รบกวนขอทราบเหตุผลของแต่ละท่านว่า ทำไมหรือเหตุใดหากจะออกรถใหใ่ยังไม่ออก "รถไฟฟ้า 100%" ครับ แล้วคิดว่า อะไรจะเป็นจุดเปลี่ยนให้หันมาออกใช้รถไฟฟ้า

ขอบคุณสำหรับคำตอบทุกท่าน แจกแผล่บให้ทุกความเห็นเพื่อตอบแทนที่สละเวลามาพิมพ์ตอบนะครับ

ชอบฟิลลิ่งในการขับน้ำมันมากกว่า
ไม่ชอบการรอเติมไฟฟ้า

ผมใช้ Yaris ativ นะ เลือกมานานละ

เน้นถูกเลยล่ะ ตอนมีปัญหา ตอนชน ตอนซ่อม ผมจะได้เอาอยู่ ไม่เซงมาก
ปลายอายุมัน กะไว้เป็นรถเช่า รับส่งตามสนามบินอีกคัน

เลือกรถน้ำมันเพราะ เผื่อขับไกล จะได้เติมแล้วไปต่อได้เลย (ไปไกลคับ กรุงเทพ อุบล อุดร เชียงใหม่ ไปๆมาๆ)

อีกข้อคือ ตอนปลาย แบตมันไม่เต็ม เวลาชาร์ต

คิดและดูเองคนเดียวนะ เท่านี้เลย

สุดท้ายก็ราคาและการซ่อม กับอะไหล่และจำนวนคันมันเยอะ ศูนย์เยอะ

ประมาณนี้ อื่นๆ ถามว่าอยากได้มั้ย ไฟฟ้า อีกคันอาจจะใช้ (ไว้ใช้ในเมืองล้วน คิดว่า)
ซึ่งผมจะเล่าเฉพาะ กับเพื่อนที่มาถามจริงๆ และคนที่อยากแนะนำจริงๆ

ไปพูดในโลกความเป็นจริง เค้าจะเกลียดเอา
สรุป เลือกตามที่ชอบได้เลย

- รถเก่าขายไม่ได้ราคา(เต๊นท์) ขี้เกียจขายเอง ยังไม่ค่อยว่างนัดดูรถ คุยกับคนซื้อ ต่างๆนาๆ

- ถ้าซื้อโดยไม่ขายคันเก่า = ไม่มีที่จอด คือมีแหละแต่ตากแดดไม่ชอบ

- การล่มสลายของ neta มีผลต่อใจพอสมควร เพราะถ้าซื้อไฟฟ้า ผมก็ซื้อถูกๆ ขับขำๆอะ รถดีๆแพงๆบ้านผมมีละ กลัวยี่ห้อที่ซื้อมันปลิว ตอนนี้มอง jaecoo อยู่ ไปดูตัวจริงมาละ ดูดีเลย

- ค่าประกันภัย ต่อจากข้อที่แล้ว เนื่องจากไว้ขับขำๆ ไม่ได้ใช้เป็นหลัก ต่อประกันชั้น1 มันจะคุ้มหรือไม่ (ยังไม่ศึกษาจริงจังแต่เชื่อชาวเน็ตว่าค่าประกันมันแพงกว่ารถน้ำมัน)

- ข้อนี้สำคัญเลย กลัวในอนาคตมันจะถูกกกกกลงไปอีก เพราะแข่งกันทำราคา ไม่อยากหลังหัก 55555555

อ่านมาถึงตรงนี้คงสงสัย ขับขำๆ คือไรวะ?
มันก็ฟีล บางคนวันธรรมดาขับเก๋ง แต่ขี่มอไซค์ไปเซเว่น ไปตลาด ไปกินข้าว ไปห้าง ในวันหยุดอะประมาณนั้นเพราะบ้านผมไม่เคยมีมอเตอร์ไซค์ จะมาซื้อขี่ตอนนี้มันก็ไม่ชิน ไม่ได้รวยนะ ก่อนหน้านี้ก็นั่งรถสาธารณะ

