ช่วงนี้ผมกำลังอยู่ในจุดที่เป็นทางแยกของการทำงานนิดนึงครับ ผมทำงานสายกฎหมายด้านการทำคดีความอยู่ในบริษัทที่ปรึกษาแห่งหนึ่ง (ขอเรียกว่า บริษัท A) ซึ่งก็ทำหน้าที่ได้ดีมาตลอด และกำลังจะได้รับการโปรโมทภายในไตรมาส 1 ปีหน้า ผมก็คิดว่าจะอยู่ที่นี่ยาวๆ แหละ เพราะงานไม่ได้หนักมากเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่ได้รับ

แต่เมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว มี headhunter โทรมาจากบริษัทใหญ่ในประเทศไทย(และต่างประเทศ)แห่งหนึ่ง (ใหญ่ระดับที่รายได้ทั้งเครือน่าจะเกือบๆ แสนล้าน) (ขอเรียกว่า บริษัท B) โทรมาชวนไปเป็นหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและมีหน้าที่ดูแลคดีความของบริษัทในเครือทั้งหมด และดูแลสัญญาของบริษัทในเครือด้วย ซึ่งน่าสนใจมาก เพราะผมจะไม่ต้องไปขึ้นว่าความเอง แค่กำหนดกลยุทธ์กับทีมทนายความ และก็ประสานกับผู้บริหารของบริษัท ซึ่งผมไปสัมภาษณ์มาแล้วก็ผ่านแล้ว เหลือแค่ขั้นตอนทางเอกสาร ยังพอมีเวลาตัดสินใจ

ความลังเลมันอยู่ที่ว่าทั้งสองทางเลือกมันมีข้อดีข้อเสีย

1 ผลตอบแทน: ปัจจุบันผมรับอยู่ประมาณ 200k+ แต่ที่ใหม่ที่เสนอมาอยู่ที่ประมาณ 300k+ ฟังผิวเผินเหมือนจะไม่ต้องคิด แต่ว่าเพดานของบริษัท A มันแทบจะไม่มีเพดานเงินเดือน คือเงินขึ้นปีละ 10-25k เป็นเรื่องปกติ หลังโปรโมทภายในต้นปีหน้าก็น่าจะได้ขึ้นอีกซัก 30-40k ในขณะที่บริษัท B ก็อาจจะฐานสูงกว่า แต่เงินขึ้นหลักพันต่อปีไปเรื่อยๆ อาจจะซัก 7-8 พัน ในระยะยาวยังไงบริษัท A ก็น่าจะเงินเยอะกว่าแน่ๆ

2 เนื้องาน: เนื่องจากการทำงานในบริษัท A ผมต้องว่าความเอง และมีแต่คดีใหญ่ๆ มันเลยมีความเครียดและความกดดันสูงครับ เครียดแบบนอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิทเป็นสัปดาห์ๆ ก็เกิดขึ้นประจำในช่วงก่อนสืบพยานครับ แต่ถ้าบริษัท B ด้วยความที่ไม่ต้องว่าความเอง ผมมั่นใจว่าไม่เครียดเท่า แต่อาจจะต้องเจอเนื้องานประเภทเข้าหาผู้ใหญ่ (นึกภาพพวกกรรมการบริษัทที่เป็นอดีตข้าราชการระดับสูง/อาวุโส) น่าจะมีเนิบๆ พอตัว

3 สังคม: สังคมที่บริษัท A ดีมากๆๆ ส่วนที่บริษัทใหม่ต้องลุ้นกัน อาจจะมีการเมืองก็ได้ มีความไม่แน่นอนสูง

4 อนาคต: แม้บริษัท A จะมีรันเวย์ที่ชัดเจนกว่ามากในเรื่องการเติบโต แต่ถึงจุดนึงผมจะต้องเป็นคนหาลูกค้า ซึ่งตรงนี้ก็เป็นงานยากที่ผมมีความกังวลมาตลอด แต่บริษัท B ก็ไม่ต้องกังวลกับอะไรพวกนี้เลย

ปัจจัยที่นึกออกมีประมาณนี้ครับ จะมีเพิ่มเติมก็คือ แผนการไปบริษัท B ของผมก็จะมีข้อดีเพิ่มมาอีกข้อคือผมน่าจะมีเวลาค่อนข้างแน่นอนสำหรับการลงทุน (เวลาหลังเลิกงานวันละประมาณ 3 ชั่วโมงในการอ่านงบ ศึกษาธุรกิจ valuation อะไรประมาณนี้)

ผมชอบ B มากกว่าแฮะ

อย่างน้อยก็ฐานสูงกว่า ไม่ต้องลุ้นว่าจะขึ้นเท่าไหร่ต่อปี แล้วบริษัท B ใหญ่กว่า โอกาสตกงาน หรือเจอวิกฤติอะไรน่าจะน้อยกว่า

