ฟังจากมุม ผู้ผ่อนบ้านกับโครงการ
-พ่อของตนถูกหลอกซื้อบ้านโครงการ ทำสัญญาซื้อราคา 3ล้าน
-ผ่อนชำระตรงกับเจ้าของโครงการ ตั้งแต่ปี 2558 เข้าอยู่ปี 2560
-กระทั่งปี 2563 ทราบว่า บ้านที่กำลังผ่อน ถูกโครงการนำไปจำนองกับสถาบันการเงิน ทำให้พ่อหยุดผ่อน
-ซึ่งตอนนั้นก็ผ่อนไปแล้วเป็นเงินกว่า 1ล้าน 5แสนบาท
-ต่อมาในปี 2567 บ้านถูกกรมบังคับคดีประกาศขายทอดตลาด
-พ่อก็พยายามต่อสู้คดีฟ้องนายพีลภัส เจ้าของโครงการ ซึ่งเขาก็มาไกล่เกลี่ยให้อยู่ไปก่อน เดี๋ยวจะเอาโฉนดมาคืน
-2568 มีคนมาอ้างสิทธิ์ว่า เป็นเจ้าของบ้านคนใหม่ ประมูลซื้อบ้านจากกรมบังคับคดี ให้ขนของออกจากบ้าน
-ซึ่งตนไม่ยินยอม เพราะมองว่า ครอบครัวเสียเงินไปแล้วเป็นจำนวนมาก
-จากนั้นก็พยายามติดต่อเจ้าของโครงการ แต่เจ้าของโครงการหนีหายไปแล้ว ติดต่อไม่ได้
-เจ้าของใหม่แจ้งความ



ฟังจากมุม ผู้ประมูลซื้อบ้านจากกรมบังคับคดี
-ตนซื้อบ้านจากกรมบังคับคดี ตั้งแต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา
-ได้เข้าไปแจ้งกับผู้อาศัยเดิม ว่าตนประมูลได้ตามขั้นตอนกฎหมาย ขอให้ย้ายออกจากบ้าน
-ซึ่งตอนนั้นเขาขออยู่ต่ออีกประมาณ 3 เดือน ตนก็ยินยอม
-พอครบกำหนด เขาบอกว่ายังไม่มีที่ไป ตนเสนอให้เช่าต่อได้ เขาก็ตกลง แต่ต่อมาก็เปลี่ยนใจไม่เช่า แล้วจะอยู่ต่อฟรี
-ตนก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะซื้อถูกต้องตามกฎหมาย
-ตนก็เห็นใจเขา แต่ตนก็เป็นผู้เสียหายเหมือนกัน พยายามเจรจาด้วยดีแล้ว แต่เขาไม่ปฏิบัติตามที่ตกลงกันไว้


ลักษณะนี้1.5Mจะกลายเป็นแค่ค่าเช่าบ้านอยู่ไหมครับ [/i]

คนซื้อ ไม่มีเครดิต กู้แบงค์ไม่ได้ เลยต้องมาผ่อนกับ เจ้าของโครงการ


เจ้าของโครงการ น่าจะมีปัญหาหนี้สิน เลยเอาบ้านในโครงการ ไปจำนองกับแบงค์


เจ้าของโครงการไปไม่รอดทรัพย์สินเลยโดนแบงค์ยึด


บ้านโดนขายผ่านกรมบังคับคดี


สรุป ตามกฏหมาย ก็คือ คนซื้อ ซวยครับ ทำอะไรไม่ได้ เสียบ้านแน่นอน

'ทำสัญญาซื้อราคา 3ล้าน ผ่อนชำระตรงกับเจ้าของโครงการ' คีย์หลักน่าจะอยู่ตรงนี้แหละ

ต้องไปดูสัญญาว่าอะไรยังไง ถ้าสัญญาถูกต้อง มีหลักฐานการผ่อนชำระ แบบนี้ไม่น่ายาก

แต่ถ้าพิสูจน์เรื่องสัญญาซื้อขายไม่ได้ จบครับ

คนผ่อนต้องไปฟ้องเจ้าของโครงการสิ จะโยนปัญหาไปให้คนที่ประมูลมาได้ไง

มีหลายเคสที่เป็นแบบนี้แต่ไม่รู้ก่อนหน้านั้นจบยังไง

ผมมีความคิดแปลกๆเรื่องบ้านเรื่องนึง
ถ้าบ้านราคาไม่แพง แต่ตัวโครงการไม่ได้เป็นรายใหญ่ เป็นธุรกิจท้องถิ่น
ผมขอผ่อนกับธนาคารดีกว่า ต่อให้มีเงินซื้อสดก็ตาม

