กลับมาอีกครั้งกับดราม่าการขายสโมสร ซึ่งมีความเคลื่อนไหวเมื่อคืนจาก Tier โหดของ Saudi Arabia

และมาวันนี้ ทาง Keegan ได้ออกมาเสริมตรงนี้อีก โดยสรุปแล้วคือตัวสโมสรได้กลับมาสู่ตลาดซื้อขายอีกครั้งหลังผ่านเดือนสิงหาคมมา

- ข้อตกลงการเข้าซื้อหุ้นของ Sir Jim Ratcliffe ในแมนฯ ยูไนเต็ด มี “drag-along clause” ซ่อนอยู่

- หลังครบ 18 เดือน หากตระกูล Glazer ต้องการขายสโมสร พวกเขาสามารถ บังคับให้ Ratcliffe ต้องขายหุ้นของตนด้วย ในเงื่อนไขเดียวกัน

- หมายความว่า Ratcliffe ไม่มีสิทธิ์ขัดขวางการขายทั้งสโมสร ได้อีกต่อไป

- ส่งผลให้ อำนาจต่อรองของ Ratcliffe ลดลง และ Glazer ยังคงถือไพ่เหนือกว่าในดีลอนาคต

หรือว่าที่เซอร์จิมฯ บินไปคุยกับเกลเซอร์ เมื่ออาทิตย์ก่อนคือ

ไม่อยากหวังอะไร

ฉันต้องหวังไหม

ผมกลับมาแล้ว

อาหวังมีกำลังใจ

มันน่าคิดนะถ้าได้เจ้าของใหม่แล้วไง การบริหารจะดีขึ้นหรือไม่ ทุกวันนี้ติดเรื่องเงินหรือเรื่องอะไรกันแน่ หรือหลายๆ เรื่องรวมกันเลยต้องแก้ตรงยอดก่อน

มีรูปอื่นของท่านนี้บ้างไหม

รูปในข่าวไงท่าน ตรงกลาง

มโนเอาเอง เกลเซอร์เห็นเซอร์จิมบริหารแบบนี้มีแต่มูลค่าลดลงๆ ตัดขายตั้งแต่ตอนที่ยังมีมูลค่ามากดีกว่า

คนนี้ของกาต้าครับ ครั้งนี้เป็นคนซาอุ

ลุงจิมบริหารแบบนี้สโมสรราคาตกฮวบฮาบแน่มีแต่จะแย่ วางแผนแต่ระยะยาว แต่ปัจจุบันไม่เอาไรเลย วางแผนอนาคตได้แต่มันก็ต้องเน้นปัจจุบันด้วย

ผมรอฟังราคาอย่างเดียวเลย คราวก่อน Glazer เรียก £7 billion ไม่ยอมจ่าย บอกยินดีจะจ่ายแค่ £5 billion โดนพวกอเมริกันถุยใส่หน้าไปทีนึง เสนอราคาได้แบบไม่ต้องเสียเวลาคุยมากๆ รอบนี้ถ้าจะเอาต้องมากกว่า £7 billion อ่ะ ถ้าตีว่า Todd Boehly ซื้อ Chelsea ได้ที่ราคา £4.25 billion ผมบอกเลยว่า รอบนี้ถ้าสุลต่านซาอุจะเอาจริงๆ ต้องจ่ายไม่ต่ำกว่า £8 billion อ่ะ

