ไมเคิล โอเว่น อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ ออกโรงปกป้อง รูเบน อโมริม กุนซือ "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังถูกตำนานปีศาจแดงอย่าง แกรี่ เนวิลล์ และ เวย์น รูนี่ย์ วิจารณ์อย่างหนักว่าดื้อดึงใช้ระบบหลังสาม (3-4-2-1) จนทีมผลงานย่ำแย่


โดย โอเว่น มองว่าการโทษระบบการเล่นเป็นสาเหตุหลักของปัญหา ถือเป็นเรื่องน่าอายและตื้นเขินเกินไป

อดีตหัวหอกลิเวอร์พูลและยูไนเต็ด ยืนยันว่าปัญหาของทัพปิศาจแดงไม่ได้อยู่ที่ระบบหลังสาม แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่สะสมมานานหลายปี ตั้งแต่ยุคหลังเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

“ตั้งแต่เฟอร์กี้อำลาทีม พวกเขาเปลี่ยนผู้จัดการทีมมาหลายคน โทษนักเตะ ใช้เงินมหาศาลซื้อนักเตะระดับโลกแต่ล้มเหลว"

"เปลี่ยนทีมบริหาร เปลี่ยนบอร์ด เมื่อเซอร์จิม แรตคลิฟฟ์เข้ามา ปรับปรุงสนามซ้อม วางแผนสร้างสนามใหม่ ไล่สตาฟฟ์ออกยกชุด แม้แต่แม่ครัวก็ไม่เว้น สุดท้ายก็มาตกที่แท็กติกหลังสาม มันน่าขำมาก"

"มันไม่ใช่เลย ต่อให้กลับไปใช้หลังสี่ พวกเขาก็อาจเล่นได้แย่เหมือนตอนเทน ฮาก แต่ก็นั่นแหละ" โอเว่น กล่าว

โอเว่น ยังชี้ว่าในอดีตทีมใหญ่หลายทีมประสบความสำเร็จกับระบบหลังสาม และถึงแม้ระบบนี้อาจไม่ใช่จุดแข็งของเขา แต่การกล่าวโทษมันว่าเป็น ต้นเหตุหลักของความล้มเหลวทั้งหมดเป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผล

เขายังเห็นด้วยกับ อโมริม ที่แสดงความกังวลว่าคำวิจารณ์จากกูรูอาจมีผลกระทบทางจิตใจต่อนักเตะ เพราะผู้เล่นยุคนี้หลีกเลี่ยงเสียงวิจารณ์จากสื่อและโซเชียลมีเดียไม่ได้

“นักเตะขับรถไปซ้อมก็ฟังวิทยุ อยู่บ้านก็ดูทีวี เล่นโซเชียลมีเดีย พวกเขาได้ยินทุกอย่างอยู่แล้ว ยิ่งคำพูดมาจากตำนานที่พวกเขาเคารพ มันยิ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของทีมแน่นอน”

สำหรับอนาคตของ ยูไนเต็ด โอเว่น มองว่า สโมสรยังคงมีศักยภาพสูงพอที่จะกลับมายิ่งใหญ่ได้ในอนาคต เพียงแต่ อโมริมริม ต้องสร้างความหวังให้แฟนบอลเห็นถึงทิศทางและแผนการระยะยาว

“แฟนบอลยูไนเต็ดไม่คาดหวังแชมป์ทันที แต่พวกเขาต้องการเห็นความก้าวหน้า เห็นความหวังบ้าง ตอนนี้ อโมริม ยังไม่สามารถมอบสิ่งนั้นได้ และนั่นคือปัญหาที่แท้จริง”

โอเวน ทิ้งท้ายว่า วัฏจักรการตกต่ำของทีมใหญ่ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยเปรียบเทียบกับลิเวอร์พูลในยุค 90s และอาร์เซนอลหลังยุคเวนเกอร์ และเชื่อว่า ยูไนเต็ดจะกลับมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้แน่นอนในอนาคต