ออกรถไฟฟ้ามาให้แฟนขับส่งลูกไป รร. คับ ขับในเมืองประหยัดกว่าน้ำมันชัดเจนมาก แถมเปิดแอร์นั่งรอลูกอยุ่ในรถได้ ส่วนเรื่องการชาร์ต ที่หลายๆคนกลัว ไม่ต้องไปสนใจคับ กลับบ้านมา เสียบชาร์ท เช้ามาแบตเต็ม ขับต่อ สบายๆ
เน้นขับในเมือง ระยะไม่เกินพิกัดรถ ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยคับ
เรื่องเคลม ของผมเป้น MG4 เคลมสีมา 2 รอบละ ชนเบา เสกิร์ตหน้าแตก ต้องเปลี่ยนไม่ได้รออะไหล่นาน
แจ้งเคลม ประกันอนุมัติ เข้าศูนย์ไม่ถึงสัปดาห์เสร็จแล้ว

แต่ถ้าขับทางไกล แบบ เชียงใหม่ กทม ผมก็เอารถน้ำมัน-แก๊สออกอยุ่ดีคับ ไม่อยากไปแย่งหัวชาร์จกัน แถมเสียเวลาจอดนาน เดี๊ยวเด็กๆจะเบื่อเอาคับ

รถไฟฟ้าเป็นรถคันที่ 4 ของบ้าน แต่ตอนนี้เหลือ 3 คัน เพิ่งขายทิ้งไปคันนึง ไม่มีที่จอดคับ ส่วนรถน้ำมัน กลายเป้นต้องพยายามเอาออกวิ่งสัปดาห์ละครั้ง เพื่อให้รถพร้อมสำหรับจะเดินทางไกลแค่นั้นคับ

ยังไม่ได้รู้สึกมีปัญหากับการใช้รถน้ำมัน ทั้งราคาน้ำมันและการใช้งาน

ผมอยากใช้รถไฟฟ้านะ แต่รอให้มันชาร์ท10นาทีเต็ม สถานีชาร์ทมี10หัวชาร์ททุกที่แบบไม่แชร์ไฟกัน

แต่ตอนนี้มันยังไม่มีไง มี2หัวชาร์ท แถมมาชาร์ทไร30 40นาทีเต็ม แถมบางที่มาแชร์ไฟกันอีก

โอ้ยไม่ไหวหรอก ใครไหวไปก่อนเลย ผมซื้อรถใหม่มาปีนึงละก็ใช้รถน้ำมันเหมือนเดิมเหลือผ่อนอีก3ปี

คิดสภาพนั่งรถไปกับสาวมารอชาร์ท สภาพ ทั้งขาไปขากลับ กว่ามีเลิกคบกันอะบอกเลยนอกจากสาว

จะใช้รถไฟฟ้าอยู่ก่อนละ ก็เลยชินรับสภาพได้ คือคนจนเข้าใจได้นะว่าต้องใช้รถไฟฟ้า แต่ผมเห็นคน

