ไม่รู้เหมือนกันว่า ผมกับแม่ใครจะตายก่อนกัน
สวัสดีครับ เกริ่นสั้นๆ แม่ผมเป็นโรคสมองเสื่อม
วันนี้ตอนเย็นผมจับได้ว่า แม่ผมแกกินเนื้อดิบในตู้เย็นครับ เป็นเศษเนื้อโคขุนที่ผมซื้อไว้ทำอาหารนั้นแหละครับ ประมาณหนึ่งกำมือครับ และ ณ เวลานี้ที่ผมตั้งกระทู้ ผมเห็นแกเดินออกไปข้างนอกนาน จนผมสงสัยว่า เอาอีกแล้วใช่ไหม ผมเดินไปดู นั้นไงจนได้ แกเอาผงชูรสมาใส่ในน้ำเปล่าๆกิน จริงๆยังมีเครื่องปรุงอีกหลายอย่างที่แกใส่ในน้ำเปล่า ผมก็สงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆเครื่องปรุงในครัวลดไปเยอะ เพราะคนทำกับข้าวตอนนี้มีแค่ผมเท่านั้น ผมเลยรู้ปริมาณเครื่องปรุงแต่ละชนิดว่าเหลือเท่าไร
เอาตัวอย่างมาให้ดูครับ นี้คือถ้วยใส่ผงชูรส ล่าสุดเมื่อ 2-3 วันที่แล้ว ผมเพิ่งเติมมันเต็มครับ ตอนผมทำอาหาร ผมใส่ผงชูรสนิดเดียวจริงๆ ไม่ถึงครึ่งช้อนต่อวัน และที่คือปัจจุบันที่เหลือครับ
คำถามต่อมาที่หลายคนอาจสงสัย ทำไมไม่เอาไปซ่อน เอาไปซ่อนไม่ได้ครับ เดี๋ยวแกไม่เจอ พอไม่เจอเดี๋ยวดันไปเจอน้ำยาล้างห้องน้ำที่ผมซ่อนไว้อีก ต้องบอกก่อนว่าบ้านผมมันบ้านโบราณ ไม่มีอะไรรที่ล็อคได้เลยครับ ช่องเก็บของ ประตูทุกอย่างเปิดง่ายหมดครับ
ยอมรับว่าเหนื่อยใจมากๆ ไม่รู้ผมจะเป็นบ้าตายก่อนไหม ผมไม่ดุอะไรแม่ผมนะ ผมเคยแล้ว แต่อย่างที่รู้กัน ดุไปก็เท่านั้น แกจำอะไรไม่ได้ ผมเลยไประบายกับตัวเองเช่น ไปตะโกนนอกบ้าน หรือเอามือทุบหัวตัวเอง ถ้ามันถึงขีดจำกัดของผมจริงๆ ปีหนึ่งผมทำแบบนี้ไม่เกิน 2 ครั้ง
ผมไม่รู้ทำยังไงที่จะไม่ให้แกกิน ก็เลยเอาไปซ่อนบางส่วนคือผงชูรสกับแป้งทอดกรอบ จากนั้น ผมเลยเอาของล่อ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ นั้นก็คือเอามาม่ามาวางไว้ ให้แกกินแทนเครื่องปรุง ในช่วงที่ผมหลับหรือช่วงทีเผลอ ผมไม่สามารถจับตาแม่แกตลอดเวลาได้ ไม่ไหวครับ
ส่วนของในตู้เย็น ที่แกกินพวกเนื้อดิบ ผมไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ ตอนนี้คิดแค่ว่า เอามาม่าไปแช่ตู่เย็นเหมือนตรงเครื่องปรุง อย่างน้อย ผมก็มองว่าเส้นมาม่าดิบๆคงไม่อันตรายมากกว่าผงชูรสที่กินเปล่าๆแน่ๆ ต้องรอดูผลว่าแกกินไหม ต้องรอดูในวันถัดๆไป
ขอบคุณที่เสียเวลาอ่านครับ