“อาจใช้เวลาอีก 2 ปี 4 ปี หรือ 10 ปี แต่ทุกคนรู้ พวกเขาจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อีกครั้งแน่นอน เพราะสโมสรแห่งนี้ใหญ่ รวย และแข็งแกร่งเกินกว่าจะไม่กลับมาได้ มันเป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น"

มองขาด สมแล้วที่เคยคว้าบัลลงดอร์

ตอนแรกก็คิดอาจจะเกี่ยวกับนักเตะ แต่ แรชฟอร์ด แอนโทนี่ย์ แมคโท ฮอยลุนด์ ก็ไปได้ดีกับวิถีนักบอล

แต่ส่วนที่ต้องโละก็ยังมีนะในทีม พวกแมคไกรว์ ดาโลห์ อิชอว์ บรูโน่ บายินดีย์ คาเซ(หมดสภาพกับที่ทีมได้รับการฟื้นฟูหนักๆ)

ถ้าได้อยู่ครบ3ปี ก็ต้องเคารพเจ้าของทีม ดีไม่ดีก็ต้องเชียร์กันนั่นแหละ อดทนก้าวข้ามไปนั่นแหละ

มิลานก็เคยยิ่งใหญ่นะ

มันใช่หมดแหละ แต่สโมสรระดับนี้แม้จะมีปัญหาโครงสร้างมากแค่ไหนแต่มันก็มีเงินที่สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ซึ่งก็ได้ใช้เงินนั้นไปแล้วเยอะด้วย แต่ปัญหาเฉพาะหน้ามันก็ยังแก้ไม่ได้เป็นใครก็หงุดหงิดโดยเฉพาะแฟนบอลหรือพวกตำนานทีม

ถ้าคุณจะยึดแนวทางแก้ปัญหาที่โครงสร้างตั้งแต่รากแบบขอเวลา แล้วปั้นนักเตะรอ3-4ปีกลับมายิ่งใหญ่ คุณก็ต้องชัดเจนแต่แรกแฟนบอลก็จะเข้าใจและรอได้แหละ แต่นี่ไม่ใช่ไงพี่เลือกเวย์ทุ่มเงินสู้แล้วอย่างน้อยให้มันมีอะไรบ้างไม่ใช่ยังกับทีมกลางตารางค่อนไปทางหนีตกชั้นแบบนี้

ถ้าเป็นสมัยก่อนนักเตะที่สร้างความผิดพลาดบ่อยๆอย่างดาโลท์คงไปไหนต่อไหนแล้ว

เค้าไม่ได้โทษระบบหรอก เค้าโทษสติปัญญาของโค้ชที่ไม่ปรับตามสถานการณ์มากกว่าครับ

จริง ระบบเพื่อนกันช่วยกันไม่ควรอยู่ในทีมระดับนี้แล้ว
ให้โอกาสอ่ะได้ แต่ไม่ผ่านก็คือต้องไป

มันก็จริง...แต่ปัญหามันก็ยังไม่มีทางแก้ไขได้เลย

เห็นด้วยเลยครับ หลายคนไม่ได้ซีเรียสกับหลัง 3

แต่พออโมริมไม่ยืดหยุ่น ไม่ว่าเอาใครลงก็ฟอเมชั่นเดิม

ทุกคนก็จะหน่ายกับหลัง 3 ที่ลดทอนประสิทธิภาพนักเตะหลายคน

เช่น เพิ่มผู้เล่นแนวรุกอย่างเมาท์ลงมา แต่ให้ไปยืนวิงซ้าย

ไม่นับรวมพวกที่อยู่ในสนามก่อนแล้ว ที่ต้องโยกเล่นหลายตำแหน่งในนัดเดียว

แต่ฟอร์เมชั่นเดิมเป๊ะๆ 3-4-2-1

แล้วทำไมตอนอยู่แมนยูมันไม่ยอมวิ่งล่ะครับ