รวยๆก็ใช้กันเพื่อ เวลาพรี่โคตรจะมีค่าเลย เอามาเสียเวลากับการชาร์ทเพื่อ

ผมเป็นคนนึงที่เพิ่งออกรถไฟฟ้ามา 1 ปี เนต้า x smart โดนแพไปเรียบร้อย กับที่บ้านออกนิสสันคิก ก่อน 2 เดือน เพราะชอบขับคิก เลยไปลองรถไฟฟ้า
ที่เลือกออกรถใหม่เหตุผลหลักคือ ทดลองขับแล้วชอบ ดังนั้นถ้าจะซื้อรถไม่ว่าน้ำมันหรือไฟฟ้าต้องไปลอง เพราะความชอบของคนเราไม่เหมือนกัน และเงินที่มีว่าจะซื้อรถราคาเท่าไรครับ
ถ้าเอารีวิวเล็ก ๆ น้อย ๆ นะครับ
1. ผมชอบฟิลลิ่งการขับรถไฟฟ้า ความชอบส่วนตัวไม่เหมือนกันไม่ผิดนะครับ มันไปเรียบๆ เงียบๆ แต่ผมไม่ใช่คนขับเร็วขับมุดเน้นตาม ๆ คันหน้า แต่ชอบความหน่วงประมาณรถน้ำมันเพราะที่บ้านอีกคันเป็นซีวิคไดเมนชั่นติดแก๊ส อายุ 23 ปี 3แสนโล เลยขับ โหมด eco ตลอด ถึงจะ eco ถ้ากดคันเร่งก็ตอบสนองเช่นกัน เลยไม่มีปัญหาจังหวะเเซง และการรีเจนผมก็เลยแบบต่ำสุดเพราะชอบให้รถไหลๆ หน่วงน้อย ๆ หัวไม่ทิ่ม เพราะมันไม่ประหยัดกว่ากันเท่าไร ดังนั้นฟิลลิ่งการขับถือว่าผ่าน
2. อัตราการสิ่นเปลือง จากการใช้จริงขับจากเพชรบุรีไปนราธิวาสประมาณ 1000 โล เทียบกันระหว่างคิกกับเนต้า ที่ใช้การขับแบบเดียวกัน คือด้วยที่มีเด็กอีก 2 คน ขับยาวมากๆ ไม่ได้เลยต้องนอนสุราษ 1 คืน ระยะทางประมาณ 500 โล แน่นอนขับน้ำมันก็เติมน้ำมันแปบเดียว แต่ก็จอดทานข้าวเช่นกันเพราะมีเด็ก ส่วนรถไฟฟ้าเลยไปกินที่ห้างที่มีที่เติมไฟ ก็ใช้เวลาไม่ต่างกัน เพราะกินที่เดิม เเต่ปัจจัยคือระยะทางที่ขับ ถ้าคนที่เน้นขับยาว ๆ ให้ถึงรวดเดียวบอกตรง ๆ ว่าไม่เหมาะ เพราะถ้า 1000 นี่ อย่างน้อย ๆ ต้องเติม 3 รอบ ต้องวางแผนว่าจุดไหนบ้าง จะวุ่นวายมากๆ แต่ถ้าขับแบบผม สบาย ๆ ไม่ต่างกันเพราะต้องพักให้เด็ก ๆ สรุปเวลา ไม่ต่างกันระหว่างรถกินน้ำมันกับรถกินไฟ แต่ที่ต่างกันคือ ค่าน้ำมันประมาณ 2300 (ขับได้ที่ประมาณ 17 โลลิตร น้ำมันเหลือ) ค่าไฟประมาณ 1200 กับระยะทาง 1000 โล