แล้วก็ไม่เครียดเท่า ไม่ต้องหาลูกค้าเอง ไม่ต้องว่าความเอง ผมว่าชิลกว่าเยอะเลย

ชิลกว่า มั่นคงกว่า เครียดน้อยกว่า เงินเดือนสูงกว่า (ในตอนนี้)

ซึ่งเงินเดือนสูงกว่าในตอนนี้ คือตัวเลขที่ได้จริงๆไม่ได้มโน

อย่างบริษัท A หลังจากท่านได้โปรโมท ใครจะไปรู้ว่า อาจจะขึ้นแค่ 7-8 พันเหมือนบริษัท B ก็ได้ เพราะตำแหน่งมันสูงแล้ว เงินเดือนเริ่มชนเพดานแล้ว

ถ้าเป็นผม ไป B แบบไม่ต้องคิดครับ อาจจะต่อรอง B เพิ่มอีกเป็น 350,000 ไรงี้ จะได้ครอบคลุมการเพิ่มเงินเดือนของบริษัท A ไปด้วย

ถ้าท่านยังต้องการการเติบโตและหวังรายได้มากกว่านี้ผมว่า A
แต่ถ้าอยากชิลสบายๆแล้ว รายได้เพียงพอแล้ว ไม่อยากเครียดไป B
ส่วนผมเลือก B

B

จขกท ก็ อยากไป B

เท่าที่จับใจความได้
บริษัท A ท่านมีความเครียดในเนื้องานสูงแต่ประมาณการรายได้ดีมาก
บริษัท B ท่านอาจจะต้องงัดสกิลเข้าหาผู้ใหญ่มาใช้บ่อยขึ้น ถ้าเอาตัวออกจากการเมืองในบริษัทได้ B ก็ไม่น่ากังวล ส่วนประมาณการรายได้ยังไม่เป็นที่พึงพอใจนัก แต่ระดับความเครียดในเนื้องานตัวท่านคิดว่าดีกว่าบริษัท A

ระดับนี้แล้วลองไป B ดูครับ ไปไม่ไหวก็เก็บโปรไฟล์ไว้ไปต่อที่อื่น เอาสุขภาพจิตไว้ก่อน รายได้ดีเอามารักษาตัวจากภาวะเครียดก็ไม่ไหวนะ

เป็นผมผมเลือกบริษัท B แบบไม่ต้องคิดอะไรเยอะนะ เรียงตามความสำคัญประมาณนี้

1. สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญครับ
"มีความเครียดและความกดดันสูงครับ เครียดแบบนอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิทเป็นสัปดาห์ๆ"
ตรงนี้เป็นเหตุผลหลัก ความเครียดส่งผลต่อร่างการเยอะมากๆ นอนไม่หลับอีก ระยะยาวอาจจะไปสู้ burnout อีก

2. นอกจากได้สุขภาพแล้ว ฐานเงินเดือนก็ยังดีกว่า
ถึงAจะเงินเดือนขึ้นเร็วกว่า แต่ก็หลายปีพอสมควรกว่าจะตามกันทัน ยิ่งเทียบtime value of moneyยิ่งนาน
เวลาระดับ 3-7ปี ผมว่าไม่มีใครรู้หรอก ท่านอาจจะย้ายไปบริษัท C ได้ออฟเฟอร์จากบริษัท D E F อีกก็ได้

อนาคตก็เป็นจุดบวกอีก เอาแค่นี้ผมก็ตัดสินใจเลือกที่ใหม่แล้วครับ เรื่องสังคมไปลุ้นเอา

ผมไป B นะผมไม่อยากเครียดอะถ้าถึงขนาดเครียดนอนไม่หลับแล้วก็นะ B ก็ดูดีเลยตามเนื้องานที่ท่านบอกว่าได้รู้คอนเน็คชั่นกับหัวๆด้วยคุยๆไปถูกคอ อนาคตอาจมีธุรกิจเข้ามาให้ทำอีก

ขอdouble up ถึงจะคุ้มครับ

ผมเลือกไม่เครียดก่อนจำนวนเงินอีก สุขภาพสำคัญสุด

เอาคำตอบแบบง่ายๆ นะครับ ถ้าไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน ก็อยู่ที่ๆคุณสบายใจกว่านั่นแหละครับ

เพราะ ส่วนใหญ่คนที่ออกจากที่ทำงานเก่า ส่วนใหญ่ มาจากเบื่อที่ทำงานเดิม กับ ต้องการเงินเดือนเพิ่ม

และ คนไม่ยอมออกจากที่ทำงานเก่า แม้ที่ใหม่ให้เงินเดือนมากกว่า ก็เพราะไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน และ อยู่ที่เก่าทำงานสบายกว่า พูดง่ายๆเหมือนทำงานชิลล์ๆ ไปวันๆ รอรับเงินเดือนอย่างเดียว (แต่คนกลุ่มนี้ จะไม่ค่อยมีความก้าวหน้านะครับ อาจจะมีเงินเดือนขึ้นตามปกติ แต่หน้าที่การงาน ไม่ค่อยขึ้นตาม)