้ทุนจนหมด ถ้าเจ๊งมาแล้วมันไม่เจ็บมาก อันนี้เลือกง่าย

ถ้าทำธุรกิจอย่ายึดติดฮะ ให้เปลี่ยนไปตามเทรนด์ที่มันกำลังก้าวไปข้างหน้าตลอดเวลา อย่าไปเสียดาย

เป็นผมๆจะหาธุรกิจอื่นทำ

คือมันพิสูจน์มาแล้วว่ามันเจ๊ง

รอบล่าสุดเจ๊งเพราะอะไร แล้วที่บอกว่า จะเอาข้อเสียมาปรับปรุงรอบนี้

คำถามคือ แล้วทำไมไม่ปรับปรุงตั้งแต่รอบที่แล้ว

แล้วพ่อแม่ดูแล้วว่าไม่น่าจะรอด

ผมว่ารอดยากครับ

หาอันอื่นทำดีกว่า ธุรกิจมีอีกเป็นล้านๆอย่าง

ลองปล่อยหัวโล่งๆ แล้วลองไปเที่ยวต่างประเทศดูครับ

แล้วท่านจะได้ไอเดียกลับมาทำธุรกิจอีกเยอะ โดยที่ไม่ต้องกลับไปทำธุรกิจที่เคยเจ๊ง

ลองไปเที่ยวแล้วดูๆว่า เฮ้ย อันนี้ที่ไทยไม่มี เปิดที่ไทยจะเป็นไงนะ

ถ้าทำเลเดิม ขายอย่างเดิมก็น่าจะจบแบบเดิมนะครับ แต่ถ้าเปลี่ยนทำเลก็อาจจะได้ลุ้นวัดดวงกันไป

ส่วนตัวผมไม่เชื่อพ่อแม่ผมนะ เพราะพ่อแม่ผมเค้าไม่เคยทำธุรกิจหรือลงทุนอะไร พ่อแม่ผมคือเก็บ

แต่ที่ดินอย่างเดียว เน้นเซฟๆ แต่ผมว่าต่อไปที่ดินนี่จะกาวละเปลี่ยนที่ดินเป็นทองแท่งBTCน่าจะเวิคกว่า

คนเกิดน้อยและน่าจะย้ายหนีร้อนกันไปหมด ต่อไปคิดว่าที่ดินน่าจะไร้ราคาสุดๆ

มันอาจจะดี หรือ ล้มไม่เป็นท่าอีกครั้งก็ได้ อยู่ที่คุณจะทำมันออกมามั้ย

แต่เคยมีเฮียที่มีความรู้ทางด้านการค้าขาย เคยสอนไว้ว่า ถ้าคุณจะทำธุรกิจ อย่างน้อย

คุณต้องมีทุนไว้ให้เจ๊ง 3 เท่า

เช่น ธุรกิจคุณจะลงทุน 1 ล้าน คุณต้องมีเงินเย็น 3 ล้าน และ ห้ามกู้เงินมาทำเด็ดขาด