3. ค่าประกันชั้น 1 ปีที่ 2 คิกอยู่ที่ 24000 ซ่อมห้าง ทุน 5 แสน ไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนแรก ส่วนเนต้ารู้ใจเท่านั้นเพราะเหลือเจ้าเดียว ซ่อมห้าง/อู่นอก ทุน 4 แสน 9 อยู่ที่ 19000 มีค่าใช้จ่ายส่วนแรก 3000 จริง ๆ ราคาไม่ต่าง แต่ไม่รู้ว่ารู้ใจดีมั้ย ไม่เคยมีประสบการณ์ครับ และถึงจะเคลมได้ก็ไม่รู้มีอะไหล่ป่าว เลยต้องขับระวังสุด ๆ
4. ถ้าเสียซ่อมนอนชัวร์เพราะบริษัทไปเเล้วซ่อมเองแน่นอน แต่กลุ่มผู้ใช้ก็ดูช่วยเหลือกันดี คือต้องช่วยตัวเองแหละ บริษัทไม่รับประกันแล้วแน่ๆ อู่นอกก็มีที่ซ่อมจบได้หลากหลายอู่มากขึ้น แค่ต้องจ่ายเอง
5. ถ้าที่บ้านติดโซล่าเซลล์แล้วชาร์จกลางวันได้จะประหยัดไปได้อีก จากที่ 1 หน่วย 5 บาท จะขับได้ประมาณ 6 กิโล จะเหลือประมาณหน่วยละ 3 บาทแบบมิเตอร์ปกตินะครับไม่ใช่ tou เท่ากับว่าจะได้ประมาณโลละ 50 ตังค์ ส่วนตัวผมชอบชาร์จ dc เพราะเร็วแต่ไม่ค่อยชาร์จ ptt เพราะขี้เกียจจอง ซึ่งตอนนี้ pea rever ถูกกว่า ถ้าแบตลดเยอะๆ ก็จิ้ม dc ซัก 15 นาที ก็จะได้มาประมาณ 20 หน่วย 100 นิด ประมาณ 30% ให้รถมันรู้จัก เดี๋ยวไม่ชาร์จนานละชาร์จไม่ได้อีก กรณีเเบตเหลือน้อยต่ำกว่า 40% จะชาร์ได้ใกล้ๆ 80-100kW และจะลดลงเมื่อเเบตเยอะขึ้น ที่รีวิว กันเยอะ ๆ 20-80% นี่ 30 นาทีถึงแน่ๆ แต่หลังจากนั้นช้าจริง จะลดเหลือ 40 20 10 ยิ่งใกล้ 100 ยิ่งช้า ดังนั้นถ้ากะเติม 100 เสียเวลาจริง แต่ถ้าเอาแต่ถึง 70-80 ที่เหลือก็ชาร์จที่บ้านเอา ก็จะเหมาะมาก
สรุป ถ้าจะซื้อรถไฟฟ้าสไตล์การใช้ชีวิตจะต้องไม่เปลี่ยนไปจากเดิมมาก ถ้าชอบขับรถไกลๆ มาขับรถไฟฟ้าก็ไม่เหมาะครับ เพราะต้องวางแผนมากกว่าเดิม ถ้าต้องไปจอดรถรอลูกที่โรงเรียน เปิดแอร์ให้หมานอนในรถไม่ต้องเอาไปฝากเพิ่ม รถน้ำมันก็ไม่เหมาะอีก ดังนั้นมันขึ้นอยู่กับคนใช้ครับ ว่าใช้ยังไง แต่ถ้าให้เลือกได้ถ้าซื้อรถตอนนี้ด้วยราคาเดิมจะซื้อไฟฟ้าหรือน้ำมัน ด้วยราคาตอนนี้ ผมก็เอารถไฟฟ้าเเต่เป็น aion V แทน ราคาเพิ่มนิดหน่อยแต่มีศูนย์ที่รับจบได้ก็อุ่นใจหน่อย เพราะตอนนั้นมัน 990000 ซื้อไม่ไหว TT
ไม่รู้ตอบตรงมั้ยแต่มาให้ข้อมูลสำหรับคนใช้จริงและยังโชคดีที่มันยังไม่เสียครับ

