เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ บินไปนิวยอร์กกลางสัปดาห์ ซึ่งถือเป็นจุดนัดพบที่เหมาะสมระหว่างแรตคลิฟฟ์และโจเอล เกลเซอร์ เจ้าของร่วมที่เมืองแทมปา เพื่อหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการที่อาจเกิดขึ้น

ไหนว่าด้านฟุตบอลอำนาจเด็ดขาดอยู่ที่จิม

ไปปรึกษากันว่าจะทำยังไงให้เฮียริมได้อยู่ต่อ

ผลงานอาจจะเกินรับไหว เลยต้องคุยกันหน่อย

ลุ้นให้ปลดก่อนเกมส์เจอแมวดำคงเป็นไปได้ยากแหะโถ่ชีวิตแฟนแมนๆยู

ไอ้ ineos นี่ แรกเข้ามาเหมือนจะดี มีความหวัง อยู่ๆไป เละเทะ

เฮีย ปะทะ เฮีย

เหลือจะเชื่อมีคนบริหารได้ห่วยกว่าเกลเซอร์อีก

ดูไปดูมา เกลเซอร์ ยังจะฉลาดกว่าอีก 55555

ทีมงาน อินิออส แรกๆคิดว่าจะดี สุดท้าย
ก็ไม่รุ้เรื่องงานฟุตบอล จังหวะการตัดสินใจแต่ละอย่าง
ห่วยแตก ไม่ปลดเทนฮากหลังชิงเอฟเอ ละไปเอาริมมาต่อ
กลางฤดูกาล แต่ละอย่างเห้ออ

ไปๆมาๆ จิมมั่วจัดเหมือนกัน

เซอร์จิมมีหุ้น29% ถือว่าใหญ่สุดครับ
แต่พี่น้องเกลเซอร์ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เช่นกัน
มีสิทธ์โหวตค้าน

อันนี้อยากรู้ว่าเกลเซอร์ค้านอะไรไปแล้วบ้าง

ตลาดที่ผ่านมาถือว่าพลาดมั้ย ไม่รู้
ทุ่มงบไปกับแผงหน้า แทนที่จะกระจาย

ตลาดปีหน้าสโมสรเป็นคนจิ้มซื้อก็จริง แต่ควรซื้อตำแหน่งที่โค้ชต้องการ

ขนาดปลิงไม่รู้เรื่องฟุตบอล ผลงานยังไม่ได้แย่ขนาดนี้ คงเรียกไปถามแหละพวกมรึงรู้เรื่องฟุตบอลจริงๆหรอวะ

ปวดหัวกะพวกท่านจริงๆ

แต่อย่างว่า เรามันแค่แฟนบอล จะไปทำกระไรได้ ก็ก้มตาก้มตาเชียร์ทุกนัดกันไป

เอาจริงๆ 2 คนนี้ก็ไม่ควรมายุ่งเรื่องฟุตบอลอ่ะ ตัวเองก็ไม่ใช่คนในวงการฟุตบอลอยู่แล้ว

เป็นเจ้าของเงิน หุ้นส่วนใหญ่ ก็ทำหน้าที่ของตัวเองไป ปล่อยให้คนรับผิดชอบทำงานในส่วนของเค้า

ตาลุงแว่นเฮนรี่ไม่เคยเข้ามาวุ่นวายกิจกรรมสโมสรเลย ขนาด CEO อย่างกอร์ดอนก็ไม่ยุ่ง มีหน้าที่เซ็นเช็คอย่างเดียว

ไม่งั้นจะจ้าง DOF กับตำแหน่งอื่นๆหลังบ้านเยอะแยะให้เปลืองเงินทำไม ก็ให้เค้าทำหน้าที่ไป

ไอ้แบบเกลเซอร์เดิมมันทำถูกอยู่อย่างคือไม่ยุ่งเรื่องพวกนี้ แค่ผิดที่ดันไปจ้างเอ็ดมาทำ

ซึ่งเอ็ดก็ไม่มีความรู้ฟุตบอลเหมือนกัน แล้วก็ไปโฟกัสแต่เรื่องการตลาด, แบรนด์ จนทีมรวย แต่ผลงานสวนทาง