https://www.facebook.com/share/p/19i8pVGKtd/

เพ้อเจ้อผูกใจเจ็บไปเรื่อง OECD เพราะแค่ตัวเองไม่สามารถรับเด็กป.เอกมาทำวิจัยไม่ได้แค่นั้นแหละ

ก็แปลกดี จำได้ว่าจุฬาฯนี่อาจารย์ผม 90% ก็เป็น ดร.กันหมด (มีป.โทอยู่ 1-2 คน) เพราะจำได้ว่าจุฬาฯเคยมีกฎภายในกันเองว่ารับเฉพาะป.เอกเป็นอาจารย์ หรือถ้ารับป.โทเข้ามาก็ต้องรีบปั่นเปเปอร์ให้ได้เพื่อยื่นเลื่อนขั้นตัวเองเป็นป.เอก มิฉะนั้นก็จะเจอปัญหาเรื่องแบบนี้

ประเด็นคือไอกฎเรื่องรับนิสิตได้ไม่เกินวุฒิตัวเองเนี่ย มันมีมาตั้งหลายปีแล้วนะ

ตัวเองก็เลื่อนขั้นมาสุดขนาดนี้ (ศาสตราจารย์) ก็น่าจะรู้เรื่องนี้อย่างดีอยู่แล้ว จะตีโพยตีพายทำไม?
รับนิสิตมาวิจัยหลักๆก็เพื่อเขียนเปเปอร์เพื่อขอเลื่อนขั้นหรือถ้าเป็นของจุฬาฯก็จะมีเรื่องจำนวนเปเปอร์ที่ต้องตีพิมพ์เป็นขั้นต่อปีเพื่อคงสภาพเป็นอาจารย์เอาไว้ (มันบังคับกันงี้แหละ)

ถ้าออกเปเปอร์ปกติไม่ต้องสรรหาไปเด็กป.เอกก็ได้ ป.โทมันก็ตีเปเปอร์ออกมาได้เหมือนๆกัน ฉะนั้นแล้วยิ่งพูดออกมามันยิ่งย้อนแย้ง คือบอกว่าคนไทยนับถือกระดาษ ประเด็นคือตัวเองก็อยากได้ป.เอกมาตีกระดาษเอาชื่อเหมือนกัน

ปล. แล้วที่ผ่านๆมาอยู่รอดมาในตำแหน่งได้เนี่ย ก็ต้องมีการตีพิมพ์เปเปอร์ ถ้าไม่อยากทำเรื่องพวกนี้ก็เกษียณได้หนิ? มหาลัยแพทย์อื่นๆเขาก็แบบนี้กัน งานวิจัยมันก็ต้องมีการตีเปเปอร์ออกมาเพื่อการันตีว่าไอที่เขาป้อนเงินเบิกไปเป็นล้านๆค่าวิจัยต่อปีเนี่ย มันงอกมาเป็นผล ไม่ใช่ละลายลงน้ำหมด

กระดาษไหนจะสู้กระดาษที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย

แกเป็น ศ. ผมว่าระเบียบที่ปรึกษส ควร ดร.หรือ ศ. หรือ รศ. แล้วแต่เกณฑ์คณะ