สรุปดราม่าทรัมป์ถล่มตลาดหุ้น,คริปโตเมื่อคืน
ทรัมป์ โกรธอะไรจีนขนาดนั้ ถึงเริ่ม Trade War รอบใหม่ แล้วทำตลาดถล่มเละเทะ?
คำตอบคือ โกรธที่จีนเพิ่มกฎการควบคุมการส่งออกให้ครอบคลุม แร่หายาก (Rare Earths) ซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญมากๆในโลกปัจจุบันเลยขออธิบายในโพสนี้ว่า จีนทำอะไร และมันจะกระทบอะไรกับโลกเรา โดยเฉพาะอเมริกาบ้าง ไปดูกัน
เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ของจีน (MOFCOM) ออกประกาศ 6 ฉบับ (หมายเลข 55, 56, 57, 58, 61, 62)
ขยายขอบเขตการควบคุมการส่งออกให้ครอบคลุม
• แร่หายาก (Rare Earths)
• เครื่องจักรและเทคโนโลยีผลิตแม่เหล็ก (Magnet Manufacturing Equipment)
• วัตถุดิบแบตเตอรี่และกราไฟต์สังเคราะห์บางประเภท
• รวมถึง สินค้าต่างประเทศที่มีวัตถุดิบจากจีนเกินเกณฑ์ 0.1%
• ส่วนแรกเริ่มบังคับใช้แล้ว ส่วนขยายเต็มรูปแบบจะเริ่ม 1 ธันวาคม 2025
ทำไมเรื่องนี้สำคัญมาก?
1. เพราะจีนกำลัง “คุมคอขวดของอุตสาหกรรมโลก” (Global Bottleneck)
• จีนครองสัดส่วนมากกว่า 90% ของการแปรรูปแร่หายากและการผลิตแม่เหล็กถาวรโลก
• วงการที่พึ่งพาสูงสุดคือ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) — มูลค่าตลาด $784B, สมาร์ทโฟน ($435B), คอมพิวเตอร์ ($220B), กังหันลม ($150B) แสดงให้เห็นว่า การควบคุมการส่งออกสามารถ “บีบคอห่วงโซ่อุปทานโลก” ได้ในพริบตา
2. ผลกระทบลามไปทั่ว — ไม่เฉพาะสหรัฐฯ
• อินเดียและยุโรปซึ่งเป็นฐานการผลิต EV, หุ่นยนต์ และอุปกรณ์อุตสาหกรรม จะต้องมี “ใบอนุญาตส่งออกซ้ำ (Re-export license)” หากสินค้ามีส่วนประกอบที่มาจากจีน
• นี่คือครั้งแรกที่จีน “ขยายอำนาจการกำกับดูแลออกนอกพรมแดน” ในห่วงโซ่เทคโนโลยี
3. จีนให้เหตุผลว่าเป็นการ “ปกป้องความมั่นคงของชาติ” และ “ตอบโต้แรงกดดันจากภายนอก”
แต่ในทางปฏิบัติ นี่คือ “อาวุธทางเศรษฐกิจ” ที่ทรงพลังที่สุดของจีนในยุคหลังสงครามการค้า
ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้คือ
1. ห่วงโซ่โลจิสติกส์จะแตกกระจุยเลน (Fragmentation) เพราะบริษัทต้องแยกแหล่งจัดหาวัตถุดิบจีนกับไม่จีนชัดเจน
2. ความเสี่ยงด้านเวลาและทุนหมุนเวียน (Working Capital Risk) การขอใบอนุญาตส่งออกอาจกินเวลาเป็นเดือน
3. จะเกิดการสะสมและตุนสต็อกแม่เหล็กและแร่หายากทั่วโลก เพื่อป้องกันความไม่แน่นอนของ supply ในปีหน้า คำถามคือ จะไปลากเงินเฟ้อตามมาด้วยไหม?
แล้วโลกจะเปลี่ยนไปยังไง ถ้าจีนเอาจริง?
• จีนกำลังสร้างระบบการกำกับดูแลทรัพยากรระดับโลก (Resource Governance System)
ที่ทำให้ทุกบริษัทต้อง “เดินเข้ามาอยู่ในกรอบกฎหมายของจีน” หากใช้วัตถุดิบจีน
• ประเทศคู่แข่งอย่างอินเดียและสหรัฐฯ อาจเร่งลงทุนสร้างโรงงานแปรรูปแร่หายากของตัวเอง
(ซึ่งต้องใช้เวลา 3–5 ปี)
• บริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ต้องเริ่มใช้ซัพพลายเออร์นอกจีนแบบคู่ขนาน (dual sourcing) ตั้งแต่ตอนนี้
สรุปคือ กฎใหม่ของ MOFCOM จะเป็นจุดเปลี่ยนทางภูมิรัฐศาสตร์ของเทคโนโลยีโลก (Geoeconomic Turning Point) เพราะครั้งนี้ไม่ใช่แค่การแบน หรือ ใช้ภาษีเป็นเครื่องมือ แต่คือการ “ควบคุมกระบวนการผลิตทั้งระบบ” ตั้งแต่เหมืองถึงสินค้าสำเร็จรูป
เข้าใจกันแล้วนะ ทรัมป์โกรธอะไร ไม่ใช่เพราะไม่ได้รับรางวัลโนเบลหรอก ... หรือว่าใช่ด้วยหว่า
ที่มา Mr.Messenger