คณะกรรมการบริหารของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเพิ่งประชุมกันที่สวิตเซอร์แลนด์ ท่ามกลางบรรยากาศที่ค่อนข้างเป็นบวกหลังจากชัยชนะเหนือซันเดอร์แลนด์ในพรีเมียร์ลีก ซึ่งช่วยบรรเทาแรงกดดันต่อรูเบน อโมริม หัวหน้าโค้ชได้ชั่วคราว อย่างไรก็ตาม เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ เจ้าของร่วม ได้ยืนยันต่อสาธารณะว่า อโมริมมีเวลาสามปีในการพิสูจน์คุณค่าของตัวเอง

ความสงบสุขเกิดขึ้นเพียงช่วงสั้นๆ เมื่อเติร์กกี อัล-ชีค เจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบีย โพสต์ข้อความบน X อ้างว่าสโมสรกำลังเจรจาขั้นสูงเพื่อขายให้กับนักลงทุนรายใหม่ ซึ่งก่อให้เกิดการคาดเดากันอย่างกว้างขวาง ต่อมาอัล-ชีคได้ออกมาชี้แจงว่าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และผู้ซื้อไม่ใช่ชาวซาอุดีอาระเบีย โดยเปิดเผยข้อมูลนี้ในฐานะแฟนบอลที่หวังว่าจะเปลี่ยนจากตระกูลเกลเซอร์

โครงสร้างหุ้นของสโมสรประกอบด้วยหุ้นคลาส A ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) และหุ้นคลาส B ที่มีสิทธิออกเสียงสูงกว่า ซึ่งส่วนใหญ่ถือครองโดยตระกูลเกลเซอร์ ทำให้พวกเขามีอำนาจควบคุมการลงคะแนนเสียงถึง 67.91% แม้ว่าจะมีหุ้นทั้งหมดไม่ถึงครึ่งหนึ่งก็ตาม INEOS ของแรทคลิฟฟ์ถือครองหุ้นเกือบ 29% ในแต่ละคลาส ซึ่งได้มาในข้อตกลงปี 2024 ซึ่งรวมถึงเงินทุน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการควบคุมการดำเนินงานด้านกีฬา ข้อตกลงนี้รวมถึง "สิทธิ์ลากจูง" ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2025 อนุญาตให้ตระกูลเกลเซอร์สามารถบังคับให้แรทคลิฟฟ์เข้าร่วมการขายหุ้นทั้งหมด แต่ข้อตกลงใดๆ ก่อนเดือนกุมภาพันธ์ 2027 จะต้องสูงกว่า 33 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้นที่แรทคลิฟฟ์จ่ายไปเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะได้รับคืนเงินลงทุน

การขายที่อาจเกิดขึ้นอาจทำให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมีมูลค่าอย่างน้อย 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนปี 2027 ซึ่งแซงหน้าสถิติของเชลซี แม้ว่าราคาหุ้นปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 16 ดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้มูลค่าของสโมสรอยู่ที่ 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังปี 2027 แรทคลิฟฟ์จะสูญเสียการรับประกันราคา ซึ่งอาจทำให้เกณฑ์ของข้อตกลงลดลง

****ตระกูลเกลเซอร์อาจต้องการขายหุ้นเร็วขึ้นเพื่อเพิ่มผลตอบแทนสูงสุด ท่ามกลางการรีไฟแนนซ์หนี้และการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้น ผู้ซื้อที่คาดว่าจะเข้าร่วมประมูลประกอบด้วย ชีค จัสซิม แห่งกาตาร์ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยประมูลไม่สำเร็จ, ผลประโยชน์ของซาอุดีอาระเบียแม้จะถูกปฏิเสธ, กลุ่มบริษัทร่วมทุนในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และบริษัทไพรเวทอิควิตี้ แม้ว่ากระบวนการใดๆ ก็ตามจะยืดเยื้อเนื่องจากความซับซ้อนของกฎระเบียบและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย****

หลังแมนฯ ยูไนเต็ดชนะซันเดอร์แลนด์ บรรยากาศในทีมดีขึ้นชั่วคราว แต่ เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ ยืนยันว่า รูเบน อาโมริม จะมีเวลา 3 ปีพิสูจน์ฝีมือ

ความสงบพังทันทีเมื่อ Turki Al-Sheikh โพสต์ใน X ว่าสโมสรอยู่ในขั้น “เจรจาขาย” กับนักลงทุนใหม่ แต่ภายหลังบอกว่าแค่แชร์ในฐานะแฟน ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง

โครงสร้างหุ้นของสโมสร:

- หุ้น Class A (ทั่วไป) ซื้อขายในตลาด NYSE
- หุ้น Class B (มีสิทธิ์โหวตมากกว่า) อยู่กับตระกูล เกลเซอร์ ซึ่งคุม 67.91% ของสิทธิ์โหวต

INEOS ของ Ratcliffe ถือหุ้นเกือบ 29% พร้อมลงทุนเพิ่ม $300 ล้าน และได้สิทธิ์ควบคุมด้านกีฬา
- ตั้งแต่ ส.ค. 2025 เกลเซอร์สามารถ “บังคับขายพร้อมกัน” ได้ (drag-along rights)
- ถ้าขายก่อน ก.พ. 2027 ต้องขายเกิน $33 ต่อหุ้น เพื่อให้ Ratcliffe ได้ทุนคืน

ถ้าขายก่อน 2027 มูลค่าสโมสรต้องไม่น้อยกว่า $5.7 พันล้านดอลลาร์ แต่ตอนนี้หุ้นอยู่ที่ $16 ประเมินมูลค่าประมาณ $2.8 พันล้านดอลลาร์

หลังปี 2027 Ratcliffe จะไม่มีการการันตีราคา ทำให้เกลเซอร์อาจรีบขายก่อน เพื่อได้ราคาสูง

ผู้ซื้อที่ถูกคาดเดา: Sheikh Jassim (กาตาร์), กลุ่มทุน ซาอุฯ, UAE, หรือ กองทุนเอกชน
แต่การขายจริงจะใช้เวลานาน เพราะมีขั้นตอนซับซ้อนทางกฎหมายและผู้ถือหุ้น

ขอบคุณคับที่ย่อยให้เพื่อนๆเข้าใจง่ายคับผม

เมิงรีบขายเถอะ ไม่ได้แชมป์ลีกมากี่ปีแล้วเพราะไอ้ปลิงเนี่ย

จิมรักและเป็นแฟนแมนยูก็จริง แต่บริหารมันแปลกๆยังไงไม่รู้ คงไม่เหมาะแล้วล่ะ ตัวเองไม่มีความรู้เรื่องบอลแต่ล้วงลูก คนเก่งๆไม่ใช้ไม่หา ใช้แต่บอร์ดกาวๆ ขืนอยู่ต่อไปมีหวังเละกว่านี้

ไปไกลๆทั้งคู่เลย ทั้งไอ้เกลเซอ ทั้งจิม

ลุงจิมนี่ถ้าเก่งแล้วมาล้วงลูกก็ดีไปแต่นี่ผลงานปัจจุบัน มันไม่ไหวอ่ะ ได้แต่ผลงานนอกสนามที่พัฒนาสนามซ้อม

จิมมันเทคแต่ละทีมไม่ได้เรื่องทั้งนั้น ขายให้กลุ่มทุนน้ำมันเถอะไป