เกิดเคสแบบที่มหาชัย บ้านทรุด บ้านเอียงเยอะๆ หรือเคสแถวสายไหม-รังสิต ที่อยู่ๆก็เป็นทางภาระจำยอมหลังหมู่บ้านเป็นโกดังสินค้ารถบรรทุกวิ่งผ่าหมู่บ้านกันทั้งวันทั้งคืน
เป็นผมผมหยุดผ่อนเลย ให้ฟ้องล้มละลายยึดทรัพย์ก็ว่ากันไป ผมเชื่อว่าธนาคารจะเป็นตัวกลางไล่บี้เจ้าของโครงการ เพราะไม่อยากให้เกิดหนี้เสีย
แต่ถ้าดาวน์ไปครึ่งนึง หรือดันซื้อสด ความเสี่ยงมันไหลมาหาเรา 100% ดิ้นไปไหนไม่ได้ เหมือนจมน้ำหายใจไม่ออก

ไม่รู้ว่าผมคิดถูกไหม

ที่ดินแบ่งขาย เงินผ่อนเคสแบบนี้เพรียบเลยครับ
ผ่อนจบจะโอนที่ไหนได้โฉนดติดจำนอง ฮ่า

เคสนี้คนซื้อซวยจริงๆต้องไปฟ้องค่าเรียกค่าเสียหายจากโครงการแหละ
คนประมูลเข้ามาตามกรอบของกฏหมาย

ที่ดินแบ่งขาย เงินผ่อนเคสแบบนี้เพรียบเลยครับ
ผ่อนจบจะโอนที่ไหนได้โฉนดติดจำนอง ฮ่า

เคสนี้คนซื้อซวยจริงๆต้องไปฟ้องค่าเรียกค่าเสียหายจากโครงการแหละ
คนประมูลเข้ามาตามกรอบของกฏหมาย

เคสนี้ ความซวยตกที่เจ้าของบ้านเก่า สุดท้ายต้องย้ายออกแล้วไปดำเนินคดีกับเจ้าของโครงการเอา
แต่ดูอยากระยะเวลาแล้วน่าจะมีส่วนที่ละเลยพอควร จนบ้านมาอยู่กับกรมบังครับคดีนานแบบนี้

ผู้ประมูลใหม่ทำถูกแล้ว สามารถสั่งให้ออกและย้ายเข้าไปได้เลย
แต่ต้องประสานกรมบังคับคดีและตำรวจไล่นะ เดี๋ยวจะมีปัญหาอีก

กรมบังครับคดี ข้อเสียคือสักแต่จะประมูล ไม่เคลียบ้านให้เรียบร้อยก่อน
ภาระจะตกกับผู้ประมูล ต้องไปดำเนินเรื่องประสานงานเอง
เสียเงินแล้วต้องมาเสียเวลาอีก

ผ่อนตรงนี่ยากเลย ไม่รู้ทำสัญญากันไว้ไหมแล้วเขียนกันแบบไหน ต้องไปฟ้องกับโครงการเอาแหละกรณีแบบนี้ แต่โครงการคงล้มละลายไปแล้วมั้งถึงเกิดกรณีแบบนี้ น่าจะจ่ายฟรีไปเป็นค่าเช่าบ้าน8ปีที่อยู่ไปตกเดือนละ16k(ก็แพงอยู่ดี)

พอรู้ว่าบ้านถูกกรมบังคับคดีประกาศขายยังไปเจรจากับโครงการอยู่อีกทั้งที่มันอยู่กับกรมบังคับคดีแล้ว มันต้องรู้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าเอาคืนไม่ได้แล้ว

ลำบากตรง ผุ้ซื้อผ่อนตรงกับเจ้าของ เหมือนผ่อนลม ไม่มีกรรมสิทธิ์อะไร เข้าอยุ่ก็จริง แต่หลังโฉนดไม่ใช่ของตนเลย เจ้าของโครงการเอาไปทำอะไรมั่งเราก็ไม่รุ้

ผมว่าก็เป็นทฤษฎีที่น่าสนใจนะครับ ยอมจ่ายดอกเพื่อลดความเสี่ยง แต่ก่อนทำแบบนี้น่าจะต้องวางแผนทรัพย์สินอย่างอื่นดีๆ ถ้ามีชื่อเรามีทรัพย์สินหลายอย่าง มันจะไปยึดอย่างอื่นแทนบ้านหลังนี้รึเปล่าไม่รู้เหมือนกัน