ไม่มีคำว่ามูลค่าลดลงครับ ต่อให้ทีมจะตกชั้นจาก EPL มูลค่าที่ Glazer จะยอมขายก็ไม่ลดลง มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นวัฒนธรรมของพวกอเมริกันในการซื้อขาย franchise กีฬา การซื้อขายทีมกีฬากับคนอเมริกัน มันก็ต้องขายแบบ all time record high เท่านั้น ไปย้อนดูอดีตที่ franchise กีฬาที่เจ้าของเป็นอเมริกันดูเถอะ เขาก็ทำให้เห็นมากี่รอบๆ แล้ว เพราะเจ้าของเขาไม่ได้เดือดร้อนอะไร ขายได้ราคาก็ขาย ขายไม่ได้ ไม่มีคนสู้ราคาก็เก็บไว้ไม่ได้เดือดร้อนอะไร นานไปสินค้ามันมีแบรนด์เป็นที่จดจำติดตลาดไปแล้ว ราคามันก็ขยับไปตามตลาดเรื่อยๆ ยิ่งเป็นสินค้าที่ทดแทนยากแบบนี้ ยิ่งนานวันก็ยิ่งมีราคามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนเดือดร้อนคือคนซื้อกับแฟนบอลทั่วไปที่อ้างไปเรื่อยว่าทีมเป็นของแฟนๆ ถ้าไม่มีแฟนๆ ทีมก็อยู่ไม่ได้หรอก ไม่ใช่ปลิงมะกัน อ้างไปเรื่อย ใครมีหุ้นใหญ่ในมือคนนั้นก็คือเจ้าของบริษัท
.
สำหรับแฟนบอลคุณมันก็แค่ลูกค้าหรือคนมาใช้บริการ เขาไม่ได้ง้อว่าคุณจะไม่พอใจแล้วเปลี่ยนใจย้ายไปเชียร์ทีมอื่น อยากย้ายก็ย้ายไปสิไม่ได้ห้าม เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดแบบนั้น franchise กีฬามันเป็นสินค้าที่ขายความเป็น brand royality ถ้าใครอยากได้ อยากเป็นเจ้าของก็จ่ายในราคาที่เขาอยากขาย ไม่ใช่ราคาที่คุณอยากซื้อ เคสนี้มันไม่สามารถใช้ตรรกะซื้อหุ้นแบบ fundamental ได้นะ จะมาบอกว่าทีมงาน financial analysis ขั้นเทพของสุลต่านประเมินแล้วว่า ทีมที่กำลังตกต่ำ ไม่ประสบความสำเร็จมานาน จะมาขายแพงๆ ได้ยังไง มันควรมีมูลค่าราวๆ 5 พันล้านปอนด์(ราคาที่ชีคเสนอมารอบก่อน) ราคานี้สมเหตุสมผลแล้ว จะมาขายแพงกว่านี้มันเกินมูลค่า บลาๆๆ คุณจะมาพูดเรื่องเกินมูลค่าทำไม หรือคุณแค่อยากได้แล้วเอาไปขายต่อในอนาคตล่ะ แบบนั้นไปปั้นแบรนด์ใหม่แบบ Chelsea, Manchester City หรือ Leicester ง่ายกว่า
.
คุณไปเปิดดูสถิติเลย กลุ่มครอบครัว Walmart ลงทุนซื้อทีม Denver Broncos ที่ลูกผีลูกคนมาหลายปี ในปี 2022 ด้วยราคา $4.65 Billion เป็นราคาทบ 2 เท่าจากครั้งที่ David Tepper ซื้อทีม Carolina Panthers มา $2.275 Billion ในปี 2018 และหลังจากนั้นให้หลังอีก 1 ปีหลังจากดีลซื้อทีม Broncos จบ ในปี 2023 Josh Harris ซื้อทีม Washington Commanders ทีมที่เคยได้แชมป์ SB ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1991(Broncos ได้แชมป์ครั้งสุดท้ายปี 2015 นะ) ด้วยราคา $6.05 Billion ไง...อะไรคือราคาสมเหตุสมผลในแบบที่วงการฟุตบอลชอบพูดถึง เขาไม่ได้สนว่าแพงหรือไม่แพง เขาสนแค่ว่าแบรนด์มันขายได้ มันมีฐานแฟนสนับสนุน เมื่อมีการสนับสนุนก็แปลว่ามันก็จะการันตีรายได้ เมื่อการันตีรายได้มันก็มีเงินมาหมุนมาบริหาร แล้วถึงจะมองต่อไปยังจะทำยังไงให้ประสบความสำเร็จต่อไปในอนาคตเพื่อรักษาฐานเสียง

BBC ดับเทียนและ..