อดไม่ได้เลยที่จะตอบเพราะ 2 คำถามตรงกับผมหมดเลย

ตั้งงบไว้ 80,000-1,200,000 ผมว่าผมเป็นคนเรื่องมากพอสมควร หากต้องเสียเงินเป็นล้านๆ สรุปใช้เวลาเกือบปีถึงตัดสินใจได้

-ผมมี Plan จะออกรถตั้งแต่สิงหาปี 67 หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่เอา EV เพราะลองคำนวนแล้วยังไงก็ไม่คุ้ม ประหยัดแค่ค่าพลังงาน นอกนั้นคาดเดาอะไรไม่ได้เลย ดูในงาน Motor expo ปลายปี67 ก็ยังตัดสินใจไม่ได้

-ระหว่างนี้ตระเวนเข้าศูนย์ทดลองขับหลายๆรุ่น แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ แต่คะแนนนำโด่งคือ Corolla Cross

-ล่วงเลยมาจน Motor show มีนา-เมษา68 ตอนนี้มีโอกาสได้ลองและเปิดใจกับ EV รวมถึง Plugin Hybrid ด้วย ตอนนี้บอกเลยความคิดเปลี่ยนไปมาก เคยคิดว่ารถจีนวัสดุก็คงตามราคา ที่ไหนได้เทียบรุ่นต่อรุ่น ราคาต่อราคา วัสดุรถจีนดีกว่าเยอะ เยอะแบบเห็นได้ชัดเจน พอจบงานนี้ใจเอนมาทาง Plugin Hybrid เพราะยังไม่กล้าไป EV 100%

-หลังงานนี้ลองศึกษาในเน็ตทั้งสื่อในและนอก รวมถึงตระเวนตามศูนย์ไปทดลองขับทุกรุ่นในย่านราคานี้ ย้ำว่าทุกรุ่นจริงๆ ตอนนี้ใจไปทาง EV ละ ทิ้ง Plugin Hybrid ไปเพราะไม่อยากมานั่งดูและ 2 ระบบ

-พอตอนนี้ปักธงว่าจะมาทาง EV 100% ตอนนั้นคิดในใจแค่ 3 ค่ายคือ BYD AION CHANGAN ก็เหมือนเดิมครับ ผมตระเวณทดลองขับทุกรุ่น บางตัวไปลอง 3-4 รอบเลย

-สุดท้ายหลังจากทดลองขับมาทุกรุ่น เกมส์พลิกครับ ผมตัดสินใจซื้อของค่ายนึง(ขอไม่บอกค่ายนะครับเดี๋ยวจะคิดว่าเป็นหน้ามา) ปัจจัยหลักๆ เลย คือช่วงล่างดีกว่าชาวบ้านหน่อย กับ บ.ที่นำเข้าชื่อเสียงคือไว้ใจได้ระดับนึงเลย (ค่ายที่ผมเลือก บ.แม่ไม่มาเอง) หน้าตาภายนอก+หน้าตาภายใน รวมถึง Software

-สรุปผมใช้ EV มา 3 เดือน รู้สึกโอเคมากๆ ติดแค่ software บางอย่างที่ขัดใจไปหน่อย กับการโยนของช่วงล่างตามสไตล์รถจีน นอกนั้นถูกใจและคิดว่าตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกรุ่นนี้ ไว้ผมจะตั้งมู้รีวิวแบบละเอียดให้ฟัง

จะซื้อ EV ตอนที่ออกรถคันที่ 2 ครับ
ตอนนี้มีรถน้ำมันแล้ว

ของผมมองรถไฟฟ้าเป็นเหมือนโทรศัพท์มือถือเลยครับ ผมชอบฟิลลิ่งการขับนะ แต่ผมไม่ค่อยได้ใช้รถ ผมไม่รีบอะ
มันต้องว้าวเกินกว่าแค่การการเป็นรถธรรมดาที่ขับไปไหนมาไหนได้ ผมเคยเช่ารถไฟฟ้ามาใช้ ผมว่าเรื่องการชาร์จไม่ค่อยเป็นประเด็นเท่าไร เพราะไม่มีไอเสียเหมือนรถน้ำมัน เปิดแอร์นอนในรถระหว่างชาร์จก็ได้

ผมแอบมีอคติอย่างนึงคือรถจีนที่ขายบ้านเรา มันเป็นเทคโนโลยีที่ทำมาหลายปีแล้วอะ ซึ่งจริงๆ เครื่องยนต์รถสันดาปบางรุ่นใช้กันเป็น 10ๆ ปีแต่ผมไม่อคติ ไม่รู้ทำไม
แต่กะระบบมอเตอร์ไฟฟ้าดูแล้วมันเหมือนตกรุ่น